สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
รู้สึกอนาถใจค่ะ เพราะจะเอาอะไรไปคุยไปอวดต่างชาติเค้า????
หมูแพงยังบอกไม่รู้ ยังแก้ไม่ได้
ยอดหนี้เงินกู้ภายใน 7 ปี เพิ่มถึง 10 ล้าน++ บาทแล้ว
ในบ้านยังแก้ไม่รอดเลย ไม่ได้น่ายกย่องภูมิใจตรงไหน
กลับมาจากการเยือนซาอุดีอาระเบีย หมูก็ยังแพงอยู่ดี เศรษฐกิจก็แย่
ไม่ได้บอกว่าการไปสร้างสัมพันธ์กับทางซาอุดีอาระเบียไม่ดี แต่คนที่ไปเป็นตัวแทนต่างหากค่ะ ที่เป็นปัญหา
หมูแพงยังบอกไม่รู้ ยังแก้ไม่ได้
ยอดหนี้เงินกู้ภายใน 7 ปี เพิ่มถึง 10 ล้าน++ บาทแล้ว
ในบ้านยังแก้ไม่รอดเลย ไม่ได้น่ายกย่องภูมิใจตรงไหน
กลับมาจากการเยือนซาอุดีอาระเบีย หมูก็ยังแพงอยู่ดี เศรษฐกิจก็แย่
ไม่ได้บอกว่าการไปสร้างสัมพันธ์กับทางซาอุดีอาระเบียไม่ดี แต่คนที่ไปเป็นตัวแทนต่างหากค่ะ ที่เป็นปัญหา
ความคิดเห็นที่ 3
ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ก็เพิ่งเดินทางไปเยือนซาอุดิอารเบีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง ก่อนหน้านั้นเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ประธานาธิบดี มาครอง ของฝรั่งเศส ก็เพิ่งเดินทางไปเยือนซาอุดิอารเบีย และก่อนหน้านั้นก็มีผู้นำจากชาติต่าง ๆ ได้รับคำเชิญจากมกุฎราชกุมารให้ไปเยือนซาอุดิอารเบีย
ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า มกุฎราชกุมาร MBS มีวิสัยทัศน์ ที่เรียกว่า Vision 2030 ที่มุ่งพัฒนาซาอุดิอารเบียไปสู่ยุคใหม่ ที่เศษฐกิจลดการพึ่งพาน้ำมัน นโยบายนี้รายละเอียดมีเยอะมาก
หนึ่งในนั้น ก็คือการสร้างเมืองใหม่ที่ชื่อว่า Neom เป็นเมืองอัจฉริยะ เป็นแหล่งบ่มเพาะ และกำเนิดอุตสาหกรรมใหม่ การแปรรูปรัฐวิสหากิจ การนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่นอกเหนือจากกิจการน้ำมันและก๊าซ อย่างที่ คนส่วนมากพอจะรู้ก็คือ การที่กองทุน PIF ซึ่งเป็นกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดิอารเบีย ไปซื้อสโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ในพรีเมียร์ลีก ของอังกฤษเป็นต้น
ซาอุดิอารเบีย ต้องการให้เมืองหลวงของตนเองเป็น Hub หรือศูนย์กลางทางเศษฐกิจและการเงินในกลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งต้องแข่งกันเมืองดูไบ ของสหรัฐอาหรับอิมิเรตที่เป็นฮับในปัจจุบัน ใช้ความได้เปรียบในฐานะประเทศซึ่งมีขนาดเศษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาหรับกดดันให้บริษัทข้ามชาติย้ายสำนักงานจากที่อื่นเข้าไปอยุ่ที่ซาอุดิอารเบีย
หนึ่งในอุตสาหกรรม ที่ซาอุดิอารเบียต้องการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ทดแทนน้ำมัน ก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตอนที่ทางซาอุดิอารเบียมีแผนการในการสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขึ้นมา เขาก็ยกต้วอย่างความสำเร็จของประเทศไทย ว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ และต้องแข่งขันกับไทยให้ได้
ซาอุดิอารเบีย มีแผนการลงทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบวิเวณชายฝั่งทะเลแดงเป็นจำนวนเงินมหาศาล มีโครงการสร้างโรงแรมที่พักมากมาย ซึ่งบริเวณนั้นจัดได้ว่าเป็นแหล่งดำน้ำชั้นดีที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรปได้ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องแข่งขันกับประเทศไทย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ ซาอุดิอารเบีย ก็เป็นผู้นำโลกด้านการท่องเที่ยวทางศาสนาอยู่แล้ว ก่อนเกิดเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด ในแต่ละปี มีมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางไปทำพิธีฮัจย์ และอุมเราะห์ ที่ซาอุดิอารเบียเป็นจำนวนมาก
ที่ซาอุดิอารเบีย ได้เชื้อเชิญผู้นำประเทศที่มีอุตสาหกรรมชั้นนำในด้านต่าง ๆ ไปเยือนประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ก็เพื่อที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศเหล่านั้นในอุตสาหกรรมแต่ละด้าน สำหรับประเทศไทยนั้นเราจัดได้ว่าเป็นผู้นำโลกด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ซาอุฯ เคยกล่าวถึงมาตั้งแต่เริ่มต้นวิสัยทัศน์ Vision 2030 แล้ว
อ้อ แล้วอย่าไปคาดหวังว่า ซาอุฯ จะรับแรงงานไทยเข้าไปเหมือนในอดีตนะครับ เพราะขณะนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ Vision 2030 นั้น ซาอุดิอารเบีย ต้องการลดคนงานต่างชาติลง และทดแทนด้วยคนซาอุดิอารเบียเอง ซึ่งเป็นกระแสของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางกลุ่ม GCC ทั้งหมด
เพียงแต่นโยบายนี้ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เนื่องจากคนซาอุไม่ต้องการทำงานแบบ Blue collar ซึ่งเป็นงานที่คนต่างชาติทำ คนซาอุต้องการทำงานรับราชการ มีชาวซาอุเพียงประมาณราว 10% ที่ทำงานเอกชน
แต่รัฐบาลก็พยายามผลักนโยบายนี้ เพราะในอนาคตแหล่งรายได้หลักของรัฐบาลคือน้ำมันและก๊าซ ก็จะไม่ได้มีมากเหมือนเช่นทุกวันนี้แล้ว รัฐบาลไม่สามารถเลี้ยงคนของตนเองให้มีสวัสดิการระดับเยี่ยมยอดของโลกด้วยรายได้จากน้ำมันอีกต่อไป
เรื่องที่ซาอุ เชื้อเชิญูผู้นำต่างชาติ ที่เป็นชาติผู้นำด้านอุตสาหกรรมแขนงต่าง ๆ นั้น เกิดขึ้นมาซักระยะหนึ่งแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศใหญ่ ๆ อย่างที่เห็นใกล้ ๆ ก็ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ส่วน จีน ญี่ปุ่น เขาเชิญไปก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเชิญไทย แต่อย่างว่า ถ้าหยากจะเรียนรู้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้องเรียนรู้จากประเทศไทย
เหตุผลในการเชิญไทยนั้น เป็นการคาดการณ์ของผมเอง ไม่มีแหล่งข่าวจากทางฝ่ายไหนทั้งสิ้น รอดูว่าตอนสิ้นสุดการเจรจาแล้ว จะเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์หรือเปล่า ผมคาดการณ์จะตอนที่เขาเริ่มทำโครงการแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณทะเลแดงนั้น เขามีการพูดถึงประเทศไทย และเขาบอกว่า เขาจะต้องทำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถแข่งขันกับประเทศไทยให้ได้
ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า มกุฎราชกุมาร MBS มีวิสัยทัศน์ ที่เรียกว่า Vision 2030 ที่มุ่งพัฒนาซาอุดิอารเบียไปสู่ยุคใหม่ ที่เศษฐกิจลดการพึ่งพาน้ำมัน นโยบายนี้รายละเอียดมีเยอะมาก
หนึ่งในนั้น ก็คือการสร้างเมืองใหม่ที่ชื่อว่า Neom เป็นเมืองอัจฉริยะ เป็นแหล่งบ่มเพาะ และกำเนิดอุตสาหกรรมใหม่ การแปรรูปรัฐวิสหากิจ การนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่นอกเหนือจากกิจการน้ำมันและก๊าซ อย่างที่ คนส่วนมากพอจะรู้ก็คือ การที่กองทุน PIF ซึ่งเป็นกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดิอารเบีย ไปซื้อสโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ในพรีเมียร์ลีก ของอังกฤษเป็นต้น
ซาอุดิอารเบีย ต้องการให้เมืองหลวงของตนเองเป็น Hub หรือศูนย์กลางทางเศษฐกิจและการเงินในกลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งต้องแข่งกันเมืองดูไบ ของสหรัฐอาหรับอิมิเรตที่เป็นฮับในปัจจุบัน ใช้ความได้เปรียบในฐานะประเทศซึ่งมีขนาดเศษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาหรับกดดันให้บริษัทข้ามชาติย้ายสำนักงานจากที่อื่นเข้าไปอยุ่ที่ซาอุดิอารเบีย
หนึ่งในอุตสาหกรรม ที่ซาอุดิอารเบียต้องการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ทดแทนน้ำมัน ก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตอนที่ทางซาอุดิอารเบียมีแผนการในการสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขึ้นมา เขาก็ยกต้วอย่างความสำเร็จของประเทศไทย ว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ และต้องแข่งขันกับไทยให้ได้
ซาอุดิอารเบีย มีแผนการลงทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบวิเวณชายฝั่งทะเลแดงเป็นจำนวนเงินมหาศาล มีโครงการสร้างโรงแรมที่พักมากมาย ซึ่งบริเวณนั้นจัดได้ว่าเป็นแหล่งดำน้ำชั้นดีที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรปได้ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องแข่งขันกับประเทศไทย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ ซาอุดิอารเบีย ก็เป็นผู้นำโลกด้านการท่องเที่ยวทางศาสนาอยู่แล้ว ก่อนเกิดเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด ในแต่ละปี มีมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางไปทำพิธีฮัจย์ และอุมเราะห์ ที่ซาอุดิอารเบียเป็นจำนวนมาก
ที่ซาอุดิอารเบีย ได้เชื้อเชิญผู้นำประเทศที่มีอุตสาหกรรมชั้นนำในด้านต่าง ๆ ไปเยือนประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ก็เพื่อที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศเหล่านั้นในอุตสาหกรรมแต่ละด้าน สำหรับประเทศไทยนั้นเราจัดได้ว่าเป็นผู้นำโลกด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ซาอุฯ เคยกล่าวถึงมาตั้งแต่เริ่มต้นวิสัยทัศน์ Vision 2030 แล้ว
อ้อ แล้วอย่าไปคาดหวังว่า ซาอุฯ จะรับแรงงานไทยเข้าไปเหมือนในอดีตนะครับ เพราะขณะนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ Vision 2030 นั้น ซาอุดิอารเบีย ต้องการลดคนงานต่างชาติลง และทดแทนด้วยคนซาอุดิอารเบียเอง ซึ่งเป็นกระแสของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางกลุ่ม GCC ทั้งหมด
เพียงแต่นโยบายนี้ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เนื่องจากคนซาอุไม่ต้องการทำงานแบบ Blue collar ซึ่งเป็นงานที่คนต่างชาติทำ คนซาอุต้องการทำงานรับราชการ มีชาวซาอุเพียงประมาณราว 10% ที่ทำงานเอกชน
แต่รัฐบาลก็พยายามผลักนโยบายนี้ เพราะในอนาคตแหล่งรายได้หลักของรัฐบาลคือน้ำมันและก๊าซ ก็จะไม่ได้มีมากเหมือนเช่นทุกวันนี้แล้ว รัฐบาลไม่สามารถเลี้ยงคนของตนเองให้มีสวัสดิการระดับเยี่ยมยอดของโลกด้วยรายได้จากน้ำมันอีกต่อไป
เรื่องที่ซาอุ เชื้อเชิญูผู้นำต่างชาติ ที่เป็นชาติผู้นำด้านอุตสาหกรรมแขนงต่าง ๆ นั้น เกิดขึ้นมาซักระยะหนึ่งแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศใหญ่ ๆ อย่างที่เห็นใกล้ ๆ ก็ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ส่วน จีน ญี่ปุ่น เขาเชิญไปก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเชิญไทย แต่อย่างว่า ถ้าหยากจะเรียนรู้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้องเรียนรู้จากประเทศไทย
เหตุผลในการเชิญไทยนั้น เป็นการคาดการณ์ของผมเอง ไม่มีแหล่งข่าวจากทางฝ่ายไหนทั้งสิ้น รอดูว่าตอนสิ้นสุดการเจรจาแล้ว จะเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์หรือเปล่า ผมคาดการณ์จะตอนที่เขาเริ่มทำโครงการแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณทะเลแดงนั้น เขามีการพูดถึงประเทศไทย และเขาบอกว่า เขาจะต้องทำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถแข่งขันกับประเทศไทยให้ได้
แสดงความคิดเห็น
การที่นายกเราได้มีโอกาสเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียอีกครั้งถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมั้ยครับแบบนี้จะมีผลอะไรตามมาบ้าง