ว่าที่ ภรรยาเกาหลี ที่ผม....เครียด..*

ผมรับราชการครับ   สังกัด 
รร.เเห่งหนึ่ง    เป็นฝ่ายบริหาร    เงินเดือน ประมาณสองหมื่นนิดๆ  เเต่ก็มีธุรกิจส่วนตัวด้วย
      ผมกับเเฟน  รู้จักกัน เมื่อ 3 ปีก่อนครับ     
     ผมกับเพื่อนรุ่นน้องตั้งใจไปซื้อรองเท้า ที่นัมเเดมุน (ขออภัยด้วย ถ้าเรียกชื่อย่านการค้าผิดๆถูกๆ  จำไม่ค่อยได้เเล้วฮ่ะ   ผมกับเพื่อน ไปมาเเค่ครั้งเดียว ก็เลยไม่คุ้นสักเท่าไหร่     ปกติเราจะไปเเค่ฮ่องกง กับเวียดนาม เป็นประจำทุกปีครับ
    รอบนี้เพื่อนๆครู ผู้หญิง   อยากไปชมวิวที่ใหม่ๆตามเทรนด์   ก็เลยจัด ทัวร์ เกาหลีไปครับ 
          พอดีผมเจอเธอที่โรงเเรมครับ   
         เธอทำงานหน้าเคาน์เตอร์
....เห็นหน้าสามสี่รอบก็รู้สึกประทับใจ       
      ครูรุ่นน้องที่สนิท เค้าสอนภาษาอังกฤษพอดี     ก็เลยไปขอไอจีเธอมาให้ผมครับ       ผมก็ทักไปหาเธอเลย      
     
      คุยกันได้สองสามวัน    ผมมีกำหนดการเดินทางกลับ  ก็เลยไม่ได้ทำความรู้จักมากกว่านั้น
      ก่อนกลับไทย   ด้วยความที่เราชอบเค้ามาก            ปกติก็เป็นคนเทคเเคร์ คนอื่นอยู่เเล้ว      
  ก็เลยซื้อของเล็กน้อยๆให้เธอครับ
         กลับมาไทย    ผมก็คุยผ่านไอจี วันสองวันคุยกันสักครั้ง      ถ้ามีเวลาก็จะข้อความหากันตลอด     
       เเต่ไม่กล้าคิดไกลถึงขั้นเเต่ง
งานครับ   เพราะระยะทางเป็นอุปสรรค  เราบินไปหาเค้าบ่อยไม่ได้     ไม่สันทัดเกาหลี  ภาษาอังกฤษพอใช้  ไม่รู้จักล่ามอีกนั่นล่ะ 
      
     จนเมื่อ กลางปีที่เเล้ว   เธอมาบ้านเพื่อนเธอ  ที่สิงคโปร์      
      เธอถามผมว่า มาเที่ยวบ้านผมได้มั้ย     
   ผมก็ไปว่า ผมยินดีเลย     ตอนนั้นขำๆครับไม่คิดอะไรมาก  ไม่นึกว่าจะเธอ จะมาจริงๆ     
       เค้าถามผมเล่นๆนะ  ว่า  ผมอยู่เมืองอะไร    ผมก็บอกไปว่า จังหวัด........
       สุดท้ายเธอจองตั๋วจาก สิงคโปร์ มาหาผมที่ไทย   
     ผมไปรับเธอ ที่สนามบิน 
     วันนั้นตื่นเต้นมากครับ
     โชคดีที่วันนั้นเป็นวันหยุดพอดี      ไม่งั้นคงรอเป็นครึ่งค่อนวัน.          
      มันเหมือนการออกเดทในรอบหลายปี    ก็มีประหม่านิดหน่อย       ตื่นเต้นด้วยที่เธอจะมาพักที่บ้าน   
       บ้านผมเป็นบ้านจัดสรร (เดี่ยว) มีพื้นที่ส่วนตัว 
   ก็ให้คุณป้าเเม่บ้าน (ไม่ประจำ)มาทำความสะอาดเเละ จัดห้องส่วนตัวไว้ให้เธอ1ห้อง
       จริงๆก็จะจองโรงแรมในตัวเมืองให้ครับ       เเต่เธอโอเคที่จะพักที่บ้าน       ตอนเเรกก็คิดเยอะว่าเธอจะอยู่ได้มั้ย   เพราะบ้านไม่ได้ใหญ่มาก    2 ชั้น  3 ห้องนอน  2 ห้องน้ำ  ห้องครัวเเยกสัดส่วน  ห้องนั่งเล่น,ดูทีวี   ด้านหลัง มีพื้นที่เหลือ
    ตอนซื้อบ้านใหม่ๆผมอยากเลี้ยงปลาทองเลยให้ช่าง ขุดสระ2×3 เมตรให้   ทำไปทำมาช่างปูกระเบื้องสวยไปหน่อย     
   ...ผมเลยได้สระน้ำเล็กๆมา เเทน  ก็เอาไว้เเช่ตัวเเทนอ่าง  ก็สะดวกดีครับ
    ด้านนอกมีรั้วกำเเพง เป็นสัดส่วนชัดเจนไม่ ยุ่งวุ่นวายกับใคร  
         ผมก็คิดว่าเธอจะมาอยู่สักสองสามวันเเล้วค่อยกลับ        
   วันเเรกผมพาเธอไปดินเนอร์  เดินห้าง   ไม่มีอะไรมาก 
   สองสามวันหลังจากนั้น ก็คุยกันเหมือนคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกัน         ผมก็ไม่กล้าเข้าใกล้เธอเลย   
     ถ้าเป็นผู้หญิงไทย                     ก็จะเขินๆหน่อย   ด้วยความที่ผู้หญิงไทยถูกสอนมาดี 
ก็จะมีความเป็นกุลสตรีสูงมาก  
      ผม ว่า   ผมก็มีความเป็นสุภาพบุรุษพอประมาณ   ก็พยายามรักษาระยะห่างเเล้วนะ    เพราะให้เกียรติเค้า   
     เเต่ด้วยความเธอเป็นคนเฟรนลี่(หรือเป็นนิสัยพื้นฐานของผู้หญิงเกาหลี ก็ไม่รู้)    
  เค้าเข้ามาในห้องชวนผมคุย เรื่อง  
ต่างๆ   ถามเรื่องนู้นนี่นั้น เเบบขยันซักขยันถามเหลือเกิน
     ตอนนั้นในหัวผมนึกอะไรไม่ออกเลยครับ 
    เธอเล่นใส่ชุดนอนบางๆ มาห้องผมตอนดึก    คิดอะไรไม่ออกครับ
    สุดท้ายจบลงตรงไหนทุกคนคงทราบดี      
     คืนต่อมา ก็เช่นกันครับเธอเเทบจะไม่ได้นอนห้องเธอเลย    เเค่สัปดาห์เดียวที่เจอกัน  เเต่ความสัมพันธ์เราทั้งคู่ลึกซึ้งเกินเลยไปมาก  
     ดูเหมือนเธอยังไม่อยากกลับประเทศของเธอ    ผมเองก็อยากให้เธออยู่ต่อ  ไม่อยากให้เธอรีบกลับ       
           ด้วยความที่ผมทำงาน มาหลายปี   ก็ไม่ได้มีใครเลย   ปล่อยใจใหเธอไปเกือบทั้งใจ
         สัปดาห์เเรก เดือนเเรก ยอมรับตรงๆว่ามีความสุขดี     ด้วยความที่เราตามใจเค้า เค้าตามใจเรา       เดือนที่2 ผมมีปัญหาเรื่องเวลานิดหน่อย   เพราะปกติเลิกงานเเล้วจะไปเตะบอลกับเพื่อนที่ทำงาน
คุยงานกับผู้ใหญ่บ้าง ลูกน้องบ้าง ตามวาระเเละโอกาสนั้นๆ   
      พอมีเธอเข้ามา ก็ต้องเเบ่งเวลา พาเธอไปเที่ยว ไปกินข้าว  ดูหนัง  ซื้อของ        บางครั้งเวลาเธอต้องการอะไรเเล้วไม่ได้   
หรืออยากไปไหนเเล้วผมติดงานปลีกตัวมาไม่ได้                                เค้าก็จะไม่ค่อยอยากคุยกับผม  ไม่ถึงขั้นง๊องเเง๊ง งอเเง      เเต่เงียบกริบ สีหน้าสายตา ไม่สบอารมณ์       จนผมต้องหาเวลาพาเธอออกไปข้างนอก 
      วันไหนนั่งร้านกาเเฟ ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร   ถ้าบรรยากาศไม่ดี ไม่มีทิวทัศน์ที่น่ามอง  ร้านดูไม่มีไลฟ์สไตล์    เธอก็จะไม่ค่อยอยากกินอะไร เท่าไหร่  ต่อให้เป็นเมนูที่เธอชอบก็ตาม      
     
   ถ้าพาเธอไปซื้อของที่ห้าง ทำใจได้เลยว่าเหยียบหมื่นหรือเกิน
ทุกรอบ
    รอบเเรก เธออยากได้กระเป๋า
เเบรนด์เนมทั้งๆที่ใบที่ใช้อยู่ยังใหม่เอี่ยม รูปเเบบเหมือนกัน สีเหมือนกัน ขนาดเท่ากัน ต่างกันที่โลโก้เล็กน้อย     ผมก็ทั้งงงทั้งโอเค   เอาก็เอาซื้อก็ซื้อ  ไม่คิดอะไรมาก  
   
     มันก็เเปลก ดี   กระเป๋าใบเดียวทำให้เเฟนผม คุยได้ กินข้าวได้  ยิ้มได้ อารมณ์ดีขึ้น เปลี่ยนเป็นอีกคน
     รอบสอง รองเท้า  รอบสาม เสื้อผ้า    รอบสี่รอบห้ารอบหกตามมาเรื่อยๆครับ     เเต่ละครั้งเหยียบหมื่นทุกรอบ  
      
      พักหลัง ๆมา ผมพาเธอช็อปบ่อยๆ ไม่ไหว   ก็เปลี่ยนสไตล์ เป็นสายมู สายบุญบ้าง 
เเบบนิวนอมอล  เข้าวัด ทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา  เดินรับลมชมของซื้อของขาย ย่านตลาดตอนกลางคืน(บ้าง)
     ก็คิดว่าอีกหน่อย ถ้าเเต่งงานกัน   เธอต้องมีชีวิตติดดิน เเบบคนธรรมดา หาเช้ากินค่ำบ้าง   
     เพราะพ่อเเม่ผมเองก็ไม่ได้รวยเเต่เกิด      ผมทำงานหาได้  สร้างได้ มีได้ ด้วยตัวเอง 
     วันหนึ่งก็ต้องหมดได้ เช่นกัน
ถ้าใช้อย่างไม่คิดหน้า คิดหลัง
    ส่วนตัว ผมใช้เงินอย่างมีเหตุเเละผล       
      ถึงผมจะตามใจเเฟน  เเต่ก็มีการเเผนการเงินที่ ต้องมีวินัยต่อตัวเองเหมือนกัน       เงินเก็บก็คือเงินเก็บไม่เอาออกมาใช้     
    เงินที่จะใช้เเต่ละเดือนผมจะเเยกไว้ส่วนหนึ่ง
    เงินสำรองส่งทางบ้านเเต่ละเดือน   
ผมก็ เเบ่งออกมาก้อนหนึ่ง  
      ถามว่าจำเป็นมั้ย จำเป็นมากครับ        ผมเชื่อว่า ความกตัญญูมันทำให้ผม มีกิน มีใช้ มีชีวิตที่ดี มีหน้าที่การงาน จนถึงทุกวันนี้
   
    
   สถานะของผมกับเเฟน  ในเวลา 5-6 เดือน 
  ที่..เธอเเละผมใช้ชีวิตร่วมกัน  ในบ้านหลังเดียวกัน ในห้องนอนห้องเดียวกัน        ในห้องนอนห้องเดียวกัน        ในห้องนอนห้องเดียวกัน       
         ...ทำให้ผมเห็นหลายอย่างชัดเจนมากขึ้น 
    
      ยิ่งรู้จักกัน  ผมก็ยิ่งไม่รู้จักเธอ เธอค่อนข้างเปลี่ยนไป -ไม่เหมือนเดิม             ไม่เหมือนวันเเรก สัปดาห์เเรกที่ผมรู้จักรู้จักเธอเลย
   
         เราสองคนคุยกันเรื่องอนาคต
   ผมอยากให้เธอเข้าใจ 
ว่า   ผมจริงจัง ตั้งใจ  คบใครสักคน  ไม่ได้คบเล่นๆ       ผมหวังที่จะสร้างชีวิตคู่กับคนที่ผมรัก      
     ถ้าเราสองคนรักกันจริงๆ        เรื่องการเเต่งงาน งานเเต่ง
  พิธีรีตรองต่างๆ ไม่ใช่ปัญหา    
         ผมพร้อม ครอบครัวพร้อมที่จะคุยญาติผู้ใหญ่
    
   ตลอดเวลาที่เธอมาอยู่ไทย   ผมดูเเลเธอเป็น อย่างดี    พาเธอทัวร์ ขับรถเล่น (ถ้ามีเวลา )
   
    ทุกครั้งที่เธอเห็นงานเเต่ง หรือพิธีเเต่งงาน   เธอดูตื่นเต้นมาก      ผมเองก็เข้าใจว่าเธออยากเเต่งงานเหมือนผู้หญิงทุกๆคน
      ด้วยความใจ สปอร์ต  
ผมก็บอกเธอว่า
    สไตล์งานเเต่งที่เมืองไทยมี 2 เเบบ   เเบบไทยพุทธ - ไทยคริสต์
   เธอก็บอกผมว่า  ที่เกาหลีนิยม
เเต่งงานในโบสถ์คริสต์    ผู้หญิงทุกคนมีความฝัน ที่จะใส่ชุดสีขาวสวยๆ  มันคือความเพอร์เฟค เเละประสบความสำเร็จในชีวิต
  เธอถามผมว่า จัดงานเเต่งในโบสถ์ ที่ไทยเเพงมั้ย
  ผมก็บอกว่า ค่าใช้จ่ายไม่เท่าไหร่  ผมรับผิดชอบไหว   การเเต่งงานเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงอยู่เเล้ว     ผมก็อยาก support ให้เธอ
เพื่อให้เธอมั่นใจว่า ผมดูเเลเธอได้
       
        
   *ว่ากันว่า     เมื่อคบกันใหม่ๆ
อะไรก็ได้ อะไรก็ดี     
      ผมว่า เราเลย จุดนั้นมามากเเล้วครับ       เธออยู่กับผมมาห้าหกเดือน เเต่ความสัมพันธ์ของเรา    มันมากกว่าขั้นสามีภรรยาไปเเล้ว        
   ..ทำให้ความรักเเบบหนุ่มสาวมันเริ่มอิ่มตัว
        เราต่างคนต่างเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น       เธอเป็นตัวของเธอในเเบบที่ผมไม่รู้จัก  เเละผมก็เเทบจะเป็นคนอื่นไปเเล้ว        
      ...ทุกครั้งที่เลิกงานกลับบ้าน   เหมือนผมมาอยู่บ้านคนอื่น 
  
   
    นางเอกเกาหลีในวันนั้น กับเธอในวันนี้  ...... ใช่คนเดียวกันหรือ?
✔️  ® จากที่เธอ  ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน ละมุนละไม    จริตนุ่มนวลปาน กุลสตรีเกาหลี ที่ว่างามหาที่เปรียบไม่ได้   เผลอๆ ชอบเอาเท้าวางบน คอนโทรลหน้ารถ   พาดบนโต๊ะหน้าทีวีบ้าง  เอาก้นนั่งบนโต๊ะอาหารบ้าง  
  ❌  ® เสื้อผ้าที่ผมตากไว้หน้าบ้านก่อนไปทำงาน   กลับมาก็ยังตากอยู่เหมือนเดิม    บางตัวตกอยู่บนพื้น  บางตัวปลิวว่อนอยู่นอกบ้าน 
ผมก็  ตากเอง เก็บเอง นักเลงพอ 
✔️   ® จากเมื่อก่อนผมเลิกงาน เธอจะรีบวิ่งมารอรับหน้าประตู
     ตอนนี้ นั่งไขว้ห้างตะไบเล็บรอ
(อันนี้ผมไม่ติ)        
   ❌  ® เมื่อก่อน น้ำผลไม้ นม น้ำเเร่เต็มตู้เย็น     หลังๆเห็นเเต่ เบียร์ โซจู เหล้าเกาหลีเต็มตู้     
❌  ®  เมื่อก่อน ช่วยล้างจาน ล้างเเก้ว     หลังๆ 
  🤣ที่รัก วันนี้ฉันเพิ่งทำสีเล็บเสร็จ
ฉันล้างพวกมันไม่ได้    
   🤣ที่รัก  สั่งอาหารเดลิเวอรี่ เถอะ
   🤣ที่รัก  อยากไปร้านนี่
❌®อะไรเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นงานบ้าน  เธอหลีกเลี่ยงทุกอย่าง  
    (เข้าใจได้) คงเป็น ไลฟ์สไตล์ของเค้า  
   
    
✔️®ทำอาหารไม่เป็น ไม่ใช่เรื่องใหญ่
✔️®ซักผ้าไม่เป็นไม่ใช่เรื่องใหญ่
✔️ ®รีดผ้า เก็บผ้า พับผ้า ไม่เป็นไม่ใช่เรื่องใหญ่
✔️® กวาดขยะ ล้างจาน  ถูพื้น ไม่เป็นไม่ใช่เรื่องใหญ่
    จ้างเหมา เเม่บ้านได้ไม่มีปัญหา
❌® เเต่ของกินของใช้ตัวเองน่าจะมีความ เป็นระเบียบเรียบร้อยบ้างสักนิด
  ❌ แปรง ยาสีฟัน   วางบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า    ผมต้องเก็บตามหลัง   
❌เปลือกส้ม กินเสร็จเเล้ววางบนโต๊ะ ผมต้องเก็บตามหลัง
❌ เเก้วน้ำ  จาน  ชาม กินเสร็จเเล้ว นั่งเล่นโทรศัพท์   ผมต้องเก็บตามหลัง   
❌  สำลีเช็ดเครื่องสำอางค์  วางทิ้งบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า  ผมต้องเก็บทิ้งถังขยะ 
❌กล่องพิซซ่า หมดเเล้ว วางบนโต๊ะ    ผมต้องเก็บตามหลัง
❌ที่นอน  คือ รก เละ เกะกะ  บางทีก็ถุงน่อง  
บางครั้งก็พวกชุดชั้นใน   
❌เธออยู่บ้านผมออกไปทำงาน    กลับมาก็ต้องเก็บเอง ด้วยความที่ผม   ไม่ชอบห้องนอน รก   
   ❌ จะให้ผมขาย civic ( ลูกรัก) เเล้วดาวน์  MG หรือ BM ก็ได้     ผมว่ามันเกินความจำเป็นไป  ยังไง
คันนี้ผ่อนหมดเเล้ว   
    ❌ อยากให้ผม พาพ่อเเม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา   จะได้ประหยัด
ค่าเลี้ยงดูเเต่ละเดือน 
    เธอบอกว่า ที่รักบ้าน   บ้านฉัน ประเทศของฉัน  ไม่จำเป็นต้องดูเเลพ่อเเม่หรอก      ผมก็บอกว่า เเม่ผมมีโรคประจำตัว ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ     อยู่บ้านน้องชายก็ดีอยู่เเล้ว  
    โชคดีที่น้องสะใภ้ น่าเอ็นดู   เธอดูเเลคุณเเม่ผมเป็นอย่างดี     ผมมีหน้าที่เเค่ส่งเงินค่ายากับข้าว  เดินละสี่พันห้าพัน ก็เเล้วเเต่รอบ
     🤔เเต่ละเรื่องที่เธอคิด ผมนี่เครียดเลย  ?
       
         หลังๆมานี้   ความตามใจของผมมีข้อจำกัด 
   เดือนไหนรายจ่ายเยอะ    ผมก็ไม่สามารถซื้อของเเพงๆให้เธอได้
        เธอเองก็มีวิธีเรียกร้องในเเบบของเธอ     ผมนี่อึ้งไปเลย 
       ไม่ได้มาเเบบ พูดจาดีๆนะครับ มาเเบบ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่