400 ศพเด็กทารก ฆาตกรยุควิกตอเรีย l บันทึกลึกลับ

เปิดตำนาน Amelia Elizabeth Dyer ฆาตกรแห่งยุควิกตอเรีย กับการฆ่าเด็กมากกว่า 400 ศพ!!

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

นี่คือคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นในยุควิกตอเรีย (ค.ศ. 1837 – ค.ศ. 1901)
ซึ่งเชื่อกันว่ามีเด็กตายจากฝีมือของฆาตกรคนนี้มากถึง 400 คน!!
 
วันหนึ่งของปี 1902 ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขุดไร่ทำสวนในที่ดินของตัวเอง 
เขาก็ขุดพบโครงกระดูก ‘เด็ก’  จึงรีบวิ่งแจ้นไปแจ้งตำรวจด้วยความตกใจ
พอตำรวจมาตรวจสอบ ก็พบในพื้นที่เดียวกันนั้นยังมีศพเด็กๆ คนอื่นอีก 5 ชีวิตด้วยกัน
ศพแต่ละศพจะถูกห่อไว้ด้วยผ้าและพันด้วยเทปสีขาว มีการใช้น้ำมะนาวราดกลบกลิ่นเอาไว้
เจ้าหน้าที่พยายามจะระบุตัวตนว่าเด็กที่เสียชีวิตเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
แต่สืบไปสืบมาก็ถึงได้รู้ว่าพื้นที่ที่ชายชาวสวนอาศัยอยู่ เป็นบ้านเก่า
ของ Amelia Elizabeth Dyer ฆาตกรผู้ฆ่าเด็กกว่า 400 คนตลอดกว่าสองทศวรรษ!!
 
Amelia เกิดในเมืองเล็กๆ ใกล้ๆ กับเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษเมื่อประมาณปี 1837-1838
โดยเธอเป็นลูกคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน  
 
พ่อของ Amelia เป็นช่างทำรองเท้าผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวจึงจัดอยู่ในขั้นสุขสบาย 
แต่ทว่าแม่ของเธอมีอาการป่วยทางจิต  พี่ 1 ใน พี่น้องทั้ง 6คนของ Amelia ได้เล่าให้ฟังว่า 
มีอยู่ช่วงหนึ่งในเมืองมีการเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง เป็นโรคที่เกี่ยวกับปรสิตจำพวกเหา 
Amelia เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดเชื้อนี้ แต่พอได้ทำการรักษาหาย เธอก็เริ่มมีอาการแปลกไปจากเดิม 
เช่น มีอาการหัวรุนแรงมากขึ้น หงุดหงิดง่าย ทำให้พี่น้องของเธอนั้นมึนงงว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่
 
หลังจากแม่ของเธอเสียชีวิตลง Amelia จึงต้องทำมาหากินด้วยตนเอง 
โดยผันตัวมาเป็นช่างคอเซ็ตท์ หมายถึงช่างที่ตัดเย็บเสื้อผู้หญิงที่ออกแนวเนรมิตรูปทรงพวกเอว 
สะโพก ให้เข้ารูปนั่นเอง ในการทำอาชีพทำให้เธอเริ่มจะต้องเหินห่างจากครอบครัวที่อยู่อีกเมืองหนึ่ง
 
ต่อมาปี 1859 พ่อของ Amelia ได้เสียชีวิตลง พี่ชายของเธอจึงเป็นสืบสานกิจการรองเท้าของพ่อต่อเอง 
ซึ่งในตอนนั้น Amelia อายุราวๆ 22ปี
 
ต่อมาไม่นานนัก เธอก็ได้พบรักกับชายคนหนึ่งชื่อว่า George Thomas
ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน (แต่มีเสียงลือกันว่ามีมากกว่านั้น) 
 
ในช่วงที่แต่งงานนี้เอง Amelia ได้เข้ารับการฝึกเป็นพยาบาลและหมอตำแย 
และยังได้พบกับหญิงคนหนึ่งเช่นกัน เธอนั้นได้ชวน Amelia มาทำอาชีพ '' Baby Farmer ''
ที่ผู้หญิงนิยมทำกันในช่วงปลายยุควิคตอเรีย
 
Baby Farmer ในยุควิคตอเรีย ถ้าเอาเข้าใจง่ายๆก็เหมือนอาชีพ เนิสเซอรี่ในปัจจุบัน 
ที่ลักษณะงานจะเป็นการเอาเด็กทารกจากบุคลหนึ่งมาเลี้ยง โดยได้รับค่าจ้างตามความเหมาะสม
 
ในยุคนั้นอาชีพนี้บูมมาก เนื่องจากคนที่ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวที่คลอดลูกออกมาแล้วไม่มีเวลาดูแล 
บางรายก็ท้องไม่มีพ่อ เลยต้องเอามาฝากไว้กับผู้ที่ทำอาชีพนี้ เมื่อเด็กโตก็กลับมาเอาคืน 
หรือบางรายก็ไม่มาสนใจใยดี ทิ้งไว้ให้กับ Baby Farmer ไปเลย 
เพราะยุคนั้นการที่ท้องไม่มีพ่อนั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอาย 
และโดนสังคมตราหน้าอย่างโหดเหี้ยมมากยิ่งกว่าฆ่าคน ทำให้ต้องทิ้งเด็กไว้แบบนั้น
 
Amelia Dyer เริ่มสนใจในอาชีพรับเลี้ยงเด็กแบบนี้ เธอจึงเอาจริงเอาจังด้านอาชีพนี้โดยเฉพาะ 
จึงเกิดฟาร์มเป็นของตัวเอง เธอรับเลี้ยงเด็กอยู่เป็นจำนวนมากในแต่ละเดือน 
แต่ก็มีเด็กตายในระหว่างการรับเลี้ยงดูจากเธออยู่บ้าง 
จึงมีหลายคนตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กกันแน่ 
แต่ช่วงระยะของการเลี้ยงเด็กที่มีผู้ปกครองมาฝากเลี้ยงนั้น 
เธอมีอาการทางจิต ประสาทอ่อนๆ จึงเกิดมีความคิดอยากฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง
 
ชาวบ้านหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า Amelia โกหกว่ามีปัญหาด้านจิตใจ
เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่มีเด็กหลายคนเสียชีวิตจากการดูแลของเธอหรือเปล่า 
เพราะชาวบ้านมองว่า Amelia มีความต้องการที่จะพยายามฆ่าเด็ก 
แต่นั่นก็เป็นเพียงการสันนิษฐานจากชาวบ้านเท่านั้น
 
จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Amelia พยายามฆ่าตัวตายจริงๆ ด้วยการซด Laudanum
(มอร์ฟีนจากฝิ่นผสมกับสารโคเดอีนซึ่งมักใช้เป็นยาแก้ปวด เข้าไปสองขวดเต็มๆ แต่ก็ไม่สำเร็จ
หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นคนที่ติดทั้งเหล้าทั้งฝิ่นจนเสียผู้เสียคนไปเป็นเวลาหลายปี
 
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจฟาร์มเด็กบูมเอามากๆ 
มีหญิงที่ประสบปัญหาหลายคน ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามหาคู่รักที่พร้อมจะเลี้ยงดูลูก 
หรือตามหาฟาร์มเด็กที่พร้อมเปิดรับเลี้ยง
ขณะที่ฟาร์มเด็กก็มักจะตอบรับคำโฆษณาเหล่านี้ จนกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมว่า..
เป็นเรื่องปกติสำหรับยุคนั้นไปซะแล้ว ส่วนรัฐบาลก็นิ่งเฉยไม่ได้มองว่าเป็นความผิดแต่อย่างใด
จุดนี้เองจึงกลายเป็นโลกใบใหม่ที่เปิดช่องให้ Amelia มีโอกาสได้สัมผัสเลี้ยงดูเด็กๆ 
พร้อมๆ กับฆาตกรรมพวกเขาอย่างเลือดเย็น…
  
Amelia จะแสกนหาโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีคุณแม่คนไหนที่ไม่ต้องการลูกแบบจริงๆ จังๆ 
จากนั้นเธอก็จะติดต่อขอซื้อตัวเด็กในราคา 10 ปอนด์ (ราวๆ 400 บาท) หรือบางครั้งก็ 5 ปอนด์ (200 บาท)
แล้วเด็กเหล่านั้นก็จะเป็นทรัพย์สินของเธอ จนกระทั่งเธอปลดปล่อยพวกเขาด้วยการฆ่าให้ตาย…
เธอได้เด็กมาเท่าไหร่ เด็กจะทำการสังหารเด็กเหล่านั้น เริ่มแรกของแผนคือการทำให้เด็กหิวจนไส้กิ่วนั่นเอง 
พอเด็กหิวมากๆ ก็เอาฝิ่นผสมน้ำเชื่อมให้เด็กซด เมื่อเด็กได้ยานี้แล้วก็จะสงบลงไม่ร้องไห้กระจองงงองแง
จนกระทั่งความหิวโหยได้เอาชีวิตของพวกเขาไป 

พอจบภารกิจ Amelia ก็นำศพเด็กไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจว่า 
สาเหตุอะไรที่ทำให้เด็กเสียชีวิต และคำตอบคือเด็กอดอาหารนั่นเอง
หลังจากที่นั้นเธอก็จะนำศพเด็กไปฝังต่อไป
ในยุคนั้นอังกฤษเป็นช่วงที่คนยากจนนั้นแสนจะเยอะ เต็มไปหมด บวกกับประชากรล้นเมือง
ทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอต่อผู้คนที่อยู่ในชนชั้นล่างๆ จึงทำให้ใครหลายๆคนเชื่อว่าเด็กตาย
เพราะอดนมอดอาหารนั่นเอง ทำให้ ณ ขณะนั้น มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะง่ายต่อ Amelia
ในการเปิดธุรกิจฟาร์มเด็ก และค่อนข้างจะตกเป็นที่สงสัยได้ยาก
 
แต่ถ้าหากว่ามีหมอคนไหนที่สงสัยว่าทำไมมีเด็กๆ ของเธอเสียชีวิตจำนวนมาก 
เธอก็จะเลือกใช้วิธีย้ายเมืองหนี หรือแกล้งมีอาการทางจิตแล้วเข้าโรงพยาบาลโรคจิต
 
Amelia ใช้วิธีนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 1879
คุณหมอที่ Amelia เรียกตัวมายืนยันการเสียชีวิตของเด็ก 
เริ่มมีการสงสัยว่าอาจมีอะไรผิดปกติบางอย่าง จึงเริ่มสืบสวนแล้วก็พบว่าเธอมีความผิดจริง
ทำให้เธอต้องถูกจำคุกและไปเป็นแรงงานในคุกอยู่ประมาณ 1 ปี
พอเธอพ้นโทษก็กลับมาประกอบอาชีพอย่างเดิมคือเป็นพยาบาลและเปิดฟาร์มเด็ก
แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ เธอจะไม่เรียกหมอมายืนยันการตายอีกต่อไป…
 ฆ่าเสร็จเอาไปฝังหรือทิ้งศพเพื่อทำลายหลักฐานเลย โดยไม่ต้องผ่านมือหมอคนไหนทั้งสิ้น
 
ในปี 1880 Amelia Dyer ได้ก้าวเข้ามาเป็นฆาตกรต่อเนื่องแบบเต็มตัวและโหดร้ายอย่างมาก 
เธอจะรับเด็กมาจากคนอื่นและทำการฆ่าอย่างเลือดเย็นโดยใช้เวลารวดเร็วกว่าที่ผ่านมา 
วิธีที่เธอใช้นั้นคือ เอาสายวัดเสื้อผ้ามารัดคอของเด็กแบบแน่นมากๆ ให้เด็กไม่มีโอกาสได้หายใจมาก 
เธอสารภาพว่า ฉันเห็นแบบนั้น แบบที่ฉันทำลงไป ฉันชอบและสะใจมาก 
ยิ่งตอนที่เด็กอ้าปากพยายามจะหายใจ แต่หายใจไม่ได้ ฉันชอบที่สุด..
และเมื่อเด็กตาย Amelia จะรีบทำลายหลักฐานโดยการนำศพไปฝัง 
แต่ช่วงหลังๆ เธอจะมัดศพเด็กมัดกับหินแล้วโยนลงในแม่น้ำเทมส์ 
 
ต่อในวันที่ 30 มีนาคม 1896 เรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งเห็นว่ามีหีบห่ออันหนึ่งลอยอยู่เหนือแม่น้ำ 
พวกเขาจึงเก็บห่อที่ว่านี้ขึ้นมาแล้วเปิดดู ก็พบว่าเป็นศพของเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย
 
ทางเรือจึงติดต่อกฝ่ายนิติเวชมาพิสูจน์ศพ แล้วหลักฐานต่างๆ ก็ชี้เป้าว่า Amelia
มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กๆ ที่เสียชีวิตทางตำรวจจึงวางแผนจับด้วยการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 
ตามหาคู่รักใจดีเพื่อรับเด็กไปเลี้ยง ซึ่ง Amelia ก็ติดกับดัก
 
วันที่ 3 เมษายน 1896 Amelia ได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก 
จึงเปิดออกไป และเห็นตำรวจสี่นายยืนอยู่ข้างนอก และนาทีนั้นเองเธอจึงโดนจับกุม 
 
หลังจากจับกุมตัว Amelia Dyer ตำรวจก็เข้าไปตรวจสอบบ้านของเธอ 
ภายในบ้านมีแต่กลิ่นเน่าของเนื้อ (ตามที่ตำรวจกล่าว) แต่ไม่มีศพเด็กอื่นๆอยู่ในบ้านเลย 
แต่สิ่งที่เห็นก็คือจดหมายหลายร้อยฉบับจากแม่ๆ ที่นำเด็กมาฝากกับ Amelia
 
ทางตำรวจจึงตั้งข้อหาฆาตกรรมให้กับ Amelia โดยทันที เธอถูกแจ้งข้อหาฆาตกรรมเด็ก 3 คน 
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 1896 ทางลูกขุนใช้เวลาวินิจฉัยข้อมูลและหลักฐานในคดีเพียง 4 นาทีครึ่ง
ก็ตัดสินให้ Amelia มีความผิดและต้องโทษประหารชีวิต
 
หลังคำตัดสิน 3สัปดาห์ Amelia ได้ทิ้งข้อความที่ออกแนวคำสารภาพไว้ ให้คนบนโลกได้รู้ 
 
Amelia Elizabeth Dyer ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ
ในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 10 มิถุนายนปี 1896 ปิดตำนานฆาตกรผู้ชอบฆ่าเด็กลงเพียงเท่านี้
ทั้งนี้ผู้เชียวชาญก็เชื่อกันว่า ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของ Amelia เธอฆ่าเด็กไปมากถึง 400 ชีวิตเลยทีเดียว…
 
และต่อมาเธอก็ได้ฉายาจากสื่อมวลชนว่า คนดีแสแสร้ง(คนดีสร้างภาพ) Angel Maker
และหลังการตายของ Amelia Elizabeth Dyer   มีการพิจารณาปรับปรุง
กฎหมายการรับเด็กกำพร้ากับกฎหมายคุ้มครองเด็ก เพื่อป้องกันเหตุร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีกในภายหน้า..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่