เดิมทีเขาสูบบุหรี่ และดื่มเหล้าเบียร์เป็นประจำค่ะ ส่วนเราทั้งไม่ดื่มและไม่สูบค่ะ
เราขอให้เค้าว่า เลิกสูบบุหรี่ได้ไหม? และเขาก็เลิกบุหรี่ได้
เราคิดว่าเรื่องดื่มเหล้าเบียร์ดื่มได้ หากนานๆที ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ
จนกระทั่ง ชีวิตคู่ผ่านมา7ปีแล้วค่ะ เรามีลูกน้อยอยู่1คน อายุขวบกว่าๆค่ะ
เราเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ หน้าที่หาเงินเลยตกเป็นของสามีเพียงคนเดียวค่ะ
ซึ่งค่าใช้จ่ายเช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต รวมทั้งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาสูง
ทำให้เงินเก็บเราค่อยๆหมดไปค่ะ
เวลาสามีทำงานเครียดมา เขามักจะซื้อเหล้าเบียร์ดื่มตลอดค่ะ
เรารู้สึกว่าควรช่วยกันประหยัดเงินหน่อย แต่มันก็พูดยาก
เพราะมันไม่ใช่เงินที่เราหามา เป็นเค้าคนเดียวที่หามา
แต่วันนึงเราก็พูดขึ้นมาว่า “เลิกเหล้าเลิกเบียร์ได้ไหม? เราควรช่วยกันเก็บเงิน เตรียมตัวเพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนได้แล้วนะ”
แต่เขากลับย้อนขึ้นมาว่า “ถ้าให้เลิกก็เลิกได้ แต่ขอสูบบุหรี่แทน แล้วราคาก็ถูกกว่าเหล้าด้วย”
พอสิ้นสุดประโยค เรารู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันทีว่า เราเลือกผู้ชายผิดมาโดยตลอด
เขาไม่คิดถึงใครเลยนอกจากตัวเขาเอง เขาไม่คิดว่าหากเลิกเหล้าแล้วสูบ
ลูกก็จะพลอยเสี่ยงไปกับควันบุหรี่ หรือบุหรี่มือสอง มันไม่ใช่แค่ควัน แต่มันจะติดตามเสื้อผ้าและร่างกาย
เสี่ยงมะเร็งปอดอีก เขาไม่อยากอยู่กับลูกนานๆหรอ?
เราเริ่มมีความคิดต่างๆเช่น อดทนรอจนกว่าเราจะทำงาน และใช้ชีวิตอยู่กันเป็นครอบครัวต่อไปเรื่อยๆ
หรืออดทนรอจนกว่าเราจะทำงานหาเลี้ยงชีพและลูกได้แล้ว จึงจะหย่ากับเขา
ซึ่งยอมรับว่า เป็นความคิดที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวพอสมควร เอาอารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง
แล้วเลิกรากับสามีโดยไม่คิดถึงลูกว่าต้องการครอบครัวที่พ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
แต่เราก็คิดไปอีกว่า
1.ตอนนี้ลูกเล็ก คนในครอบครัวทุกคนทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม่มีใครมาช่วยเราเลี้ยงลูก นอกจากเขาที่เป็นพ่อ เขาก็มักจะกลับค่ำมืด
และมักจะมีกลิ่นเหล้าเบียร์กลับมาทุกครั้ง และอ้างว่าทำงานล่วงเวลา เจ้านายเป็นคนเลี้ยงตลอด
2.ไปไหนกลับกี่โมงไม่เคยบอก ไม่มีความกระตือรือร้นในการที่จะกลับบ้านมาอยู่กับลูก
หรือใช้ชีวิตอยู่กับลูกเลย หากได้อยู่กับลูก ก็มักจะชอบเปิดการ์ตูนในมือถือให้ลูกดู
เพื่อที่ลูกจะได้ไม่งอแง เวลาแม่ไม่อยู่ (งานบ้านบางอย่าง ผู้ชายมักทำได้ไม่ดีเท่าผู้หญิง เราเลยอาสาทำแทน)
3.เขาเป็นคนใช้เงินเก่งมาก หากใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้ แล้วหากเขาใช้เงินเดือนส่วนของตัวเองจนหมดไปกับค่าเหล้าเบียร์
แล้วมาเบียดเบียนเงินที่เราหามาเพื่อเก็บและเลี้ยงลูกล่ะ จะทำยังไง?
4.เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน หากคุยกันเกี่ยวกับปัญหาในครอบครัวที่ต้องแก้ไข เขามักจะพูดลบให้ตัวเอง
ด้อยค่าตัวเองเกินความจำเป็นมากๆ ทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร จนตัวเองต้องเป็นฝ่ายถูก ซึ่งเขาไม่เข้าใจที่เราต้องการจะสื่อ
เช่น เราพาลูกขึ้นชั้นบนไปนอนกลางวัน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลูก ขึ้นไปตั้งแต่เที่ยง ลงไปชั้นล่างก็5-6โมงเย็นแล้ว
พอเห็นเขาเล่นเกม เราก็บอกว่า “ผ้าของลูกที่ซักทิ้งไว้ในเครื่อง ทำไมไม่เอาออกมาตาก”
เขาก็บอกว่า “ขอพักหน่อย”
เราก็บอกว่า “พักก็พักได้ แต่ทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จก่อนสิค่อยเล่น ถ้วยในซิงค์มีอยู่ตั้งแต่เที่ยงแล้วจะรอล้างเมื่อไหร่”
เขาก็ทำเสียงแข็ง ทำหน้าไม่พอใจ บอกว่า “ โอเค ห้ามพัก ห้ามเล่นเกม เสาร์อาทิตย์ ต้องทำงาน ห้ามอยู่เฉยๆ ถ้าอยู่เฉยๆหรือเล่นเกม แปลว่าขี้เกียจ ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ ไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระอะไรได้เลย ไม่ทำอะไรซักอย่าง” ฯลฯ พูดแง่ลบให้ตัวเองจนเกินไปมาก
รู้สึกคุยกันไม่รู้เรื่อง อะไรที่เราพูดไป เหมือนเป็นเพียงลมเป่าออกไป เขาไม่เข้าใจที่เราต้องการจะสื่อ
เราก็ไม่ได้จู้จี้ตลอด วันไหนเขาอารมณ์ดีอาสาป้อนข้าวลูก เราก็ทำหน้าที่แทนเขาหมดเลย
เตรียมอาหาร ล้างจาน ซักผ้า ตากผ้า เก็บกวาดข้าวของ ทำแปบๆก็เสร็จ ไม่เคยให้เขารับหน้าที่นี้เองตลอดเวลา
ไม่ได้มีเจตนาต่อว่าคนที่ดื่มทุกคนนะคะ แต่เราก็มีความสงสัยนะว่า(ส่วนใหญ่คนที่มักดื่มหนักๆ ดื่มมานานแล้ว)
จะเป็นแบบนี้กันทุกคนรึเปล่า? แบบว่า คุยอะไรกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ตีความไปเรื่อย มโนเกินความจำเป็น
และเราจะแก้ปัญหาเรื่องถ้าเลิกเหล้า จะเอาบุหรี่นี้ยังไงดี?
อาจจะพิมพ์วกไปวนมา พิมพ์ผิดๆถูกๆบ้าง หรือพิมพ์อะไรเกินความจำเป็นไปบ้าง
เนื่องจากต้องการระบาย (ครอบครัวก็ไม่สามารถรับรู้ได้ เพราะไม่อยากพูดถึงปัญหานี้ ที่อาจทำให้ทางครอบครัวต้องเครียด)
ต้องขออภัยด้วย และขอขอบคุณทุกคำแนะนำไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ
ขอให้สามีเลิกดื่มเหล้าเบียร์ แต่เขาขอเปลี่ยนเป็นสูบบุหรี่แทน ควรทำยังไงดีคะ?
เราขอให้เค้าว่า เลิกสูบบุหรี่ได้ไหม? และเขาก็เลิกบุหรี่ได้
เราคิดว่าเรื่องดื่มเหล้าเบียร์ดื่มได้ หากนานๆที ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ
จนกระทั่ง ชีวิตคู่ผ่านมา7ปีแล้วค่ะ เรามีลูกน้อยอยู่1คน อายุขวบกว่าๆค่ะ
เราเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ หน้าที่หาเงินเลยตกเป็นของสามีเพียงคนเดียวค่ะ
ซึ่งค่าใช้จ่ายเช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต รวมทั้งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาสูง
ทำให้เงินเก็บเราค่อยๆหมดไปค่ะ
เวลาสามีทำงานเครียดมา เขามักจะซื้อเหล้าเบียร์ดื่มตลอดค่ะ
เรารู้สึกว่าควรช่วยกันประหยัดเงินหน่อย แต่มันก็พูดยาก
เพราะมันไม่ใช่เงินที่เราหามา เป็นเค้าคนเดียวที่หามา
แต่วันนึงเราก็พูดขึ้นมาว่า “เลิกเหล้าเลิกเบียร์ได้ไหม? เราควรช่วยกันเก็บเงิน เตรียมตัวเพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนได้แล้วนะ”
แต่เขากลับย้อนขึ้นมาว่า “ถ้าให้เลิกก็เลิกได้ แต่ขอสูบบุหรี่แทน แล้วราคาก็ถูกกว่าเหล้าด้วย”
พอสิ้นสุดประโยค เรารู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันทีว่า เราเลือกผู้ชายผิดมาโดยตลอด
เขาไม่คิดถึงใครเลยนอกจากตัวเขาเอง เขาไม่คิดว่าหากเลิกเหล้าแล้วสูบ
ลูกก็จะพลอยเสี่ยงไปกับควันบุหรี่ หรือบุหรี่มือสอง มันไม่ใช่แค่ควัน แต่มันจะติดตามเสื้อผ้าและร่างกาย
เสี่ยงมะเร็งปอดอีก เขาไม่อยากอยู่กับลูกนานๆหรอ?
เราเริ่มมีความคิดต่างๆเช่น อดทนรอจนกว่าเราจะทำงาน และใช้ชีวิตอยู่กันเป็นครอบครัวต่อไปเรื่อยๆ
หรืออดทนรอจนกว่าเราจะทำงานหาเลี้ยงชีพและลูกได้แล้ว จึงจะหย่ากับเขา
ซึ่งยอมรับว่า เป็นความคิดที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวพอสมควร เอาอารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง
แล้วเลิกรากับสามีโดยไม่คิดถึงลูกว่าต้องการครอบครัวที่พ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
แต่เราก็คิดไปอีกว่า
1.ตอนนี้ลูกเล็ก คนในครอบครัวทุกคนทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม่มีใครมาช่วยเราเลี้ยงลูก นอกจากเขาที่เป็นพ่อ เขาก็มักจะกลับค่ำมืด
และมักจะมีกลิ่นเหล้าเบียร์กลับมาทุกครั้ง และอ้างว่าทำงานล่วงเวลา เจ้านายเป็นคนเลี้ยงตลอด
2.ไปไหนกลับกี่โมงไม่เคยบอก ไม่มีความกระตือรือร้นในการที่จะกลับบ้านมาอยู่กับลูก
หรือใช้ชีวิตอยู่กับลูกเลย หากได้อยู่กับลูก ก็มักจะชอบเปิดการ์ตูนในมือถือให้ลูกดู
เพื่อที่ลูกจะได้ไม่งอแง เวลาแม่ไม่อยู่ (งานบ้านบางอย่าง ผู้ชายมักทำได้ไม่ดีเท่าผู้หญิง เราเลยอาสาทำแทน)
3.เขาเป็นคนใช้เงินเก่งมาก หากใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้ แล้วหากเขาใช้เงินเดือนส่วนของตัวเองจนหมดไปกับค่าเหล้าเบียร์
แล้วมาเบียดเบียนเงินที่เราหามาเพื่อเก็บและเลี้ยงลูกล่ะ จะทำยังไง?
4.เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน หากคุยกันเกี่ยวกับปัญหาในครอบครัวที่ต้องแก้ไข เขามักจะพูดลบให้ตัวเอง
ด้อยค่าตัวเองเกินความจำเป็นมากๆ ทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร จนตัวเองต้องเป็นฝ่ายถูก ซึ่งเขาไม่เข้าใจที่เราต้องการจะสื่อ
เช่น เราพาลูกขึ้นชั้นบนไปนอนกลางวัน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลูก ขึ้นไปตั้งแต่เที่ยง ลงไปชั้นล่างก็5-6โมงเย็นแล้ว
พอเห็นเขาเล่นเกม เราก็บอกว่า “ผ้าของลูกที่ซักทิ้งไว้ในเครื่อง ทำไมไม่เอาออกมาตาก”
เขาก็บอกว่า “ขอพักหน่อย”
เราก็บอกว่า “พักก็พักได้ แต่ทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จก่อนสิค่อยเล่น ถ้วยในซิงค์มีอยู่ตั้งแต่เที่ยงแล้วจะรอล้างเมื่อไหร่”
เขาก็ทำเสียงแข็ง ทำหน้าไม่พอใจ บอกว่า “ โอเค ห้ามพัก ห้ามเล่นเกม เสาร์อาทิตย์ ต้องทำงาน ห้ามอยู่เฉยๆ ถ้าอยู่เฉยๆหรือเล่นเกม แปลว่าขี้เกียจ ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ ไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระอะไรได้เลย ไม่ทำอะไรซักอย่าง” ฯลฯ พูดแง่ลบให้ตัวเองจนเกินไปมาก
รู้สึกคุยกันไม่รู้เรื่อง อะไรที่เราพูดไป เหมือนเป็นเพียงลมเป่าออกไป เขาไม่เข้าใจที่เราต้องการจะสื่อ
เราก็ไม่ได้จู้จี้ตลอด วันไหนเขาอารมณ์ดีอาสาป้อนข้าวลูก เราก็ทำหน้าที่แทนเขาหมดเลย
เตรียมอาหาร ล้างจาน ซักผ้า ตากผ้า เก็บกวาดข้าวของ ทำแปบๆก็เสร็จ ไม่เคยให้เขารับหน้าที่นี้เองตลอดเวลา
ไม่ได้มีเจตนาต่อว่าคนที่ดื่มทุกคนนะคะ แต่เราก็มีความสงสัยนะว่า(ส่วนใหญ่คนที่มักดื่มหนักๆ ดื่มมานานแล้ว)
จะเป็นแบบนี้กันทุกคนรึเปล่า? แบบว่า คุยอะไรกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ตีความไปเรื่อย มโนเกินความจำเป็น
และเราจะแก้ปัญหาเรื่องถ้าเลิกเหล้า จะเอาบุหรี่นี้ยังไงดี?
อาจจะพิมพ์วกไปวนมา พิมพ์ผิดๆถูกๆบ้าง หรือพิมพ์อะไรเกินความจำเป็นไปบ้าง
เนื่องจากต้องการระบาย (ครอบครัวก็ไม่สามารถรับรู้ได้ เพราะไม่อยากพูดถึงปัญหานี้ ที่อาจทำให้ทางครอบครัวต้องเครียด)
ต้องขออภัยด้วย และขอขอบคุณทุกคำแนะนำไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ