1. ต้นทุนในการคิดราคาขายบ้านได้ ได้รวมค่าที่ดินส่วนของทางเดินรถทั้งหมู่บ้านไปแล้ว ดังนั้นทุกคนในหมู่บ้านควรได้ใช้ทางเดินรถทุกตารางเมตรอย่างคุ้มค่า
ตัวอย่าง เช่น รถ 1 คัน ราคา 700,000 บาท(ก่อนรวมภาษี) แต่มีต้นทุนของรถคันนั้น เพียง 500,000 บาท แต่ต้องรวมต้นทุนของรถที่นำมาทดสอบความปลอดภัยอีก หลายล้านบาท เมื่อนำมาเฉลี่ยลงในราคารถ 1 คัน แล้วคิดเป็นต้นทุนเพิ่มอีก 60,000 บาท ที่เหลืออีก 140,000 ก็เป็นส่วนของกำไร หรือ ต้นทุน การโฆษณา หรือ อื่นๆ
ดังนั้น ทางเดินรถในหมู่บ้านที่กว้างมากๆ เช่น 12 เมตร นั้นทางโครงการได้ทำตาม พรบ.การจัดสรรที่ดิน ที่ต้องคำนวณตามจำนวนหลังคาเรือนในหมู่บ้าน และเป็นสิ่งจูงใจอย่างหนึ่งในการตัดสินใจซื้อบ้าน เช่นเดียวกับ การเลือกซื้อรถที่ผ่านการทดสอบในระดับที่ดีกว่าย่อมเป็นสิ่งจูงใจในการเลือกซื้อแม้มีราคาที่สุงกว่า
2. ลูกบ้านที่เคารพระเบียบของหมู่บ้าน จอดรถในที่จอดบ้านของตัวเอง ตามที่ตัวเองได้ลงทุนไว้ ทำให้เสียโอกาสใช้ประโยชน์ พื้นที่ใช้สอย ประมาณ 20-25% ของพื้นที่ชิ้นล่างทั้งหมด หรือมีมุลค่า เป็น 25%/จำนวนชั้น ของราคาบ้าน เช่น 12.5% ทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ราคา 2,000,000 บาท = 250,000 บาท คือต้นทุนของการบริหารจัดการที่จอดรถ 1 คัน
ดังนั้น หากลูกบ้านที่ต้องการจอดรถ มากกว่าที่โครงการกำหนดไว้ ต้องมีวิธีบริหารจัดการที่จอดรถโดยมีต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
3. การชดเชยการเสียประโยชน์ในการใช้ทางเดินรถ ซึ่งเป็นต้นทุนของลูกบ้านทุกคนตามข้อ 1. นอกจากต้องชดเชยค่าบำรุงรักษาในอัตราที่เพิ่มให้กับนิตบุคคลแล้ว ควรจะต้องชดเชยให้กับลูกบ้านทุกหลังคาเรือนที่เสียประโยชน์ในการใช้ทางด้วย
ผมไม่เองไม่เข้าใจว่าทำไมปล่อยให้ปัญหาที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นที่ร้ายแรงแบบนี้ เป็นปัญหาค้างคามานานขนาดนี้ ทำไมคิดเพียงว่าเป็นแค่เรื่องของการเอื้อเฟื้อ หรือ ถามหาน้ำใจ บนความเดือดร้อนของคนอื่น
เหตุผลที่ไม่ควรจอดรถ ในทางเดินรถของหมู่บ้าน
ตัวอย่าง เช่น รถ 1 คัน ราคา 700,000 บาท(ก่อนรวมภาษี) แต่มีต้นทุนของรถคันนั้น เพียง 500,000 บาท แต่ต้องรวมต้นทุนของรถที่นำมาทดสอบความปลอดภัยอีก หลายล้านบาท เมื่อนำมาเฉลี่ยลงในราคารถ 1 คัน แล้วคิดเป็นต้นทุนเพิ่มอีก 60,000 บาท ที่เหลืออีก 140,000 ก็เป็นส่วนของกำไร หรือ ต้นทุน การโฆษณา หรือ อื่นๆ
ดังนั้น ทางเดินรถในหมู่บ้านที่กว้างมากๆ เช่น 12 เมตร นั้นทางโครงการได้ทำตาม พรบ.การจัดสรรที่ดิน ที่ต้องคำนวณตามจำนวนหลังคาเรือนในหมู่บ้าน และเป็นสิ่งจูงใจอย่างหนึ่งในการตัดสินใจซื้อบ้าน เช่นเดียวกับ การเลือกซื้อรถที่ผ่านการทดสอบในระดับที่ดีกว่าย่อมเป็นสิ่งจูงใจในการเลือกซื้อแม้มีราคาที่สุงกว่า
2. ลูกบ้านที่เคารพระเบียบของหมู่บ้าน จอดรถในที่จอดบ้านของตัวเอง ตามที่ตัวเองได้ลงทุนไว้ ทำให้เสียโอกาสใช้ประโยชน์ พื้นที่ใช้สอย ประมาณ 20-25% ของพื้นที่ชิ้นล่างทั้งหมด หรือมีมุลค่า เป็น 25%/จำนวนชั้น ของราคาบ้าน เช่น 12.5% ทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ราคา 2,000,000 บาท = 250,000 บาท คือต้นทุนของการบริหารจัดการที่จอดรถ 1 คัน
ดังนั้น หากลูกบ้านที่ต้องการจอดรถ มากกว่าที่โครงการกำหนดไว้ ต้องมีวิธีบริหารจัดการที่จอดรถโดยมีต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
3. การชดเชยการเสียประโยชน์ในการใช้ทางเดินรถ ซึ่งเป็นต้นทุนของลูกบ้านทุกคนตามข้อ 1. นอกจากต้องชดเชยค่าบำรุงรักษาในอัตราที่เพิ่มให้กับนิตบุคคลแล้ว ควรจะต้องชดเชยให้กับลูกบ้านทุกหลังคาเรือนที่เสียประโยชน์ในการใช้ทางด้วย
ผมไม่เองไม่เข้าใจว่าทำไมปล่อยให้ปัญหาที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นที่ร้ายแรงแบบนี้ เป็นปัญหาค้างคามานานขนาดนี้ ทำไมคิดเพียงว่าเป็นแค่เรื่องของการเอื้อเฟื้อ หรือ ถามหาน้ำใจ บนความเดือดร้อนของคนอื่น