Eternals (2021) - มาร์เวลในกลิ่นอายที่แตกต่าง ด้วยสไตล์ที่นิ่ง ประณีต และอลังการขึ้น

กระทู้สนทนา

ภาพยนตร์ต่างประเทศ Eternals (ภาพยนตร์) ภาพยนตร์แอ็คชั่น Marvel Cinematic Universe (MCU) ภาพยนตร์ชีวิต

Eternals (2021) - ฮีโร่พลังเทพเจ้า

" Eternals มีกลิ่นอายที่ต่างจากเรื่องอื่น ด้วยสไตล์ที่ลุ่มลึกขึ้น ในขณะที่ความเป็น Commercial อย่างที่เราคุ้นเคยก็ถูกลดทอนลงไป... "

สวัสดีครับทุกท่าน... เนื่องจากผมเพิ่งมีโอกาสได้ชมเรื่อง Eternals เห็นว่าเหล่าผู้ชมเสียงแตกกันพอสมควร (บางคนชอบเลย / บางคนเกลียดไปเลย) ซึ่งหลังจากที่ผมได้รับชม ก็รู้สึกว่าแนวทางของหนังมีแง่มุมที่น่าสนใจและน่าขบคิด เลยอยากจะมาแชร์ไอเดียให้ทุกคนครับ

เรื่องย่อ

Marvel Studios' Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า

Eternals (2021) ได้รับการกำกับโดย Chloé Zhao ผู้กำกับระดับออสการ์ซึ่งมีผลงานเรื่องเยี่ยมอย่าง Nomadland (2020) ที่ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2020 สำหรับเนื้อเรื่องของ Eternals ตัวเรื่องพูดถึงการเดินทางมายังโลกของทีม Eternals เมื่อ 7,000 ปีที่แล้ว โดย Eternals คือ เหล่าฮีโร่ที่ถือกำเนิดจาก Celestials เผ่าพันธุ์อันทรงพลังที่มีส่วนในการสร้างจักรวาล... Eternals ทีมนี้ ถูกส่งมาที่โลก เพื่อทำภารกิจในการปกป้องมนุษย์และอารยธรรมจากเหล่า Deviants สัตว์ประหลาดที่คอยรบกวนการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์

ความรู้สึกหลังรับชม

ความรู้สึกหลังได้ชม รู้สึกว่า "นี่คือหนังมาร์เวลในกลิ่นอายที่แตกต่าง และเป็นผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากการเอา Chloé Zhao มากำกับ" การนำผู้กำกับออสการ์ที่เน้นทำสไตล์หนังนิ่งๆ เรียลๆ เช่น Nomadland (2020) มาทำงานในฟากมาร์เวล ทำให้โทนบรรยากาศและความรู้สึกของเรื่องมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในขณะเดียวกัน หนังก็พยายามหลีกห่างจากความเป็นหนัง Commercial อย่างที่เคยเป็น [ สังเกตว่าสไตล์ของ Eternals แตกต่างจากสไตล์แบบ Commercial เช่น Spider-Man: No Way Home อย่างสิ้นเชิงเลย ]

จากจุดนี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เหล่าผู้ชม Eternals จะเกิดอาการเสียงแตก เพราะ ทางค่ายก็เหมือนจะพยายามวางกรอบเพื่อรักษาสไตล์หนังมาร์เวลเอาไว้ (ที่มีความเป็น Commercial) ขณะที่ตัวผู้กำกับ แกก็มีสไตล์ไปอีกทางนึง... หนังที่ได้ออกมาเลยเป็นลูกผสมที่มีกลิ่นอายแตกต่างออกไป มีความสับสน และดูไปไม่สุด ดังนั้น Eternals จึงถือเป็นงานที่น่าสนใจของมาร์เวล แต่ยังไม่ได้เป็นงานที่ลงตัวมากนัก รวมถึงไม่ได้โดนใจทุกคน จำเป็นต้องมีการทดลองและพัฒนากันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชื่นชมและชอบที่ได้เห็นทิศทางของมาร์เวลในการพัฒนาหนังให้มีความแปลกใหม่ยิ่งขึ้น มีความนุ่ม - ความสุขุมลุ่มลึก รวมถึงโทนหนังที่เรียล ซีเรียส ดราม่ามากขึ้น เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ซับซ้อน ในส่วนช็อตต่อสู้ก็ดูดุดันและ Epic อลังการขึ้น (แต่อาจจะยังไม่เท่าอย่าง Zack Snyder's Justice League (2021) อันนั้นนี่ต่อสู้กันอลังการวินาศสันตะโรของจริง 😂)

จุดที่ผมประทับใจอีกอย่างใน Eternals คงเป็นพวกงานภาพ Cinematography ทั้งหลาย รู้สึกแสงในเรื่องดูนวล ความจัดจ้านสีน้อยลง มุมกล้องที่จัดวางองค์ประกอบงามและยิ่งใหญ่ขึ้น รวมถึงงานออกแบบ / งานดีไซน์ประณีตและละเอียด ตรงนี้ผมว่าทำได้ดีเลย

ในส่วนที่เป็นข้อเสียคงเป็นการดำเนินเรื่องและความยืดเยื้อพิรี้พิไรในบางส่วน ซึ่งถ้าสามารถตัดออกได้ก็จะทำให้หนังกระชับและลงตัวกว่าเดิม

อีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "ประเด็นอภิปรัชญา (Metaphysics) ที่ปรากฏในหนัง" จุดนี้แตกต่างจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอประเด็นเหล่านี้ในหนังมาร์เวล เช่น

" ประเด็นว่าจักรวาลกำเนิดและดำรงอยู่ได้อย่างไร ? "

" โลกของเรามี Free will (เจตจำนงเสรี) จริงๆ หรือไม่... หรือว่าชีวิตของเราถูกกำหนดและควบคุมไว้หมดแล้วโดยธรรมชาติ (หรือโดยผู้ที่อยู่เหนือกฏธรรมชาติ) ? "

ประเด็นเหล่านี้ มักจะเจอในหนังปรัชญาไซไฟล้ำๆ และนี่ก็อาจจะเป็นข้อดีของการนำ Chloé Zhao มากำกับ เพราะแกคงมีมุมมองที่ละเอียดเกี่ยวกับประเด็นเชิงลึกเช่นนี้จากการที่แกเป็นสไตล์ทำหนังรางวัลมาก่อนนั่นเอง

จุดที่ผมสนใจจุดสุดท้ายคือ "การแคสต์ตัว Ma Dong-seok มาแสดงเป็น Gilgamesh" ปกติจะเห็นฮอลลีวูดแคสต์ตัวให้นักแสดงเชื้อชาติจีน เป็นตัวแทนเอเชียตะวันออก เช่น Gemma Chan ที่รับบท Sersi แต่มาในส่วนบทของ Gilgamesh อันนี้เพิ่ม Ma Dong-seok ที่มีเชื้อชาติเกาหลีมาด้วย ซึ่งก็บ่งบอกถึงการเปิดกว้างขึ้นของฮอลลีวู้ด (หรืออย่างน้อยในมุมมองของผู้กำกับ) และบทบาทของนักแสดงเกาหลีใต้ที่โดดเด่นและยืนระยะได้ดีในเวทีภาพยนตร์โลกช่วงระยะหลัง [ Ma Dong-seok แกเด่นมากใน Train to Busan (2016) ]

สรุป

Eternals (2021) เป็นหนังมาร์เวลที่ผมค่อนข้างชอบ โดยเฉพาะความดราม่า ความลุ่มลึก และความประณีตในแง่ Film Language ที่มีมากกว่าเรื่องก่อนๆ หนังมีส่วนผสมของหนังดราม่าชีวิตพอสมควร และถือว่ามีทิศทางที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามหนังก็มีจุดที่ต้องแก้ไข อย่างความยืดเยื้อในเรื่อง ความสับสน - ความชัดเจนของตัวเรื่อง และความที่หนังยังไม่ได้มีจุดไหนที่โดดเด่นเตะตาเป็นพิเศษ (ในส่วนงานภาพ ทำมาได้ดีแล้ว แต่ผมมองว่ายังสามารถทำให้เด่นได้มากกว่านี้อีกด้วย)

ในมุมมองผม ผมคิดว่า มาร์เวลน่าจะกำลังพยายามสร้างภาพยนตร์ที่มีความแตกต่างและหลากหลายมากขึ้น เพื่อหารสชาติใหม่ๆ ให้กับผู้ชม (แต่อาจจะยังไม่ลงตัวมากนัก ณ เวลานี้) เพราะถ้าทางค่ายไม่พยายามปรับในจุดนี้ หนังมันก็อาจจะวนกลับไปคล้ายๆ กับในเฟสที่ผ่านมา จนทำให้ดูจำเจ แถมพล็อตหนังฮีโร่ส่วนใหญ่ก็มีความตายตัวบางอย่างที่ถ้าไม่ขยายประเด็นหรือหลีกไปเล่นประเด็นอื่น มันก็จะวนกลับมาซ้ำกับของเก่าแน่นอน

[ Marvel เริ่มจักรวาลเฟสแรกตั้งแต่ปี 2008 ยาวมาจนถึงเฟสสามที่สิ้นสุดในปี 2019 ด้วยภาพยนตร์ถึง 23 เรื่อง... และตั้งแต่เริ่มเฟส 4 เป็นต้นมา ก็มีภาพยนตร์ / ซีรีส์อีกมากมายในแต่ละปี รวมถึงแผนในอนาคตด้วย ! ]