คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่ใช่ทุกอย่างที่ขุดพบจะตกเป็นของแผ่นดิน จะตกเป็นของแผ่นดินได้ต้อง
1. เป็นโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ (ต้องเข้าบทนิยามตามมาตรา 4)
ซึ่งต้องพิจารณาว่าทองคำของเจ้าคุณปู่ที่ขุดพบเป็นประโยชน์ในทางศิลป ประวัติศาสตร์หรือโบราณคดี ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุหรือไม่
หรือทำด้วยฝีมืออย่างประณีตและมีคุณค่าสูงในทางศิลปะ ซึ่งถือเป็นศิลปวัตถุหรือไม่
2. ไม่มีผู้ใดสามารถอ้างเป็นเจ้าของได้ ซึ่งคุณต้องพยายามพิสูจน์ว่าเป็นทรัพย์มีเจ้าของ เช่น พยานบุคคล พินัยกรรม
หรือโดยธรรมเนียมของชาวบ้านต่างจังหวัดจะฝังของมีค่าลงดินเพื่อป้องกันขโมย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่ทรัพย์จะตกเป็นของแผ่นดินต้องเข้าหลักเกณฑ์ทั้งสองข้อ ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ข้อเดียวแผ่นดินก็เอาไปไม่ได้
อีกทั้งไม่มีกฎหมายใดห้ามซื้อขายโบราณวัตถุที่มีเจ้าของ ยิ่งชัดเจนว่าไม่ใช่โบราณวัตถุทุกชิ้นจะตกเป็นของแผ่นดินเสมอไป
ส่วนการเปิดพิพิธภัณฑ์นั้นเอกชนก็ทำได้ครับ เช่น พิพิธภัณฑ์บ้านโละจูด พิพิธภัณฑ์ชุมชนหลวงสิทธิ์ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเขาพระ
สำหรับคำถามที่ว่าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ขุดพบ (และไม่มีใครสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้) ควรเป็นของใคร
ผมคิดว่าควรเป็นของแผ่นดินเพราะในเมื่อไม่มีใครสามารถอ้างได้ว่าเป็นเจ้าของ ทั้งเป็นของมีค่าต่อประวัติศาสตร์ชาติ
ก็ควรจะเป็นทรัพย์สินร่วมกันของคนทั้งชาติ ซึ่งชาติก็ได้เอาเงินภาษีของคนในชาติมาจ่ายค่าตอบแทนให้ 1 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สิน
ถือว่า วิน:วิน ทั้งสองฝ่าย
ส่วนที่ชอบพูดกันเกร่อว่า "ถ้าพบของมีค่าในที่ดินมันเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้าพบยาเสพติดมันเป็นของคุณ" พวกนี้คือวาทกรรมไร้สาระ
เพราะยาเสพติดเป็นของผิดกฎหมาย ไม่มีประโยชน์และไร้ค่า เมื่อพบก็ต้องหาคนที่ครอบครองมันมาลงโทษ
แต่โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุไม่ใช่ของผิดกฎหมาย ซ้ำยังเป็นของล้ำค่าของชาติ หากปล่อยให้ตกเป็นของเจ้าของที่ดิน พิพิธภัณฑ์คงว่างเปล่า
เพราะถูกขายไปยุโรป อเมริกา จีน แล้วคนไทยต้องข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปดูว่าทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์งดงามและน่าทึ่งแค่ไหน
ไม่ใช่ทุกอย่างที่ขุดพบจะตกเป็นของแผ่นดิน จะตกเป็นของแผ่นดินได้ต้อง
1. เป็นโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ (ต้องเข้าบทนิยามตามมาตรา 4)
ซึ่งต้องพิจารณาว่าทองคำของเจ้าคุณปู่ที่ขุดพบเป็นประโยชน์ในทางศิลป ประวัติศาสตร์หรือโบราณคดี ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุหรือไม่
หรือทำด้วยฝีมืออย่างประณีตและมีคุณค่าสูงในทางศิลปะ ซึ่งถือเป็นศิลปวัตถุหรือไม่
2. ไม่มีผู้ใดสามารถอ้างเป็นเจ้าของได้ ซึ่งคุณต้องพยายามพิสูจน์ว่าเป็นทรัพย์มีเจ้าของ เช่น พยานบุคคล พินัยกรรม
หรือโดยธรรมเนียมของชาวบ้านต่างจังหวัดจะฝังของมีค่าลงดินเพื่อป้องกันขโมย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่ทรัพย์จะตกเป็นของแผ่นดินต้องเข้าหลักเกณฑ์ทั้งสองข้อ ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ข้อเดียวแผ่นดินก็เอาไปไม่ได้
อีกทั้งไม่มีกฎหมายใดห้ามซื้อขายโบราณวัตถุที่มีเจ้าของ ยิ่งชัดเจนว่าไม่ใช่โบราณวัตถุทุกชิ้นจะตกเป็นของแผ่นดินเสมอไป
ส่วนการเปิดพิพิธภัณฑ์นั้นเอกชนก็ทำได้ครับ เช่น พิพิธภัณฑ์บ้านโละจูด พิพิธภัณฑ์ชุมชนหลวงสิทธิ์ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเขาพระ
สำหรับคำถามที่ว่าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ขุดพบ (และไม่มีใครสามารถอ้างว่าเป็นเจ้าของได้) ควรเป็นของใคร
ผมคิดว่าควรเป็นของแผ่นดินเพราะในเมื่อไม่มีใครสามารถอ้างได้ว่าเป็นเจ้าของ ทั้งเป็นของมีค่าต่อประวัติศาสตร์ชาติ
ก็ควรจะเป็นทรัพย์สินร่วมกันของคนทั้งชาติ ซึ่งชาติก็ได้เอาเงินภาษีของคนในชาติมาจ่ายค่าตอบแทนให้ 1 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สิน
ถือว่า วิน:วิน ทั้งสองฝ่าย
ส่วนที่ชอบพูดกันเกร่อว่า "ถ้าพบของมีค่าในที่ดินมันเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้าพบยาเสพติดมันเป็นของคุณ" พวกนี้คือวาทกรรมไร้สาระ
เพราะยาเสพติดเป็นของผิดกฎหมาย ไม่มีประโยชน์และไร้ค่า เมื่อพบก็ต้องหาคนที่ครอบครองมันมาลงโทษ
แต่โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุไม่ใช่ของผิดกฎหมาย ซ้ำยังเป็นของล้ำค่าของชาติ หากปล่อยให้ตกเป็นของเจ้าของที่ดิน พิพิธภัณฑ์คงว่างเปล่า
เพราะถูกขายไปยุโรป อเมริกา จีน แล้วคนไทยต้องข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปดูว่าทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์งดงามและน่าทึ่งแค่ไหน
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเราขุดพบทรัพย์สมบัติโบราณในสวนของเราเอง ทรัพย์นั้นควรเป็นของใคร