เรื่องมันมีอยู่ว่า.....
เราเพิ่งเคยทำประกันรถชั้น 1 ใช่ค่ะ ขับรถเก่ามาตลอด  ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเวลาจะต้องเคลม
พอดีเกิดเหตุรถกันชนหน้าแตก (มีคู่กรณี) ประมาณต้นเดือนธันวาคมก็ไปที่อู่ซ่อม เราก็แจ้งขอเปลี่ยนอะไหล่แท้
ทางพนง. ก็แจ้งว่าอาจจะมีคชจ.ส่วนเกินนะคะ และก็จะนำรถเข้าอู่ได้ ก็น่าจะหลังปีใหม่ หากอะไหล่มาแล้วจะโทรแจ้งให้ทราบอีกครั้ง 
เราตอบตกลง หลังจากนั้นก็รออู่ติดต่อกลับ จนกระทั้งกลางเดือน มกราคม เราเห็นเงียบหายจึงสอบถามไปทางLine ว่าเรื่องของเราไปถึงไหนแล้ว

สักพัก พนง.ของอู่ ก็โทรมาแจ้งว่า อะไหล่ มาพอดีเลยค่ะ (แหม่ ทำไมช่างประจวบเหมาะแบบนี้ ) 
เราก็เลยถามถึงส่วนเกิน ที่จะต้องจ่าย ตามที่อู่เคยแจ้งไว้  พนง.บอกมีส่วนเกินประมาณ 1,600 บาท ค่ะ
จะเข้าอู่เมื่อไรให้แจ้งอีกที

ด้วยความที่เราไม่เคยเคลมประกัน และเกิดความสงสัย เลยโทรเข้าไปยังบริษัท ประกัน ลองสอบถามว่า
เราได้นำรถเข้าอู่แล้ว อู่แจ้งว่ามีค่าส่วนเกินอะไหล่ อยากทราบราคาที่แน่ชัด
ทางบริษัท ประกัน แจ้งกลับว่า  ไม่มีส่วนเกินค่าอะไหล่ใดๆ ทางประกันได้อนุมัติวงเงินตามที่อู่เสนอมา  
หลังจากนั้น เราเลยโทรเข้าไปหาที่อู่ และคนรับสายคาดว่าจะเป็นเจ้าของอู่  เราก็เลยบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไป
เจ้าของอู่บอก ถ้าประกันบอกว่าไม่ต้องจ่าย ก็ไม่ต้องจ่ายครับ  เดี๋ยวผมจะให้พนักงานโทรไปแจ้งอีกทีนะครับ
พอสักพัก  พนง.ของอู่ก็ Line มาบอกว่า

หลังจากได้อ่านข้อความก็งงๆ  เราจะต้องต่อว่าเขาไหม หรือยังไง
เรื่องทั้งหมดกลับกลายเป็นความดีความชอบของเขาที่ไปฟาดฟันกับประกันให้เราไม่ต้องจ่ายค่าส่วนเกินของอะไหล่แท้
แต่ทำไมก่อนหน้านั้น ถึงแจ้งเราจ่ายเงิน แล้วถ้าเราไม่โทรไปถามบริษัทฯ ประกันจะเกิดอะไรขึ้น 
เราไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากความตั้งใจ หรือไม่ ของพนักงาน   แต่ที่แน่อู่ควรปรับปรุงเรื่องการประสานงาน และพนง. ให้ดียิ่งขึ้น
ใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเล่าสู่กันฟังนะคะ