เวลาพ่อหรือแม่มีเนื้อร้าย มีเงิน แต่ไม่ยอมรักษา บอกว่าขอใช้เวลาที่เหลือเที่ยว ทำอย่างไรกันคะ?

แม่ของเราที่ผ่านมาเป็นคนที่ดูแลสุขภาพดีมาก ช่วงนั้นแม่ก็ตรวจเจอก้อนเนื้อในไตพอดี แม่ยืนยันเสียงแข็งว่าแม่ไม่ต้องการรักษา 

เนื่องจากกระทู้ติด Pick แล้ว เราเกรงว่าจะไม่เหมาะหากครอบครัวญาติมาเห็นค่ะ ขอตัดเนื้อหาบางส่วนออก ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ และขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเข้ามาแสดงความคิดเห็นและส่งกำลังใจมาให้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เคารพการตัดสินใจของคุณแม่ค่ะ

-----

มาตอบเพิ่มเพื่อขยายความนะคะ

พี่ตอบในฐานะที่เสียแม่ไปแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน  แม่พี่ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่เป็นโรคปัจจุบันทันด่วนที่ค่อนข้างทุกข์ทรมาน

เพราะสภาพร่างกาย และอายุไม่เอื้อให้ทำการผ่าตัดได้  แม่ต้องทนปวดคล้ายๆคนที่เป็นมะเร็งอยู่ไม่น้อย  

อาการค่อยๆแย่ลง และจากไปภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน   เป็น 4 เดือนที่รักษาตามอาการ เชิญหมอมาให้ยาแก้ปวดที่บ้าน

มีส่งฉุกเฉินบ้างในวันที่ไม่ไหวจริงๆ  แล้วก็จะกลับมานอนรักษาตัวต่อที่บ้าน

แม่พี่ไม่ยอมรับอาหารทางสายยาง ไม่ยอมให้เจาะใดๆ  สั่งไว้ทั้งตอนมีสติ และตอนที่เจ็บไม่ค่อยมีสติ

พี่เองต้องคอยตอบคำถามญาติๆตลอด ทำไมไม่ให้แม่ทำแบบนั้นแบบนี้ ทำไมๆๆ  ตอบจนไม่อยากตอบ

พี่รักษาสัญญากับแม่ได้จนวันสุดท้ายของแม่ได้ไปอย่างสงบ  ไม่ต้องทรมานจากการพยายามรั้งเค้าเอาไว้

....เพียงเพื่อให้เป็นไปตามที่คนอื่นเห็นสมควร  

ก่อนหน้านั้นหลายๆๆๆปี  เราแม่ลูกชอบคุยกึ่งเล่นกึ่งจริงกันเสมอ  ว่าถ้าใกล้จะตายขึ้นมา จะต้องทำยังไง

แม่ก็พูดซ้ำคำเดิม  อย่ามาเจาะ อย่ามาเสียบสายไอ้โน่นไอ้นี่ใส่ตัวเค้าเชียว  เค้าจะโกรธมากๆ  

ถ้ามันแย่มากนัก ก็ปล่อยให้เค้าไปเถอะ  ถึงอย่างไรคนเราก็ต้องตาย   เกิดแล้ว แก่แล้ว เจ็บแล้ว  ก็เหลือแค่ด่านสุดท้ายเท่านั้น  

ไม่ใช่แค่คุณแม่ที่ท่านเองก็ต้องทำใจยอมรับโรคของตัวเอง   ทุกๆคนก็ควรยอมรับความคิดของท่านด้วย
ความคิดเห็นที่ 2
1. คุณรู้เรื่องอาการเจ็บป่วยเขาแค่ไหน แม่รู้แล้วว่าแม่เป็นอะไร แม่เป็นคนคุยกับหมอ แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รักษา

2. การรักษาที่ว่า เป็นการรักษาแบบไหน คนไข้ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และโอกาสมีแค่ไหน และที่สำคัญมันคุ้มไหมสำหรับคนไข้

3. ถ้าคุณไม่รู้ ถามแม่ คุยให้เข้าใจว่าเขาคิดอย่างไร และตั้งธงไว้ด้วยว่าต้องเคารพการตัดสินใจของแม่

4. ถ้าคิดว่า การตัดสินใจของแม่อยู่บนพื้นฐานที่ผิด (ในความคิดของคุณ) ก็ให้ข้อมูลเพิ่มไป และเผื่อใจไว้ด้วยว่า แม่จะไม่เชื่อ และอย่าเอาความคิดตัวเองไปยัดเยียดจนอึดอัด จะเข้าหน้ากันไม่ติดทั้งสองฝ่าย

5. ขอให้คิดไว้เสมอว่ารักษาด้วยการผ่าตัด คนที่ต้องเจ็บตัวคือแม่ ถ้ารักษาด้วยเคมีหรือรังสี คนที่ทรมานคือแม่ ถ้าแม่คิดว่าไม่คุ้ม มันเป็นสิทธิของแม่ อย่าเอาความสบายใจของตัวเองมาอยู่เหนือสิทธิของแม่
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าผมจะตาย ผมก็อยากได้ตายเร็วๆเหมือนกันอ่ะ อย่ายื้อคนอื่นให้ทรมานเพื่อความสบายใจของตัวเองเลย
ความคิดเห็นที่ 9
หลายคนยังเข้าใจผิดนะครับ คิดว่าการรักษาสุขภาพที่ดี จะไม่เป็นโรคอะไรเลยในชีวิตนี้ อยากจะขอบอกว่า เราก็ยังเป็นโรคอะไรอยู่ดีนะครับแม้จะรักษาสุขภาพดีเพียงใดก็ตาม แต่อาจจะผ่อนหนักให้เป็นเบา และทำให้ชีวิตยืนยาวมากขึ้นกว่าการไม่รักษาสุขภาพ ซึ่งก็ไม่ได้มีมาตรฐานอะไรว่า ผู้ที่รักษาสุขภาพจะต้องอยู่ได้ถึง 100 ปี มันขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆ อย่าง เช่น บางคนหากไม่รักษาสุขภาพเค้าจะมีอายุได้เพียง 50 ปี แต่หากรักษาสุขภาพก็อาจสามารถยืดชีวิตได้ถึง 60 ปี อะไรประมาณนั้นครับ

ดังนั้น การรักษาสุขภาพไม่ใช่หนทางสู่ความเป็นอมตะครับ ทุกคนต้องจากไปในวันหนึ่ง และหากไม่เกิดอุบัติเหตุก็ต้องเป็นโรคอะไรซักอย่างก่อนไป ไม่มีใครที่อยู่ค้ำฟ้าได้ครับ (ขออภัยหากตอบตรงไปหน่อย)

กลับมาที่เนื้องอกในไต การเป็นเนื้องอกในไต หรือมะเร็งในไต เป็นอะไรที่ถ้าจะบอกว่าว่าโชคดีกว่ามะเร็งอื่นๆ ก็น่าจะสามารถพูดได้นะครับ (ถ้าไม่เจอพันธุ์ดุที่แพร่กระจายไปส่วนอื่นซะก่อน) เพราะมะเร็งในส่วนนี้คุณหมอสามารถผ่าตัดเอาออกได้เลย คนเราเหลือไตเพียงข้างเดียวยังอยู่ได้ครับ

หรือหากโชคร้ายอีกนิดคือมะเร็งลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ คุณหมอก็สามารถส่องกล้องขูดเอาเนื้อร้ายออกไปได้ ตามด้วยใส่ยา BCG เข้าไป เป็นวิธีชีวะภาพบำบัด ซึ่งได้ผลดีในเคสที่ร่างกายรับได้กับยา ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนคีโม ฟอลโล่อัพทุก 3 - 6 เดือน ถ้าเจออีกก็ส่องกล้องขูดออกอีก จนกว่าจะหมดไป

แต่หากวิธีข้างต้นไม่ได้ผล ก็ทำการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออก ใส่ถุงหน้าท้องเพื่อรองรับน้ำปัสสาวะข้างนอก ฟังดูเหมือนเลวร้าย แต่คุณพ่อผมผ่าตัดมาแล้ว ตอนนี้ใช้ชิวิตปกติมากๆ ขับรถไปไหนมาไหนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ควรมีคนที่จะคอยเปลี่ยนถุงหน้าท้องให้ทุก 3-5 วันนะครับ หากผู้ป่วยมีอายุมาก ซึ่งตอนนี้ผมก็เป็นผู้ทำหน้าที่นั้นอยู่ และทำจนกลายเป็นเรื่องปกติละครับ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร (ถ้ามีการวางแผนที่ดี)

แต่นั่นหมายถึงมะเร็งลามจากไตมายังกระเพาะปัสสาวะนะครับ ของคุณแม่คุณยังอยู่ที่ไต ถ้ารีบรักษาอย่างทันท่วงที่ อย่างมากก็ตัดไตเหลือข้างเดียว ก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติแล้วครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่