ชีวิตมหาลัยที่ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ตอนปี1 เข้ามหาลัยใหม่ๆ ไม่เห็นเหมือนในละครหรือซีรีย์ที่เราดูกันเลย จริงๆก็ไม่ได้หาเพื่อนง่ายขนาดนั้น เราพยายามจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่เข้ากับคนอื่นได้ ยิ้ม และพยายามสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้าง ให้คำปรึกษา แต่ก็ไม่แคล้วที่จะโดน บูลลี่(?) เรียกโดนบูลลี่ได้ไหม ตอนมอปลายหน้าไม่เป็นสิว พอขึ้นมหาลัยเท่านั้นแหละ สิวขึ้นเต็มหน้า โดนเรียกแทนชื่อเล่นว่า
"คนนั้นอะ"
"คนไหนวะ"
"คนที่หน้าเป็นสิวเยอะๆอะ"
"อ๋อ กูรู้เลย5555"
อันนี้เพื่อนห้องเดียวกันที่พูดถึงเรา ต่อไปจะเป็นรุ่นพี่
" เอาน้ำแจกน้องครบยัง"
"กูว่าครบแล้วนะ"
"แล้วน้องที่หน้าสิวเยอะๆ แจกยัง"
"เออ แจกแล้ว"
ต่อไปจะเป็นสายรหัส
" เอาขนมไปให้น้องกูหน่อย"
"น้องคนไหนวะ"
"คนนั้นอะ"
"อ๋อ คนที่หน้าเป็นสิวอะนะ"
เราได้ยินหมดทุกอย่าง ได้ยินเองหมด ทุกครั้งที่ส่องกระจก เราจะร้องให้ออกมาแล้วตบหน้าตัวเอง แกเข้าใจความรู้สึกนั้นไหม แบบว่ามันไม่มีที่ว่างยกเว้นรอบตาอะ ตอนนั้นมันแบบทรมานมาก เพื่อนที่เป็นรูมเมทชอบบังคับให้เราถ่ายรูป ซึ่งเราไม่ชอบ แต่นางก็ชอบถ่าย แล้วซูมหน้าเราที่เป็นสิวเยอะๆ ไว้มาบอก สสวก. แล้วก็จะมีคนมาเม้นเยอะแยะว่า ทำไม(...)เป็นสิวเยอะจัง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็น หมดสวยนั่นนุ่นนี่ บางทีก็แอบถ่ายตอนหลับ เราทนไม่ไหว เลยย้ายออกมาอยู่คนเดียว รู้สึกดีขึ้น ตอนปี1ปลายๆ มีงานกลุ่มงานใหญ่ จะแบ่งในห้องเป็นสองกลุ่ม เป็นกลุ่ม A และ B เราอยู่กลุ่ม A วันนั้นเป็นวันเสาร์เพื่อนนัดทุกคนในกลุ่มมาช่วยกันคิดแล้วก็ทำงานกลุ่มในมหาลัย นัดกันในห้องเรียนห้องหนึ่ง เพื่อนมาครบทุกคนแล้วแต่เรามาสายสุดเนื่องจากมีธุระ มาถึงได้ยินเสียงหัวเราะเสียงดัง เราที่ไม่ค่อยสนิทกับใคร ก็รู้สึกหวั่นๆที่จะเปิดประตูเข้าไปข้างในแล้วคนหันมามองงี้ กำลังจะเปิดมีคนพูดขึ้นว่า
: แล้วใอ้หน้าสิวเมื่อไหร่จะมา
: นอนตื่นสายละมั้ง
: โคตรไม่มีประโยชน์อะ
: แล้วทำไมหน้ามันเป็นเยอะขนาดนั้น หน้ากลัววะ
: เออ เพื่อนกูก็เคยเป็นนะแต่ไม่เยอะ
จังหวะนั่นเราก็เปิดประตูเข้าไปเลย ทุกคนหันมามอง แล้วก็เงียบ ทำงานกันต่อปกติ ที่แย่ที่สุดคือตอนพรีเซ็นบรีฟกันแล้วว่าใครจะพูดเรื่องไหน ใครจะเป็นคนแสดง ใครจะพูดเกริ่น แล้วนำเสนอข้อมูลคร่าวๆ เราเป็นคนนำเสนอข้อมูลคนที่สาม แต่แกรู้ไหม ฉันจำได้หมดแล้วที่จะพูด แต่ฉันหาสคริปที่เคยเขียนสรุปไว้ไม่เจอ ว่าจะทบทวนอีกสักหน่อย พอคนที่สองพูดเสร็จ ฉันกำลังจะพูด คนที่สองก็หยิบสคริปออกมาแล้วพูดในส่วนของฉันหมดเลย นี่ได้แต่ยืนเอ๋อเพราะช็อคทำตัวไม่ถูก พอทุกอย่างเสร็จอาจารย์ก็ให้คำติชม และพูดว่าทำไม (....) ออกไปยืนอยู่เฉยๆ รับบทเป็นก้อนหินหรอ เพื่อนก็พากันหัวเราะ พอเลิกคลาส เราเดินไปถามเพื่อนคนนั้นว่าทำไมทำแบบนี้ นางตอบว่าไม่รู้จริงๆ นึกว่าเขาพูดในส่วนที่ 2 กับที่ 3 ขอโทษนะแล้วนางก็เดินไปเลย ฉันก็แบบ อื้ม นั่นแหละ give up มาก อยากออกไปจากที่นี่พรุ่งนี้คือไม่อยากมาเรียนแล้ว แต่ก็หน้าด้านสู้จนจบปี 1
พอปี2เราก็ยังไม่มีเพื่อนสนิทเลย เพื่อนที่เดินด้วยกันเวลาพักเที่ยงกินข้าว จะชอบไปนั่นกับเพื่อนอีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มใหญ่ แล้วโต๊ะกินข้าวจะไม่พอ เราต้องนั่งกินอยู่คนเดียวอีกโต๊ะนึง มีอยู่ครั้งนึงที่ไปกินข้าวข้างนอกที่ไม่ใช่โรงอาหาร นั่งกินข้าวอยู่ เพื่อนก็มองเราแปลกๆ นางกินข้าวไม่หมดแล้วก็หยุดกิน กินเสร็จแล้ว รอจ่ายตังแยกกันจ่าย เราจ่ายหลังสุด พวกนางจ่ายเสร็จก่อนแล้วออกไปรอหน้าร้านพอเราเดินออกไป แต่ยังไม่ทันก้าวขา นางพูดกันว่ากินข้าวไม่ลงเลยวะเห็นหน้าอี (...) ทำไมมันเป็นเยอะขนาดนี้ไม่ยอมรักษา เราไม่ไหวแล้วตอนนั้น คือเดินออกไปสตาร์ทรถขี่กลับห้องเลย เราร้องไห้ทั้งคืน พอเช้ามาเราไม่พูดกับเพื่อนในกลุ่มเลย หน้าก็ไม่มองนั่งแยกมาคนเดียว บอกกับตัวเองว่า อยู่คนเดียวก็น่าจะจบมหาลัยได้บ้างแหละ พอตอนกลางวันกินข้าวเสร็จเรามานั่งเรียนอยู่คนเดียว มีเพื่อนคนนึงเดินมาทักเรา คุยกันได้สนุกเลย นางไม่รังเกียจเราด้วย หลังจากนั้นก็คบกันมาจนตอนนี้ปี4แล้ว อีกเดือนกว่าจะเรียนจบ เราสู้กันมามากเลย และก็ยังมีเพื่อนอีกสองคนที่เรียนคนละห้อง แต่ไปไหนด้วยกันตลอด ละก็เพื่อนอีกคณะนึง เพื่อนพวกนี้มันไม่เคยบูลลี่หน้าตาหรือรูปร่างเพื่อนในกลุ่มเลย เราต่างคนต่างสไตล์แต่ไปด้วยกันได้จนจบ รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ยอมสลัดคนเหล่านั้นออกจากชีวิต จนตอนนี้เราเพิ่งคุยกับเพื่อนที่เคยดูถูกเรา เราคิดว่าเราโตแล้วก็เลยคิดสะว่าชั่งมันเถอะ แต่ไม่ได้จะให้อภัยหรอก เพราะทุกครั้งที่เห็นหน้าก็จะจำทุกคำพูดได้เสมอ ชีวิตช่วงนี้ช่วงใกล้จบก็รู้สึกเหนื่อยกับการฝึกงาน อดทันคำพูดคนที่ทำงานบ้างแล้วทีนี้ เอาจริงกระทู้นี้ก็อยากอวยตัวเองแหละ ที่จบมาได้ จบมาได้เพราะกำลังใจจากเพื่อน เงินจากแม่ และความอดทนจากตัวเราเอง ไม่ทำร้ายตัวเองมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ใครที่กำลังท้อก็สู้ๆเหมือนกันนะ
ชีวิตที่ต้องอดทนกับคำพูดคนในวัยเรียน
"คนนั้นอะ"
"คนไหนวะ"
"คนที่หน้าเป็นสิวเยอะๆอะ"
"อ๋อ กูรู้เลย5555"
อันนี้เพื่อนห้องเดียวกันที่พูดถึงเรา ต่อไปจะเป็นรุ่นพี่
" เอาน้ำแจกน้องครบยัง"
"กูว่าครบแล้วนะ"
"แล้วน้องที่หน้าสิวเยอะๆ แจกยัง"
"เออ แจกแล้ว"
ต่อไปจะเป็นสายรหัส
" เอาขนมไปให้น้องกูหน่อย"
"น้องคนไหนวะ"
"คนนั้นอะ"
"อ๋อ คนที่หน้าเป็นสิวอะนะ"
เราได้ยินหมดทุกอย่าง ได้ยินเองหมด ทุกครั้งที่ส่องกระจก เราจะร้องให้ออกมาแล้วตบหน้าตัวเอง แกเข้าใจความรู้สึกนั้นไหม แบบว่ามันไม่มีที่ว่างยกเว้นรอบตาอะ ตอนนั้นมันแบบทรมานมาก เพื่อนที่เป็นรูมเมทชอบบังคับให้เราถ่ายรูป ซึ่งเราไม่ชอบ แต่นางก็ชอบถ่าย แล้วซูมหน้าเราที่เป็นสิวเยอะๆ ไว้มาบอก สสวก. แล้วก็จะมีคนมาเม้นเยอะแยะว่า ทำไม(...)เป็นสิวเยอะจัง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็น หมดสวยนั่นนุ่นนี่ บางทีก็แอบถ่ายตอนหลับ เราทนไม่ไหว เลยย้ายออกมาอยู่คนเดียว รู้สึกดีขึ้น ตอนปี1ปลายๆ มีงานกลุ่มงานใหญ่ จะแบ่งในห้องเป็นสองกลุ่ม เป็นกลุ่ม A และ B เราอยู่กลุ่ม A วันนั้นเป็นวันเสาร์เพื่อนนัดทุกคนในกลุ่มมาช่วยกันคิดแล้วก็ทำงานกลุ่มในมหาลัย นัดกันในห้องเรียนห้องหนึ่ง เพื่อนมาครบทุกคนแล้วแต่เรามาสายสุดเนื่องจากมีธุระ มาถึงได้ยินเสียงหัวเราะเสียงดัง เราที่ไม่ค่อยสนิทกับใคร ก็รู้สึกหวั่นๆที่จะเปิดประตูเข้าไปข้างในแล้วคนหันมามองงี้ กำลังจะเปิดมีคนพูดขึ้นว่า
: แล้วใอ้หน้าสิวเมื่อไหร่จะมา
: นอนตื่นสายละมั้ง
: โคตรไม่มีประโยชน์อะ
: แล้วทำไมหน้ามันเป็นเยอะขนาดนั้น หน้ากลัววะ
: เออ เพื่อนกูก็เคยเป็นนะแต่ไม่เยอะ
จังหวะนั่นเราก็เปิดประตูเข้าไปเลย ทุกคนหันมามอง แล้วก็เงียบ ทำงานกันต่อปกติ ที่แย่ที่สุดคือตอนพรีเซ็นบรีฟกันแล้วว่าใครจะพูดเรื่องไหน ใครจะเป็นคนแสดง ใครจะพูดเกริ่น แล้วนำเสนอข้อมูลคร่าวๆ เราเป็นคนนำเสนอข้อมูลคนที่สาม แต่แกรู้ไหม ฉันจำได้หมดแล้วที่จะพูด แต่ฉันหาสคริปที่เคยเขียนสรุปไว้ไม่เจอ ว่าจะทบทวนอีกสักหน่อย พอคนที่สองพูดเสร็จ ฉันกำลังจะพูด คนที่สองก็หยิบสคริปออกมาแล้วพูดในส่วนของฉันหมดเลย นี่ได้แต่ยืนเอ๋อเพราะช็อคทำตัวไม่ถูก พอทุกอย่างเสร็จอาจารย์ก็ให้คำติชม และพูดว่าทำไม (....) ออกไปยืนอยู่เฉยๆ รับบทเป็นก้อนหินหรอ เพื่อนก็พากันหัวเราะ พอเลิกคลาส เราเดินไปถามเพื่อนคนนั้นว่าทำไมทำแบบนี้ นางตอบว่าไม่รู้จริงๆ นึกว่าเขาพูดในส่วนที่ 2 กับที่ 3 ขอโทษนะแล้วนางก็เดินไปเลย ฉันก็แบบ อื้ม นั่นแหละ give up มาก อยากออกไปจากที่นี่พรุ่งนี้คือไม่อยากมาเรียนแล้ว แต่ก็หน้าด้านสู้จนจบปี 1
พอปี2เราก็ยังไม่มีเพื่อนสนิทเลย เพื่อนที่เดินด้วยกันเวลาพักเที่ยงกินข้าว จะชอบไปนั่นกับเพื่อนอีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มใหญ่ แล้วโต๊ะกินข้าวจะไม่พอ เราต้องนั่งกินอยู่คนเดียวอีกโต๊ะนึง มีอยู่ครั้งนึงที่ไปกินข้าวข้างนอกที่ไม่ใช่โรงอาหาร นั่งกินข้าวอยู่ เพื่อนก็มองเราแปลกๆ นางกินข้าวไม่หมดแล้วก็หยุดกิน กินเสร็จแล้ว รอจ่ายตังแยกกันจ่าย เราจ่ายหลังสุด พวกนางจ่ายเสร็จก่อนแล้วออกไปรอหน้าร้านพอเราเดินออกไป แต่ยังไม่ทันก้าวขา นางพูดกันว่ากินข้าวไม่ลงเลยวะเห็นหน้าอี (...) ทำไมมันเป็นเยอะขนาดนี้ไม่ยอมรักษา เราไม่ไหวแล้วตอนนั้น คือเดินออกไปสตาร์ทรถขี่กลับห้องเลย เราร้องไห้ทั้งคืน พอเช้ามาเราไม่พูดกับเพื่อนในกลุ่มเลย หน้าก็ไม่มองนั่งแยกมาคนเดียว บอกกับตัวเองว่า อยู่คนเดียวก็น่าจะจบมหาลัยได้บ้างแหละ พอตอนกลางวันกินข้าวเสร็จเรามานั่งเรียนอยู่คนเดียว มีเพื่อนคนนึงเดินมาทักเรา คุยกันได้สนุกเลย นางไม่รังเกียจเราด้วย หลังจากนั้นก็คบกันมาจนตอนนี้ปี4แล้ว อีกเดือนกว่าจะเรียนจบ เราสู้กันมามากเลย และก็ยังมีเพื่อนอีกสองคนที่เรียนคนละห้อง แต่ไปไหนด้วยกันตลอด ละก็เพื่อนอีกคณะนึง เพื่อนพวกนี้มันไม่เคยบูลลี่หน้าตาหรือรูปร่างเพื่อนในกลุ่มเลย เราต่างคนต่างสไตล์แต่ไปด้วยกันได้จนจบ รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ยอมสลัดคนเหล่านั้นออกจากชีวิต จนตอนนี้เราเพิ่งคุยกับเพื่อนที่เคยดูถูกเรา เราคิดว่าเราโตแล้วก็เลยคิดสะว่าชั่งมันเถอะ แต่ไม่ได้จะให้อภัยหรอก เพราะทุกครั้งที่เห็นหน้าก็จะจำทุกคำพูดได้เสมอ ชีวิตช่วงนี้ช่วงใกล้จบก็รู้สึกเหนื่อยกับการฝึกงาน อดทันคำพูดคนที่ทำงานบ้างแล้วทีนี้ เอาจริงกระทู้นี้ก็อยากอวยตัวเองแหละ ที่จบมาได้ จบมาได้เพราะกำลังใจจากเพื่อน เงินจากแม่ และความอดทนจากตัวเราเอง ไม่ทำร้ายตัวเองมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ใครที่กำลังท้อก็สู้ๆเหมือนกันนะ