ดิฉันมีญาติผู้ใหญ่ คุณหมอบอกเธอมีอาการหลงผิด คิดว่ามีคนร้ายเข้ามาลักโขมยของในบ้าน
เข้ามาตอนเธอไม่อยู่บ้าน ภายหลังเธอปิดบ้านใส่กุญแจ แล้วไปอยู่บ้านลูกชาย อาการยิ่ง
กำเริบหนักขึ้น พร่ำบ่นทุกบ่อยว่า ของมีค่าต่างๆ ในบ้าน มีคนงัดบ้านโขมยไปจนหมด ไม่มี
สิ่งใดเหลือเลย โดยเฉพาะของที่เธอรัก หวงทั้งหลาย คนโขมยก็คือหลานชายที่เธอไม่ชอบ
โขมยทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งเสื้อผ้าที่เธอนึกถึงและอยากนำมาใช้
อยากถามเพื่อนๆ หรือผู้รู้ อาการแบบนี้ควรแก้ไขอย่างไร เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามันหายไปแล้ว
นำมาให้ดูแล้วก็ยังไม่เชื่อแค่เมื่อเห็น แล้วก็วนเวียนกลับไปคิดเหมือนเดิม เหมือนจะคิดลบอยู่
ตลอดเวลา เธอก็ไม่มีความสุข คนรอบข้างก็ไม่มีความสุข ถ้าคนป่วยคิดลบอยู่ตลอด เธอชอบ
นำชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับญาติๆ ที่อาจจะสบายกว่าตัวเธอ แล้วก็พร่ำว่าตัวเองบุญน้อย
ทุกวันนี้ เธอมีลูกชายที่น่ารัก 2 คน ดูแลคุณแม่ มีลูกสะใภ้ และมีหลาน เพียงแต่ตัวเเธอไม่มี
รายได้ของตัวเอง นอกจากเบี้ยคนชรา และค่าเช่าบ้าน เล็กๆ น้อย ๆ ควรแก้ไขอย่างไรดี
โรคหลงผิดในคนชรา
เข้ามาตอนเธอไม่อยู่บ้าน ภายหลังเธอปิดบ้านใส่กุญแจ แล้วไปอยู่บ้านลูกชาย อาการยิ่ง
กำเริบหนักขึ้น พร่ำบ่นทุกบ่อยว่า ของมีค่าต่างๆ ในบ้าน มีคนงัดบ้านโขมยไปจนหมด ไม่มี
สิ่งใดเหลือเลย โดยเฉพาะของที่เธอรัก หวงทั้งหลาย คนโขมยก็คือหลานชายที่เธอไม่ชอบ
โขมยทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งเสื้อผ้าที่เธอนึกถึงและอยากนำมาใช้
อยากถามเพื่อนๆ หรือผู้รู้ อาการแบบนี้ควรแก้ไขอย่างไร เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามันหายไปแล้ว
นำมาให้ดูแล้วก็ยังไม่เชื่อแค่เมื่อเห็น แล้วก็วนเวียนกลับไปคิดเหมือนเดิม เหมือนจะคิดลบอยู่
ตลอดเวลา เธอก็ไม่มีความสุข คนรอบข้างก็ไม่มีความสุข ถ้าคนป่วยคิดลบอยู่ตลอด เธอชอบ
นำชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับญาติๆ ที่อาจจะสบายกว่าตัวเธอ แล้วก็พร่ำว่าตัวเองบุญน้อย
ทุกวันนี้ เธอมีลูกชายที่น่ารัก 2 คน ดูแลคุณแม่ มีลูกสะใภ้ และมีหลาน เพียงแต่ตัวเเธอไม่มี
รายได้ของตัวเอง นอกจากเบี้ยคนชรา และค่าเช่าบ้าน เล็กๆ น้อย ๆ ควรแก้ไขอย่างไรดี