สวัสดีนะทุกคน วันนี้เรามีเรื่องจะมาเล่าเรียกว่ามาระบายดีกว่า ซึ่งเราพูดกับใครเรื่องนี้ไม่ได้เลย ก่อนอื่นขอท้าวความไปตอนเด็กเลย คือครอบครัวเราพ่อแม่แยกทางกัน ซึ่งพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ แล้วแม่ก็มีใหม่เหมือนกัน เราเลยอาศัยอยู่กับตายาย ซึ่งตารักเรามากเลย มากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เราอยากได้อะไรต้องการอะไรหามาให้หมดเลย แต่พออยู่มาวันนึงตาเราท่านได้จากเราไป ตอนนั้นความรู้สึกเรามันเคว้งคว้างมาก มันอ้างว้าง เหมือนคนอกหัก เหมือนคนจะบ้าเลยก็ว่าได้เพราะเราก็รักตาเรามาก ซึ่งหลังจากตาเสียในตอนนั้นเรายังเรียนไม่จบ แล้วไม่มีคนส่งเรียนแล้ว เราเลยเลือกขึ้นมากรุงเทพมาทำงาน เราก็มากับแฟน ช่วงแรกมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราก็ทำงาน เงินก็ส่งกลับให้ยายบ้าง เราก็ทำแบบนี้มาสักปีหนึ่ง แฟนที่เราอยู่ด้วยก็เลิกกันไป เราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม จนเราย้ายที่ทำงานใหม่ เจอแฟนใหม่ แต่เราอยากจะบอกว่าเราทรมานกับคนนี้มาก ในช่วงแรกๆเขาหึงหวงเราทุกอย่าง เราจะไปไหนกับเพื่อนไม่ได้เลย เพราะเขาจะต้องทุบตีเราตลอด ในช่วงแรกๆเราก็ยอมนะ หลังๆมาเราก็ป้องกันตัวเองเพราะเราก็เจ็บ แต่นานวันเข้าเราก็เหมือนกลายเป็นคนซึมเศร้า มีความคิดอยากจะตายตลอดเวลา เหนื่อย เบื่อ ไม่อยากทำไร อยากไปหาแต่ตาที่เสียไปแล้ว ชีวิตเราพังมาก จากที่เคยส่งเงินให้ยายเราก็ไม่ได้ส่ง ภาระหนี้สินก็หมุนส่งแทบไม่ทัน มันแย่ไปกว่านั้นคือ ไม่เคยมีใครซัพพอร์ตเราเลย แม้แต่แม่ ครอบครัว หรือแฟน ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว เชื่อมั้ยว่าเรามาทำงานกรุงเทพ 6 ปี เราไม่กลับบ้านสักครั้ง เพราะเราไม่มีเงินกลับ หรือมีไม่มาก เรากลัวกลับไปแล้วครอบครัวเราจะอายคนอื่น สังคมต่างจังหวัดอ่ะนะ ถ้าไม่มีรถขับ ไม่มีทองใส่ ก็นินทากัน เราเลยเลือกที่จะไม่กลับ หนักไปกว่านั้นคือ ในบางทีเราเหนื่อยมากๆ เราท้อ เราอ่อนแอ แต่ไม่มีแม้คนบอกเราว่าสู้นะ ครอบครัวไม่เคยมีใครทักมาโทรมาถามเราเลยว่า เราเป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย ถ้าไม่ไหวกลับบ้านเรานะซึ่งเป็นคำที่เราอยากได้ยินมาก เราเสียใจมากเลย ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราอยู่ทุกวันนี้ไปเพื่ออะไรเลย เราอยากมีความสุข อยากมีคนถามถึง แต่สุดท้ายมันแต่ตัวเราคนเดียวกับเงาที่อยู่ข้างๆ
ควรรู้สึกอย่างไรดี