"ทิดไพรวัลย์" ทำไมต่างจากตอนเป็น "พระมหาไพรวัลย์"

ทิดไพรวัลย์ ตอนที่ 1 
      วันนี้ของมาร่วมวิเคราะห์ตามความรู้สึกของผมเอง ตอนนี้หลายๆคนอาจจะรู้สึกผิดหวังกับอดีตพระมหาไพรวัลย์ พระนักเทศน์ชื่อดัง แต่หลังจากสึกมาแล้วเป็นทิดไพรวัลย์ ทำไมแตกต่างกันมาก เกิดอะไรขึ้น อาการที่เห็นทิดไพรวัลย์ว่า ขบถ ไม่ยอมใคร ไม่สนผู้ใด และอยากเป็นตัวของตัวเอง ในมุมมองของผมมันเป็นเรื่องปกติมากๆ  และผมค่อนข้างแน่ใจว่าทุกๆคนก็คงเคยผ่านช่วงนี้มาแน่นอน 

      แต่......เราทุกคนจะมีอาการคล้ายๆกันนี้ในช่วงวัย 13-17 ก็คือสมัยเรียนมัธยม สมัยที่เรายังใส่ขาสั้น กระโปรงสั้นกันอยู่ ช่วงนั้นเราก็ยังดูเด็ก ดูใส คนรอบข้างที่เจอกับอาการนี้ พอเห็นก็มักจะให้อภัย เพราะมันเป็นวัยที่ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับทิดไพรวัลย์  หากไม่นับที่อายุตัวหรือระยะที่บวชเรียนมา อาการของทิดในตอนนี้ก็เหมือนวัยรุ่นคนนึงที่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มนั้นเอง แม้จะอยู่ในวัย 30 แล้วก็ตาม!

      เพราะช่วงเวลาในผ้าเหลืองก็คือช่วงเวลาที่ยังไม่สามารถแสดงอารมณ์ ความคิด ความเห็น หรือ ความรู้สึกในแบบที่ฆราวาสต้องการจะเป็นได้ เพราะว่า ถูกกดทับโดย โดยอะไรก็บ้าง อันนี้ผมเชื่อว่าทุกๆคนก็คงรู้กันอยู่แล้วละครับ ขอไม่พูดถึงละกัน  พอทิดไพรวัลย์แกสึกออกมาก็เหมือนแกเพิ่งจะได้มาสัมผัสโลกใบใหม่ ที่รู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งมี เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด 

      ที่สำคัญแกไม่เคยผ่าน สังคมประกิต (Socialization Process) หรือ กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม ต้องบอกเลยว่าในช่วงที่มีสถานะที่เป็นพระสงฆ์ แกผ่านกระบวนอย่างสงฆ์มาอย่างโชกโชน  ในในฐานะที่เป็นฆราวาส ทิดไพรวัลย์ อาจจะไม่ผ่านกระบวนการนี้อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้สิ่งที่แกแสดงออก มันถึงแปลกๆ ถึงขัดกับความรู้สึกของคนทั่วไป รวมถึงไม่มีทีมงานที่คอยแนะนำ ไม่มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของประสบการณ์ที่อยู่ๆจะมีคนมาให้เปลี่ยน  ก็คงไม่สำเร็จ ทิดเองก็คงต้องใช้เวลาเรียนรู้ด้วยตนเองอีกสักระยะนึง เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรือผลกระทบต่อคนรอบข้างและแฟนเพจ  ถึงตอนนั้นก็จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเองว่าจะ พัฒนาตนเองหรือเรียนรู้เพื่อจะเปลี่ยนแปลงไปในแบบใด

เดี่ยวตอนหน้ามาพูดถึง ทิดไพรวัลย์ และ น้าเน็ก กันนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่