บรรลัยวิทยา: เรื่องของหม้อและเตา (แก๊ส)

นอกจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ชิ้นส่วนของโรงงานต่าง ๆ
ที่ส่งมาให้ทีมของผมหาสาเหตุของความเสียหายที่เกิดขึ้น

สิ่งละอันพันละน้อยเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันก็มีส่งเข้ามาเรื่อย ๆ
เพราะบางครั้งผู้ผลิตกับผู้ใช้งานก็เกิดข้อขัดแย้งกันเป็นเรื่องปกติ

ในเคสความขัดแย้งเช่นนี้ สิ่งที่ยากที่สุดคือ 

การสืบหาข้อมูลเบื้องต้นจากการใช้งาน ที่ผู้ใช้งานมักไม่บอกว่าใช้งานอย่างไร
และข้อมูลที่ได้ หลายครั้งเราก็พบว่าข้อมูลที่เราได้รับ มันก็ไม่ใช่ความจริง 

แต่ไม่ว่าอย่างไร ความจริงย่อมมีหนึ่งเดียว 

และความเสียหายมักทิ้งร่องรอยไว้เสมอ

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เป็นเรื่องของหม้อเหล็กกล้าไร้สนิม
ที่ผลิตจากเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด SUS 304 ลูกค้าแจ้งว่าใช้งานมา 6 เดือน



ใช้งานตามปกติ แต่ทำไมหม้อทะลุ !!

มันต้องเป็นสเตนเลสปลอมแน่ ๆ !! 

ก้นหม้อถึงได้กัด (กร่อน) จนทะลุ ขนาดนี้

ในขณะที่ผู้ผลิตก็ยืนยันว่า หม้อที่ตัวเองผลิต ได้มาตรฐาน

หากพิจารณาลักษณะทางกายภาพ ของหม้อที่เราเห็น

เราจะพบว่าหม้อ ก็เป็นหม้อโดยทั่วไป เป็นหม้อเบอร์ 40 หรือ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร
มีหูจับ 2 ข้าง ที่ไม่ได้หุ้ม Bakelite สำหรับป้องกันความร้อนที่บริเวณหูจับนอกจากนี้ก็ไม่อะไรเป็นพิเศษ

ข้อสังเกตเพิ่มเติมคือบริเวณก้นหม้อไม่ว่าจะด้านในหรือด้านนอกของหม้อจะมีคราบดำ ๆ เกิดขึ้น พร้อมสีรุ้ง เล็กน้อย

คราบดำ ๆ เช่นนี้เป็นเรื่องปกติของการใช้งานหม้อเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด SUS 304 เพราะเหล็กกล้าไร้สนิมเกรดนี้เป็นเหล็กกล้าไร้สนิมในกลุ่มออสเตนิติก (Austenitic Stainless Steel) ที่มีความสามารถในการนำความร้อนต่ำ กว่าเหล็กกล้ากลุ่มอื่น ๆ



บริเวณที่สัมผัสเปลวไฟโดยตรง (LPG เมื่อเผาไหม้จะมีอุณหภูมิประมาณ 1,900 องศาเซลเซียส) 
จะเกิดออกไซด์ของเหล็กและโครเมียมได้ง่าย และเกิดเป็นคราบดำ ๆ ขึ้นที่บริเวณก้นหม้อ

เมื่อตรวจสอบโครงสร้างจุลภาคของหม้อที่เกิดความเสียหาย ก็พบว่า ตำแหน่งหม้อที่เกิดการรั่วพบการตกตะกอนของโครเมียมคาร์ไบด์เกิดขึ้น (M23C6) ในขณะที่บริเวณอื่น ๆ ที่ห่างออกไปจากกลางหม้อกลับไม่พบ

ในกรณีนี้ยืนยันได้ว่าหม้อไม่ได้ทะลุจากการหลอมเหลว เพราะจากการตรวจสอบเราพบแค่การเกิดออกไซด์ 
แต่ไม่พบโครงสร้างที่เกิดจากการหลอมของเหล็กกล้าไร้สนิมแต่อย่างใด

และไม่ใช่ลักษณะความเสียหายจากการกัดกร่อน เพราะเราไม่พบการกัดกร่อนแบบรูเข็มหรือ Pitting แต่อย่างใด

จึงเป็นไปได้ว่า บริเวณนี้ขณะเกิดความเสียหาย มีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 650-950 องศาเซลเซียส 
ซึ่งเป็นช่วงที่โครเมียมคาร์ไบด์ตกตะกอน





หากพิจารณาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของบริเวณที่เกิดคราบดำที่เกิดขึ้น
จะพบว่ามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว หรือ ประมาณ 12 เซ็นติเมตร
ซึ่งสอดคล้องขนาดของหัวเตาแรงดันสูง KB-5 ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวเตาอยู่ที่ 5 นิ้ว 



เหตุการณ์นี้จึงเป็นไปได้ว่า มีการใช้เตาแก๊สที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับหม้อประกอบอาหาร
เตาแก๊สที่ใช้มีขนาดเล็กเกินกว่าขนาดของหม้อ และทำให้เกิดความร้อนสะสมบริเวณบริเวณกลางหม้อ

จากสมบัติการถ่ายเทความร้อนที่ไม่ดีของเหล็กกล้าไร้สนิมออสเตนิติก

หากอยากให้น้ำเดือดหรืออาหารสุกเร็ว ๆ แม่ครัวต้องเร่งไฟ
ความร้อนจึงยิ่งเกิดการสะสมบริเวณก้นหม้อ

ความแตกต่างของอุณหภูมิบริเวณก้นหม้อกับตำแหน่งอื่น ๆ จึงยิ่งเพิ่มสูงขึ้น



ความแตกต่างของอุณภูมินี้เองทำให้ผนังหม้อในแต่ละตำแหน่งมีการขยายตัวไม่เท่ากัน
บริเวณก้นหม้อหม้อจึงโก่ง บิดตัว และเกิดความเค้นเกิดขึ้น

การบิดตัวของผนังหม้อนอกจากสังเกตุได้จากสายตา
ยังสังเกตได้จากการพบ Deformation Twin ในโครงสร้างจุลภาค
ซึ่งจะพบได้หากเหล็กกล้าไร้สนิมออกสเตนิติกเสียรูปจากแรงกระทำทางกล 

และเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงเกินกว่า 500 องศาเซลเซียส ความแข็งแรงของเหล็กจะลดลงอย่างมาก
การฉีกขาดของผนังหม้อจึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก



ลักษณะของโครงสร้างจุลภาคยังยืนยันได้ว่าหม้อที่เสียหายได้รับอุณหภูมิสูง
เพราะนอกจากโครเมียมคาร์ไบด์ บางตำแหน่งยังพบการขยายตัวของเกรน
และในการสลายตัวของ Twin 

หลังวิเคราะห์เสร็จ ไม่มีข้อโต้แย้งจากผู้ใช้งานแต่อย่างใด เนื่องจากจำนนด้วยหลักฐาน

บางทีหม้อดีดี ก็ต้องการใช้งานอย่างถูกวิธี

หากใช้ไม่ถูกต้องหรือดูแลไม่ดี มันก็สามารถพังได้ง่าย ๆ ..................ความรักก็เช่นกัน

#เหล็กไม่เอาถ่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่