Minamata (2021): ภาพถ่ายโลกตะลึง
" ภาพถ่ายรูปเดียว แทนความหมายนับอนันต์... W. Eugene Smith แสดงให้เห็นถึงพลังของภาพถ่ายที่ผลักดันให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ "
สวัสดีครับทุกท่าน... เมื่อปีที่แล้ว มีหนังอีกเรื่องที่น่าประทับใจ แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้มาชวนพูดคุย กระแสในช่วงที่เข้าฉายก็ไม่ได้แรงมาก ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเป็นหนังดราม่าที่สนุกอีกเรื่องหนึ่ง และยังได้นักแสดงนำหลักอย่าง Johny Depp มาวาดลวดลายฝีมือ นอกจากนี้ หนังก็ยังเข้ากับบรรยากาศในตอนนี้ที่เกิดอุบัติเหตุน้ำมันรั่วที่มาบตาพุด จังหวะระยอง จนกระทบกับสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง... เรื่องที่ว่าก็คือเรื่อง
Minamata (2021)
หมายเหตุ - ในกระทู้อาจมีภาพผู้ป่วยโรคมินามาตะ ซึ่งก่อให้เกิดความสะเทือนใจได้
เรื่องย่อ
W. Eugene Smith ช่างภาพสงครามชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง
Minamata (2021) ได้รับการกำกับโดย
Andrew Levitas ตัวเรื่องพูดถึง
W. Eugene Smith (Johny Depp) ช่างภาพสงครามชาวอเมริกันที่ได้รับการร้องขอให้เดินทางไปทำข่าวที่เมืองมินามาตะ ซึ่ง ณ เวลานั้น ชาวเมืองต่างมีปัญหาป่วยเป็นโรคประหลาด จากการที่ได้รับสารพิษปรอทจากบริษัท ชิสโซะ บริษัทอุตสาหกรรมสารเคมีขนาดใหญ่ในเมืองมินามาตะ ยูจีนได้ทำการถ่ายรูปผู้ป่วยมินามาตะมากมาย เพื่อเปิดเผยให้โลกได้รับรู้...
ภาพถ่ายอันทรงพลังของยูจีน จึงทำให้โลกหันมาสนใจในประเด็นนี้ และมีการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องผลกระทบของสารเคมีและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
MINAMATA มินามาตะ ภาพถ่ายโลกตะลึง | Official Trailer
เกร็ดความรู้:
โรคมินามาตะ (พิษปรอท) เกิดจากการที่ผู้ป่วยได้รับสารปรอท โดยตัวปรอทจะทำลายเนื้อเยื่อสมองและระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการชาที่มือและเท้า อาการลามขึ้นไปถึงแขน ขา และริมฝีปาก ต่อมาม่านตาหรี่เล็กลง จิตใจรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวาย พูดช้าและไม่เป็นภาษา ฟังไม่ได้ยิน การใช้มือ เท้า และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆไม่สัมพันธ์กันจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ (Credit -
Matichon)
ความรู้สึกหลังชม
- ต้องยอมรับว่า
Minamata (2021) อาจไม่ใช่หนังแนวชีวประวัติที่ดีที่สุดหรือสมบูรณ์แบบ แต่ถือว่าเป็นหนังที่ทำงานกับคนดูได้ดี ดูง่าย สนุก หนังมีความลึกที่พอดี และมีซีน Emotion ที่ไม่ได้เล่นท่ายาก คนดูส่วนใหญ่สามารถเข้าใจและอินไปกับเรื่องได้ ทั้งยังสามารถรับรู้ได้ถึงความสวยงามของภาพยนตร์ผ่านงานภาพและเสียง รวมถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นของชาวเมืองมินามาตะ
- จุดที่ผมชอบสุดคือ
'เรื่องงานภาพ' โดยเฉพาะการแสดงโทนสีกับการใช้ Contrast ในเรื่อง ต้องขอชื่นชมว่า สวยงามมาก สีของหนังดูอิ่มประหนึ่งมาจากโทนสีที่มาจากกล้องฟิล์ม (
กล้องฟิลม์นี่เอง ก็คือหนึ่งในอาวุธหลักที่ทำให้โลกได้รับรู้ถึงความเป็นความตายของชาวเมืองมินามามาตะ)
- หนังมีการถ่ายทั้ง Close Up ตัวบุคคลและถ่ายบรรยากาศภายในเมือง ทำให้ภาพในหนังออกมาคล้ายกับภาพถ่ายแนว Portrait และ Landscape เพื่อเล่าถึงอารมณ์ ความเจ็บปวด รวมถึงธรรมชาติอันงดงามของเมืองมินามาตะ... จากจุดนี้ ก็สอดรับกับแก่นของเรื่องที่พูดถึงความทรงพลังของภาพถ่ายและเรื่องราวของธรรมชาติ - สิ่งแวดล้อมได้อย่างคมคาย
ภาพจากภาพยนตร์ - Eugene กำลังอุ้มเด็กที่ป่วยเป็นมินามาตะ
- ในส่วนประเด็นหลักของเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกัน นั่นก็คือ
'ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษ' ที่นายทุน (และรัฐ) ต่างสนใจแต่ผลประโยชน์ที่ตัวเงินเป็นหลัก แต่ไม่มองถึงผลกระทบที่มีต่อชาวบ้านที่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากการได้รับสารพิษของสารเคมีในแหล่งน้ำ เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง ทั้งยังไม่สนใจที่จะเยียวยาชาวบ้านเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่ได้กระทำลงไป
ปัญหาเหล่านี้ก็อาจจะมีโอกาสเจอเยอะหน่อยในประเทศที่ระบบ / กลไกตรวจสอบไม่แข็งแรง ทั้งญี่ปุ่นในยุค 70 และอีกหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
- ซีนที่ทรงพลังที่สุดก็คือ ซีนท้ายเรื่องในการถ่ายภาพ
"Tomoko and Mother in the Bath"
ภาพ Tomoko and Mother in the Bath จากการถ่ายของ W. Eugene Smith
นี่คือหนึ่งในภาพที่ทรงพลังของยูจีน โดยในภาพนี้ฉายความรู้สึกของโทโมโกะที่ป่วยเป็นโรคมินามาตะกำลังนอนอาบน้ำในอ่างกับแม่ของเธอ ต้องบอกว่า เป็นซีนที่ตรึงคนดูได้อย่างทรงพลังจริงๆ และจากรูปนี้เอง ก็ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจและได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดของชาวเมืองมินามาตะ รวมถึงเรื่องในระดับย่อยอย่างสายใยและความรักของแม่ที่มีต่อลูก
- เรื่องการแสดง คนที่เด่นที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
Johny Depp ในบท
W. Eugene Smith ตัวแกเองก็แสดงและถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทหนังที่ไม่ได้เนี้ยบ 100% ก็ทำให้การแสดงของแกอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม แต่อาจจะไม่ได้ดันให้แกได้ฉายพลังการแสดงไปในระดับที่ทรงพลังชนิดตราตรึงใจ // ส่วนอีกคนที่ได้รับบทบาทมากในเรื่อง ก็คือ
Minami ในบท
Aileen ล่ามของ Eugene สำหรับการแสดงของเธอ ก็ถือว่าน่าประทับใจเช่นกัน
Minami ในบท Aileen และ Johny Depp ในบท W. Eugene Smith
- สำหรับดนตรีประกอบภาพยนตร์ในเรื่องก็นับว่าน่าสนใจ ตัวหนังได้
Ryuichi Sakamoto ที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ในการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์มาจากเรื่อง
The Last Emperor (1987) มาช่วยประพันธ์เพลง ซึ่งในส่วนของเพลงธีมก็ช่วยเพิ่ม Emotion ให้กับหนังได้ดีทีเดียว
Ryuichi Sakamoto - Minamata Piano Theme | Minamata
One Single Voice (MINAMATA Ending/Trailer Song by Katherine Jenkins and Ryuichi Sakamoto)
สรุป
Minamata (2021) เป็นหนังชีวประวัติที่สนุก และมีมุมมองในการนำภาพถ่ายมาช่วยเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังทำให้เราตระหนักถึงผลกระทบของปัญหามลพิษ / สารเคมี
ดังนั้น ถ้ามีโอกาสก็เป็นอีกเรื่องที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ชมนะครับ ถือเป็นหนังที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่งเลย !
ภาพถ่ายเด็กที่ป่วยเป็นโรคมินามาตะและคุณแม่ โดย W. Eugene Smith ในปี 1972
ภาพถ่ายมือที่ผิดรูปของผู้ป่วยโรคมินามาตะ โดย W. Eugene Smith
_________________________________
ป.ล. ขออนุญาติ แปะกระทู้ของคุณ Darth Prin เอาไว้ กระทู้นี้เล่าความเป็นมาของโรคมินามาตะไว้ละเอียดมาก:
โรคมินามาตะ บทเรียนมลพิษ
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
Minamata (2021) - ความเจ็บปวดของชาวมินามาตะ และภาพถ่ายอันทรงพลังของ W. Eugene Smith
เรื่องย่อ
ความรู้สึกหลังชม
- จุดที่ผมชอบสุดคือ 'เรื่องงานภาพ' โดยเฉพาะการแสดงโทนสีกับการใช้ Contrast ในเรื่อง ต้องขอชื่นชมว่า สวยงามมาก สีของหนังดูอิ่มประหนึ่งมาจากโทนสีที่มาจากกล้องฟิล์ม (กล้องฟิลม์นี่เอง ก็คือหนึ่งในอาวุธหลักที่ทำให้โลกได้รับรู้ถึงความเป็นความตายของชาวเมืองมินามามาตะ)
- หนังมีการถ่ายทั้ง Close Up ตัวบุคคลและถ่ายบรรยากาศภายในเมือง ทำให้ภาพในหนังออกมาคล้ายกับภาพถ่ายแนว Portrait และ Landscape เพื่อเล่าถึงอารมณ์ ความเจ็บปวด รวมถึงธรรมชาติอันงดงามของเมืองมินามาตะ... จากจุดนี้ ก็สอดรับกับแก่นของเรื่องที่พูดถึงความทรงพลังของภาพถ่ายและเรื่องราวของธรรมชาติ - สิ่งแวดล้อมได้อย่างคมคาย
ปัญหาเหล่านี้ก็อาจจะมีโอกาสเจอเยอะหน่อยในประเทศที่ระบบ / กลไกตรวจสอบไม่แข็งแรง ทั้งญี่ปุ่นในยุค 70 และอีกหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
- ซีนที่ทรงพลังที่สุดก็คือ ซีนท้ายเรื่องในการถ่ายภาพ "Tomoko and Mother in the Bath"
- เรื่องการแสดง คนที่เด่นที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Johny Depp ในบท W. Eugene Smith ตัวแกเองก็แสดงและถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทหนังที่ไม่ได้เนี้ยบ 100% ก็ทำให้การแสดงของแกอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม แต่อาจจะไม่ได้ดันให้แกได้ฉายพลังการแสดงไปในระดับที่ทรงพลังชนิดตราตรึงใจ // ส่วนอีกคนที่ได้รับบทบาทมากในเรื่อง ก็คือ Minami ในบท Aileen ล่ามของ Eugene สำหรับการแสดงของเธอ ก็ถือว่าน่าประทับใจเช่นกัน
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ