[CR] รีวิว "MunJom.A" (มันจอมเอ) ร้านอาหารเกาหลีสตรีทฟู้ดปิ้งย่างเปิดใหม่ อยู่ใน Coco Walk บีทีเอสราชเทวี

วันนี้ผมมีนัดกับแฟนออกมาทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันที่ "MunJom.A" (มันจอมเอ) เป็นร้านอาหารเกาหลีเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานอยู่ในโครงการ Coco Walk ซึ่งเราตามมาจากโฆษณาเห็นว่ากำลัง Soft Opening อยู่และให้ส่วนลดพิเศษพร้อมเครื่องเคียงจัดเต็มขอเติมได้ไม่อั้น ด้วยความอยากทานอาหารเกาหลีอันแรงกล้าของแฟนผมเลยจัดการโทรจองให้เสร็จสรรพนัดหมายเข้ามาที่ร้านรอบเวลา 17.00 น. วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตามแผนที่มีลานขนาดใหญ่จอดรถฟรี 4 ชั่วโมง (เมื่อประทับตราร้าน) หากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะใช้ BTS ลงสถานีราชเทวีประตูทางออก 2 ตรงข้ามกับโรงแรมเอเชีย เข้ามาในสุดของโครงการ Coco Walk จะพบกับหน้าร้านที่โดดเด่นด้วยแผ่นสังกะสีขนาดใหญ่เป็นทางยาวสะท้อนแดดด้วยแสงสีเงินประกายสะดุดตา ป้ายไฟพื้นหลังสีแดงสดตัวอักษรเกาหลีพร้อมรูปหน้าอาจุมม่าวาดด้วยสีขาวกับชื่อร้านภาษาอังกฤษสีเหลืองขนาดใหญ่เต็มตาสุดๆ ส่วนเมนูอาหารเกาหลีของที่ร้านนี้จะมีอะไรเด็ดและรสชาติอร่อยโดนใจเราสักแค่ไหนเข้าไปดูด้านในกันเลยครับ

บรรยากาศและการตกแต่งภายในเน้นสไตล์สตรีทผสมกับ Loft เริ่มจากพื้นปูนเปลือยฝ้าด้านบนเป็นโครงเหล็กสีดำเปิดให้เห็นท่อดูดอากาศขนาดใหญ่กระจายทั่วบริเวณ ส่วนโต๊ะเก้าอี้ที่ให้บริการถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่นั่นก็คือ 1. โต๊ะสเตนเลสทำจากถังน้ำมันเก่าทาสีเหลืองล้อมด้วยเก้าอี้กลมบุหนังนั่งสบายสไตล์ Street Food ข้างถนนเกาหลีที่เราคุ้นเคยในซีรีส์ชื่อดัง 2. โต๊ะไม้มีฉากกั้นตกแต่งสไตล์วิทเทจย้อนยุคแบบเกาหลีโบราณนั่งได้ประมาณ 2-4 คน (แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมีของวางเป็นกองสูงดูไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่) 3. โต๊ะไม้ยาวกลางพิเศษร้านไม่มีฉากกั้นนั่งได้ 8 คนสำหรับมาฉลองกันเป็นกลุ่มใหญ่หรือจะต่อโต๊ะยาวรองรับลูกค้าได้สูงสุด 20 คน 4. ห้องส่วนตัวสำหรับจัดเลี้ยงแบ่งเป็น 2 ห้องจุได้แค่ 5 คน แต่สามารถเปิดฉากกั้นออกรวมกันเป็นห้องใหญ่พิเศษรองรับได้สูงสุดถึง 10 คน ด้านในมีทีวีสำหรับไว้จัดปาร์ตี้ร้องคาราโอเกะด้วย ส่วนเล่มเมนูอาหารทางร้านให้มาเป็นแผ่น 2 หน้าแบบนี้รายการต่างๆมีทั้ง จานเรียกน้ำย่อย/บาร์บีคิวจานหลัก/ซุปหม้อร้อน/เครื่องดื่ม/ไอศครีมรวมกว่า 44 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 59-320 บาท และเมนูชุดสุดคุ้มสำหรับ 2-4 คน ราคาเริ่มต้นที่ 890-1,590 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม - Vat. และ Service Charge) ถือว่าเป็นระดับราคาตามมาตรฐานทั่วไปต้องมารอดูรสชาติกับปริมาณที่เสิร์ฟกันก่อนครับ

มาถึงเลือกนั่งกันที่โต๊ะกลมติดริมหน้าต่างสักพักน้องพนักงานก็ยกทั้งถ้วย/ตะเกียบ/จานและกระดาษทิชชู่ออกมาให้เป็นสีเงิน-สีทองแวววับจับใจ เครื่องเคียงต่างๆเสิร์ฟให้ก่อนและขอเติมได้ไม่อั้นรวม 7 รายการคือ 1. กิมจิดองเองรสเปรี้ยวเค็มซ่าลิ้นนิดๆแบบเกาหลีแท้ 2. ถั่วงอกหัวโตลวกคลุกน้ำมันงาเค็มหอมมันเคี้ยวกรุบกรอบ 3. ผักปวยเล้งลวกคลุกกับกระเทียมและน้ำมันงาหอมเค็มกลมกล่อม 4. ลูกชิ้นปลาผสมผักสไตล์เกาหลีหั่นเป็นเส้นๆให้คีบทานง่ายๆ 5. หัวไชเท้าดองสีชมพูสวยงามราวกับกลีบดอกไม้รสเปรี้ยวหวานเคี้ยวกรุบกรอบสดชื่นลงตัว 6. มันฝรั่งและแครอทต้มคลุกด้วยมายองเนสและหัวหอมโรยงาดำเป็นสลัดมันฝรั่ง 7. ยำผักกาดเกาหลีทำจากใบผักกาดหอม/ต้นหอมซอยราดด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวหวานหอมน้ำมันงาผสมพริกป่น-กระเทียมและงาขาวคลุกให้เข้ากันเป็นยำไว้ทานแก้เลี่ยน ส่วนน้ำจิ้มบาร์บีคิวก็มีให้ทั้งหมด 4 สูตร (เดี๋ยวเราค่อยมากินคู่กับหมูย่าง) สุดท้ายแม้แต่แก้วน้ำยังเป็นของเกาหลีสีเงินและสีทองทรงสั้นเก็บกักความเย็นได้เป็นอย่างดี (ใครเคยแวะไปเที่ยวโซลหรือปูซานน่าจะคุ้นกับแก้วทรงนี้แน่นอน) มาครั้งแรกไม่รู้ว่าร้านนี้มีเมนูอะไรเด็ดๆบ้างเลยให้น้องพนักงานช่วยแนะนำหน่อยที่เหลือก็แค่รอเสิร์ฟครับ

จานแรกที่มาเสิร์ฟก่อนเป็น "แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี" ราคา 290 บาท โดยร้านนี้เขาใช้ซีอิ๊วเกาหลีแท้ซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับโชยุผสมซอสฝาสีเขียวรสเค็มนำตัดหวานนิดๆลงตัวดองมาเข้าเนื้อโรยหน้ามาด้วยพริกและกระเทียมสไลด์บางๆ ส่วนแซลมอนที่ใช้ก็มีลายไขมันสวยงามแทรกละเอียดเนียนนุ่มลื่นไหลลงคอไปอย่างง่ายดาย เพิ่มความแซ่บจี๊ดสไตล์ไทยด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวหวานตัดกับแซลมอนที่ดองมาเค็มนำนิดๆได้อย่างลงตัวสมกับเป็นเมนูแนะนำของทางร้านเลยครับ เมนูต่อมาก็ยังคงเป็นซีรีส์ดองคือ "กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี" ราคา 239 บาท รสชาติจะคล้ายๆกับจานที่แล้วก็คือเค็มนำตัดหวานแต่ดองมาเข้าเนื้อยิ่งกว่า (สังเกตได้ที่สีสัน) โรยหน้ามาด้วยพริก/กระเทียมสไลด์เหมือนเดิม โดยทางร้านแกะเปลือกให้เหลือส่วนหัวกับหางไว้เอาไว้ดูดมันและหยิบทานง่าย ทั้ง 2 จานเสิร์ฟพร้อมกับสาหร่ายโนริแผ่นและข้าวสวยญี่ปุ่นโรยสาหร่ายเส้นและงาขาว ประกอบร่างด้วยการตักข้าวสวยวางบนสาหร่ายกับของดองปิดท้ายด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดก่อนเอาเข้าปาก บอกเลยว่าอร่อยเกลี้ยงทั้งน้ำดอง/น้ำจิ้มทุกหยดทานไม่มีเหลือเลยครับ

จานต่อไปเราตั้งใจมาทานโดยเฉพาะคือ "หมูสามชั้น Wet Aged" ราคา 290 บาท เป็นหมูสามชั้น 3 ชิ้นใหญ่-หนาพร้อมตัดแต่งโดยการลอกหนังแข็งออกให้เรียบร้อยก่อนนำไปผ่านกระบวนการ Wet Aged ก็คือการบรรจุเนื้อหมูลงในถุงสุญญากาศก่อนจะนำไปแช่น้ำเย็นตามอุณหภูมิที่กำหนดช่วยเพิ่มความนุ่มและกลิ่นสาบเฉพาะตัวของหมูเบาลง ตามมาด้วย "สันคอหมูหมักซอสดำ" ราคา 290 บาท เป็นสันคอหมูหั่นหนาชิ้นใหญ่เอาไปหมักกับซีอิ๊วเกาหลีปรุงรสพิเศษสูตรของทางร้านจนเข้าเนื้อฟังแล้วก็เหมือนกับร้านอื่นๆ แต่ถ้าลองสังเกตดีๆแล้วจะมีสีสันค่อนข้างอ่อนและไม่มีน้ำไหลนองเต็มจานส่วนรสชาตินั้นเดี๋ยวค่อยมาชิมกันครับ เมนูบาร์บีคิวจานสุดท้ายคือ "สันคอหมูหมักซอสแดง" ราคา 290 บาท เป็นสันคอหมูชิ้นหนาแบบเดียวกับจานก่อนเอาไปหมักซอสโคชูจังสีแดงสดสุดเข้มข้น เคลือบชิ้นจนไม่เห็นสีที่แท้จริงของหมูเล็ดลอดออกมา โดยเนื้อทั้ง 3 จานมาพร้อมกับหอมหัวใหญ่หั่นชิ้นยักษ์และเห็ดออเร็นจิประทับตราสัญลักษณ์ร้านจากนั้นน้องพนักงานก็จะเริ่มลงเตาและตะแกรงพักให้ทันที ซึ่งระบบเตาย่างที่ทางร้านใช้เป็นแบบไฟฟ้านำเข้าจากประเทศเกาหลี ด้านล่างหล่อด้วยน้ำสำหรับรองรับไขมันร้อนเร็วทันใจและน้องพนักงานเป็นคนย่างให้จนกว่าจะพร้อมทาน เริ่มต้นด้วยการเปิดเตา/ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ 200 องศาก็พร้อมย่างแล้วครับ

เริ่มต้นด้วยการลงหมูสามชั้นลงไปในเตาอุณหภูมิ 200 องศาเสียงดังซู่ซ่าพร้อมดึงท่อดูดควันลงมาแทบจะแนบชิดกับเนื้อหมู ซึ่งเทคนิคการย่างของร้านนี้ก็ไม่ธรรมดาก็คือมีการตะแคงแนบส่วนหนังลงไปให้สัมผัสกับหน้าเตาจนมีสีเหลืองทองก่อนจะหั่นเป็นชิ้นพอดีคำด้วยกรรไกร จากนั้นก็พลิกนำส่วนที่โดนตัดลงไปย่างให้สุกกรอบทั่วทั้งชิ้นแบบ 360 องศาแล้วพักเอาไว้บนตะแกรงให้คีบกินเมื่อไหร่ก็ได้ พนักงานถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการย่างหมูที่ดีเลยครับ

ต่อกันด้วยการลงสันคอหมูซอสดำลงไปต่อซึ่งชิ้นนี้ก็ย่างตามปกติไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษอะไร แต่ก่อนจะลงสันคอหมูหมักซอสแดงสังเกตว่าพนักงานใช้แค่กระดาษทิชชู่เช็ดเตาเบาๆคราบดำจากซอสก็หลุดออกง่ายจนสะอาดเหมือนใหม่พร้อมลงหมูจานถัดไปได้ทันที เมื่อย่างเสร็จแล้วหั่นให้พอดีคำด้วยกรรไกรเรียงวางบนตะแกรงสวยงามพร้อมกินกับน้ำจิ้มทั้ง 4 สูตรของทางร้านและตะกร้าผักสดเสิร์ฟไม่อั้นทั้ง ผักกาดหอมใบใหญ่สดกรอบไม่ขม/พริกชี้ฟ้าเกาหลีสีเขียวเม็ดใหญ่หวานกรอบแต่ไม่เผ็ด/ใบงาเกาหลีขนาดใหญ่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวฟุ้งขึ้นจมูกคุณภาพดี/หอมหัวใหญ่หั่นเป็นซีกเอาไว้ทานสดแก้เลี่ยนหมูรสหวานกรอบเผ็ดฉุนนิดๆ และสุดท้ายแตงกวาสายพันธุ์ญี่ปุ่นเนื้อกรอบฉ่ำน้ำรสหวานสำหรับทานเปล่าๆหรือจิ้มกับซอสซัมจังทานเพลินๆ ตอนนี้บาร์บีคิวทุกจานพร้อมแล้วมาเริ่มทานกันเลยครับผม

เริ่มด้วยน้ำจิ้มสูตรแรก "ซอสดำสูตรพิเศษของทางร้าน" เป็นซีอิ๊วเกาหลีปรุงรสให้หวาน-เปรี้ยวหอมน้ำมันงาใส่กระเทียมสับสัมผัสเหนียวข้นนิดๆคล้ายกับซอยการ์ลิก แต่เอามาปรับสูตรให้เข้ากับเมนูปิ้ง/ย่างอร่อยครบรสถูกปากคนไทยแน่นอนครับ น้ำจิ้มสูตรต่อไปเป็นเกาหลีแท้อย่าง "น้ำมันงาเกลือพริกไทย" รสชาติก็ตามชื่อเค็มหอมพริกไทยผสมน้ำมันงาชวนเลี่ยนแต่คนเกาหลีทานแบบนี้จริงๆครับ น้ำจิ้มต่อไปเป็น "โคจูจัง" ปรุงรสพิเศษใส่พริกป่นเกาหลี-น้ำเชื่อมให้สัมผัสเหนียวข้นเค็มตัดหวานลงตัวเอาไว้ทานเปล่าๆโดยการแตะเพียงน้อยนิดหรือห่อกับผักสดก็อร่อยดีครับ สุดท้ายคือ "ซัมจัง" อันนี้ทางร้านก็ปรุงรสมาใหม่ไม่เค็มจัดแบบที่ขายในกระปุกสีเขียวตามซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นเต้าเจี้ยวปรุงรสเค็มนำอมหวานเข้มข้นแตะนิดเดียวก็ได้รสชาติสำหรับห่อผัก/จิ้มแตงกวากับพริกคืออร่อยเพลินมาก

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   MunJom.A (มันจอมเอ)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่