บทที่5
เมื่อพากันมาถึงห้องที่ปิดสนิทอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นจากห้องใต้ดิน ดิเรกก็ไม่รอช้า ด้วยรู้ว่าปล่อยเวลาให้เปลืองไปไม่ได้ และความมืดทำให้สถานที่นี้ดูน่ากลัว เขาสอดลูกกุญแจเข้าไปในรูกุญแจประตู พลันที่บิดมันก็ปรากฏเสียงลั่นขึ้นเบา ๆ ....มันเปิดออกได้จริง ๆ ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาบ่งบอกถึงความตื่นเต้นสุดขีด ก่อนค่อย ๆ แง้มบานประตูเปิดออก พร้อมแสงไฟฉายจากกระบอกไฟฉายในมือสุดา
พลันที่สาดแสงไฟเข้าไป ภาพที่เห็นในแสงไฟฉายก็ทำให้คนทั้งสองถึงแก่ตกตะลึง จ้องมองดูด้วยความตื่นตกใจ
กลางห้องอันไร้ซึ่งแสงสว่าง มีแท่นหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนนั้นมีเชือกเปื้อนของเหลวสีแดงสองสามเส้นวางไว้ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเทียนไขที่ถูกจุดแล้วหลายเล่มหลายขนาด เรียงรายรอบแท่นหิน ลักษณะเป็นเหมือนแท่นพิธีกรรมบางอย่าง หนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งวางอยู่บนนั้นด้วย หน้าปกของมันเขียนด้วยอักขระคล้ายตัวอักษรขอมโบราณ
ถัดไปเป็นโลงแก้วใส ภายในบรรจุร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดขาวยาว หล่อนนอนหงายหลับตาพริ้ม สองแขนวางแนบลำตัว แช่อยู่ในของเหลวสีแดงที่เจิ่งนองอยู่ใต้ร่าง และเมื่อพากันก้าวขาสั่น ๆ เข้าไปดูใกล้ ๆ สุดาถึงกับอุทานออกมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหญิงสาวคนดังกล่าวคือใบหน้าของผู้หญิงในภาพวาดหน้าห้องนั่นเอง และของเหลวสีแดงที่นองใต้ร่างหล่อนมันคือเลือด!
“คุณดิเรก ที่เธอนอนแช่อยู่ มะ...มันคืออะไร” กระซิบถาม...ทั้งที่รู้ดีว่ามันคือเลือดอย่างแน่นอน ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเลือดของสิ่งมีชีวิตชนิดไหน สัตว์หรือว่าคน
“มันคือเลือด...คนที่นอนอยู่นั่นคือคุณหญิงอนงค์ ผมจำได้” ดิเรกกระซิบตอบเสียงแห้ง
“เธอตายแล้วใช่ไหมคะ” สุดากระซิบถามอีก
“เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
ดิเรกไม่ตอบคำถามเธอ กระซิบบอกเสียงสั่น จับแขนเธอดึงให้ถอยห่างมาที่ประตูห้อง ประสาทสัมผัสของชายหนุ่มรับรู้ถึงความไม่ปกติบางอย่างของที่นี่
“ท่าทางจะไม่ค่อยดี ทำไมต้องเอาศพคุณหญิงอนงค์มาไว้ที่นี่ด้วย แล้วหล่อเลี้ยงด้วยเลือดงั้นเหรอ...หนังสือนั่นเหมือนเป็นบทสวดทำพิธีกรรมบางอย่าง...คนบ้านนี้ชักจะยังไงเสียแล้ว”
ไม่อยู่รีรอให้เขาบอกซ้ำอีก ความหวาดกลัวจู่โจมเข้าจับขั้วหัวใจ สุดาหันหลังกลับทันที จากนั้นคนทั้งคู่ก็รีบตาลีตาเหลือกกลับขึ้นมาข้างบน ออกจากห้องเก็บของ แล้วปิดประตูไว้ตามเดิม
(มีต่อ)
อาถรรพ์คนเล่นของ ตอน คาถาซ่อนวิญญาณ EP.6
เมื่อพากันมาถึงห้องที่ปิดสนิทอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นจากห้องใต้ดิน ดิเรกก็ไม่รอช้า ด้วยรู้ว่าปล่อยเวลาให้เปลืองไปไม่ได้ และความมืดทำให้สถานที่นี้ดูน่ากลัว เขาสอดลูกกุญแจเข้าไปในรูกุญแจประตู พลันที่บิดมันก็ปรากฏเสียงลั่นขึ้นเบา ๆ ....มันเปิดออกได้จริง ๆ ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาบ่งบอกถึงความตื่นเต้นสุดขีด ก่อนค่อย ๆ แง้มบานประตูเปิดออก พร้อมแสงไฟฉายจากกระบอกไฟฉายในมือสุดา
พลันที่สาดแสงไฟเข้าไป ภาพที่เห็นในแสงไฟฉายก็ทำให้คนทั้งสองถึงแก่ตกตะลึง จ้องมองดูด้วยความตื่นตกใจ
กลางห้องอันไร้ซึ่งแสงสว่าง มีแท่นหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนนั้นมีเชือกเปื้อนของเหลวสีแดงสองสามเส้นวางไว้ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเทียนไขที่ถูกจุดแล้วหลายเล่มหลายขนาด เรียงรายรอบแท่นหิน ลักษณะเป็นเหมือนแท่นพิธีกรรมบางอย่าง หนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งวางอยู่บนนั้นด้วย หน้าปกของมันเขียนด้วยอักขระคล้ายตัวอักษรขอมโบราณ
ถัดไปเป็นโลงแก้วใส ภายในบรรจุร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดขาวยาว หล่อนนอนหงายหลับตาพริ้ม สองแขนวางแนบลำตัว แช่อยู่ในของเหลวสีแดงที่เจิ่งนองอยู่ใต้ร่าง และเมื่อพากันก้าวขาสั่น ๆ เข้าไปดูใกล้ ๆ สุดาถึงกับอุทานออกมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหญิงสาวคนดังกล่าวคือใบหน้าของผู้หญิงในภาพวาดหน้าห้องนั่นเอง และของเหลวสีแดงที่นองใต้ร่างหล่อนมันคือเลือด!
“คุณดิเรก ที่เธอนอนแช่อยู่ มะ...มันคืออะไร” กระซิบถาม...ทั้งที่รู้ดีว่ามันคือเลือดอย่างแน่นอน ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเลือดของสิ่งมีชีวิตชนิดไหน สัตว์หรือว่าคน
“มันคือเลือด...คนที่นอนอยู่นั่นคือคุณหญิงอนงค์ ผมจำได้” ดิเรกกระซิบตอบเสียงแห้ง
“เธอตายแล้วใช่ไหมคะ” สุดากระซิบถามอีก
“เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
ดิเรกไม่ตอบคำถามเธอ กระซิบบอกเสียงสั่น จับแขนเธอดึงให้ถอยห่างมาที่ประตูห้อง ประสาทสัมผัสของชายหนุ่มรับรู้ถึงความไม่ปกติบางอย่างของที่นี่
“ท่าทางจะไม่ค่อยดี ทำไมต้องเอาศพคุณหญิงอนงค์มาไว้ที่นี่ด้วย แล้วหล่อเลี้ยงด้วยเลือดงั้นเหรอ...หนังสือนั่นเหมือนเป็นบทสวดทำพิธีกรรมบางอย่าง...คนบ้านนี้ชักจะยังไงเสียแล้ว”
ไม่อยู่รีรอให้เขาบอกซ้ำอีก ความหวาดกลัวจู่โจมเข้าจับขั้วหัวใจ สุดาหันหลังกลับทันที จากนั้นคนทั้งคู่ก็รีบตาลีตาเหลือกกลับขึ้นมาข้างบน ออกจากห้องเก็บของ แล้วปิดประตูไว้ตามเดิม
(มีต่อ)