ก่อนอื่นเลยผมต้องท้าวความก่อน สมัยก่อนที่ผมจะเกิดแม่ผมถูกป้าผมกล่าวหาว่าไปมีชู้กับชายอื่นทำให้ครอบครัวของผมแตกแยกไประยะนึง
หลังจากที่พ่อผม ได้ยินที่ป้าบอกเขาก็เอาแต่ดื่มเหล้าและเสพยา
พอผมเกิดมาจึงมีปัญหาครอบครัว ในทุกๆวันพ่อผมไม่เมาเหล้าไม่ก็เมายา แล้วพ่อก็จะมาอาละวาดกับคนที่บ้าน ทุกครั้งที่พ่อโมโหพี่สาวน้องชายหรือว่าแม่ของผม พ่อก็จะมาลงที่ผม ปู่ย่าและอาของผมไม่มีใครช่วยเหลือผมเลย ทุกคนเอาแต่เกลียดผม โดยที่ผมไม่เคยรู้สาเหตุเลยว่าเป็นเพราะอะไร ผมได้แต่อดทน จนผมชินไปเอง
แต่แล้ววันหนึ่งในตอนที่พ่อเมาเป็นอย่างมาก เขาเลยได้พูดถึงเรื่องนั้นให้ผมฟัง ตัวผมในตอนนั้นยอมรับไม่ได้ กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาจเป็นเพราะว่าผมอาจจะเด็กไปเกินกว่าที่จะรับเรื่องแบบนี้ ผมโดนพ่อทำร้ายทุกวัน แล้วมันก็หนักขึ้น หนักขึ้น และ หนักขึ้นไปเรื่อยๆ มีอยู่วันนึงที่ผมเอารองเท้ากีฬาของน้องมาใส่ น้องผมร้องไห้เสียใจเพราะคิดว่ารองเท้านั้นหายไป
จนผมกลับมาบ้าน พ่อของผมเห็นรองเท้าที่ผมไปเอาของน้องมาใส่ ยาผมก็ต่อว่าผมเป็นอย่างหนัก
ทุกคนในบ้านมองผมเป็นเหมือนหัวขโมย พ่อผมโมโหผมมาก จึงไปหยิบด้ามจอบและฟาดเข้าที่บริเวณท้ายทอยของผมอย่างแรงจนด้ามจอบมันหัก ในขณะที่ผมโดนฟาด ตอนนั้นผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แล้วผมก็ดิ้นเสียงดังเปรี๊ยะ ได้ยินเหมือนเสียงเส้นหรือเชือกอะไรขาด
มันดังก้องอยู่ในหัวของผม จากนั้นผมรู้ได้ในทันทีเลยว่าตัวผมนั้นไม่สามารถรองรับความเจ็บปวดนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ผมสรุปไป 1 วันเต็มๆ
ผมตื่นขึ้นที่บ้านไม่มีใครคิดที่จะทุ่มผมไปโรงพยาบาลหรือลากผมเข้าบ้าน ในตอนนั้นผมรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครเลยนอกจากเงาของผมเอง
จากนั้น ผมได้สร้างตัวตนของผมอีก 1 ตัวตน เป็นตัวตนที่ไม่เจ็บไม่กลัวและไม่เคยเมตตา เป็นตัวตนที่ตรงข้ามกับผมทุกอย่าง ถ้าจะให้พูดง่ายๆ
มันคือด้านมืดในจิตใจของผม ทุกครั้งที่ผมโดนเรื่องกระทบทางจิตใจ ไม่ว่าจะโดนพ่อหรือคนในครอบครัวทำร้ายทั้งกายและจิตใจ ผมก็จะใช้ตัวนี้แหละในการรับมือ เพราะว่าเวลาที่ผมใช้ตัวนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกกลัว มันทั้งเย็นชาและเลวร้ายมากที่สุด จากที่ผมเคยวิ่งหนีผมก็กลับมาสู้จากที่ผมเคยเอาแต่เงียบผมก็เถียงกลับ
ผมโดนเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้ง อีกตัวตนหนึ่งก็จะกลั่นแกล้งพวกนั้นกลับ
แน่นอนในช่วงนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนฮีโร่ เหมือนคนที่มีพลังพิเศษ เพราะว่าถ้าผมเจอเรื่องเลวร้ายผมไม่ต้องทำอะไรเลย ผมจะรู้สึกว่าเหมือนเป็นผู้โดยสารในเรือลำหนึ่ง ไม่ต้องขับผมแค่ต้องปล่อยให้มันไปเอง โดยที่มีผมนั่งดู
ในช่วงวัยตั้งแต่ 10 ถึง 15 ปี ผมรู้สึกดีมาก
แต่แล้ว ผมก็เริ่มคุมมันไม่ได้ เหมือนกับว่ามันอยากจะควบคุมผมแบบเต็มตัว
ผมกลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าวในสายตาคนอื่น
ผมโดนพ่อกับคนที่บ้านไล่ออกจากบ้านไม่รู้กี่ครั้ง
ที่ผมยังอยู่ได้ก็เพราะแม่ แต่แล้ววันนึง ผมมีปากเสียงกับแม่ แล้วอีกตัวนึงก็ออกมาโดยที่ผมไม่ได้ต้องการ มันทำร้ายแม่จนแม่ผมต้องเข้าโรงพยาบาล
ในตอนนั้น ผมเกลียดตัวเองมาก ผมพยายามฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมอยากจะตายไปพร้อมกับมัน แต่มันก็ออกมาขวางทุกครั้ง
ผมตัดสินใจเก็บข้าวของและย้ายออกจากบ้าน
มาทำงานที่โรงสีแห่งหนึ่ง ผมพยายามทำสมาธิควบคุมตัวเอง ไม่ให้มันออกมาอีก
แต่ก็ไม่สำเร็จ
จน 4 ปีผ่านมา ครอบครัวผมก็มาเจอผม ตอนนั้นผมอายุ 19 ปีแล้ว พ่อกับแม่เหมือนจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม พวกท่านจึงจัดงานบวชให้ผม
ในขณะที่บวชก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตลอด
จนอาจารย์ของผมที่เป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงพาผมไปฝึกฝนสมาธิ ท่านบอกกับผมว่า ถ้าผมไม่สามารถกำจัดมันออกไปจากจิตใจได้ ก็ให้ผมสร้างปรุงไว้ขังมันด้วยการทำให้จิตใจของตัวเองเข้มแข็งมากขึ้น 1 ปีต่อมา
ผมได้สึกออกมา ผมเข้มแข็งมากขึ้นมันไม่สามารถควบคุมผมได้แต่ผมก็ได้ยินเสียงในหัวตลอด
ผมได้ออกมาใช้ชีวิตออกมาทำงานและได้เจอกับแฟนคนที่ 1 ชื่อว่า นัท (นามสมมุติ)
ผมไม่เคยได้รับความรัก จากใครมาก่อน
นัทเป็นคนเดียว ที่มอบความรักให้ผม
ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากจนผมเหมือนได้กลับมาเป็นปกติ ผมคบกับนัทมา 5 ปี ผมไม่ได้ยินเสียงในหัวมาตลอด
จนกระทั่งผมได้เจอกับผู้หญิงคนนึง เธอมีชื่อว่านุช (นามสมมุติ) เราสองคนทำงานด้วยกัน เธอเป็นผู้หญิงผมยาวรูปร่างไม่สูงขาวและใส่แว่นตาดัดฟัน ในตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก
ผมได้ยินเสียงที่ผมไม่ได้ยินมานานมากแล้ว
มันบอกให้ผมปล่อยมันออกไป
ในตอนนั้นผมยังไม่ทันตั้งหลักเลย กลับกลายเป็นผมที่ไปอยู่ในกรงนั้นแทน ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากดูมัน ผมก็กลัวนะกลัวมันจะทำร้ายคนอื่น แต่เปล่าเลย มันทำดีกับนุชมาก เป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติผู้หญิง มันขลุกอยู่กับนุชทั้งวัน
ไม่ยอมไปไหนเลย จนทำให้ผมเกือบเสียงาน
แต่ด้วยความที่มันเป็นคนก้าวร้าวคำพูดคำจามันผู้หญิงอาจจะไม่ค่อยชอบฟังสักเท่าไหร่ ผมก็คิดแล้วว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง นุชไม่มีทางรักคนแบบมันแน่นอน แต่ในตอนที่จะเลิกงานผมขอร้องมันว่า ให้ปล่อยผมกลับไป ทีแรกมันไม่ยอมมันบอกว่ามันอยู่ในนั้นมาตั้ง 5 ปีมันต้องการให้ผมรู้สึกแบบที่มันรู้สึกบ้าง
แต่ผมก็ต่อรองกับมัน ถ้ามันปล่อยผมไปผมจะสอนวิธีจีบผู้หญิงให้กับมัน อาจจะฟังดูตลกแต่ผมหลอกมันได้
ผมกลับมา ผมกลัวมากๆกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้นัทฟัง
นัดเธอรักผมมากเธอเชื่อในสิ่งที่ผมเล่า
ผมพยายามติดต่อกับมัน เพราะผมอยากรู้ว่าเหตุผลอะไรทำไมมันถึงทำแบบนี้ มันบอกกับผมว่าตอนที่ผมสร้างมันผมไม่ให้มันกลัวผมไม่ให้มันเจ็บผมไม่ให้มันมีเมตตา แต่ผมลืมไม่ให้มันรู้สึกรัก
ผมก็เข้าใจมันนะ มันก็โดดเดี่ยวไม่มีใครรักเหมือนกับผมนั่นแหละ ผมก็เลยตกลงกับมัน เพราะผมรู้อยู่แล้วมนุษย์คงไม่รักคนแบบนั้นหรอก ผมแบ่งเวลากัน คนละครึ่งวัน โดยห้ามผิดกติกาเป็นเด็ดขาด มันก็ตกลงตามนั้น
วันเวลาผ่านไปมันตั้งหน้าตั้งตาจีบนุชทุกวัน
แต่ดูเหมือนว่าหนูจะไม่มีใจให้มันเลยแม้แต่นิดเดียว มันกลับมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
ผมตกใจมาก นี่มันกำลังเสียใจจริงๆหรอ
มันบอกกับผมว่า มันจะไม่ออกมาอีกแล้วมันจะหายไป ผมแอบดีใจนิดๆ แต่ลึกๆก็สงสารมันอยู่
หลังจากนั้นมันหายไปเลย 3 วัน เงียบหายไปเฉยๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ตอนนั้น นุช ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
เบอร์ในมือถือที่โทรออกล่าสุดเป็นเบอร์ของผม
ทางโรงพยาบาลโทรมา พอผมได้ยินข่าว
มันก็ออกมาทันทีเลย มันได้ตรงไปที่โรงพยาบาล มันดูก็วนกระวายใจจนผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังรู้สึกกลัวอยู่ มันเฝ้านุช ทั้งคืนทั้งวัน
ไม่ยอมไปไหนเลยไม่กินข้าวไม่กินน้ำ
เอาแต่ดูแลนุช พอนุชตื่นขึ้นมา ก็เห็นหน้ามันเป็นคนแรก เหมือนกับว่า ณตอนนั้นรู้สึกดีๆกับมันแล้ว
เรื่องที่ผมไม่อยากให้เกิดมันก็กำลังจะเกิดขึ้น ผมควรทำไงต่อดี
เป็นโรค2บุคลิก แต่มีความรักกับผู้หญิง2คนควรทำยังไง?
หลังจากที่พ่อผม ได้ยินที่ป้าบอกเขาก็เอาแต่ดื่มเหล้าและเสพยา
พอผมเกิดมาจึงมีปัญหาครอบครัว ในทุกๆวันพ่อผมไม่เมาเหล้าไม่ก็เมายา แล้วพ่อก็จะมาอาละวาดกับคนที่บ้าน ทุกครั้งที่พ่อโมโหพี่สาวน้องชายหรือว่าแม่ของผม พ่อก็จะมาลงที่ผม ปู่ย่าและอาของผมไม่มีใครช่วยเหลือผมเลย ทุกคนเอาแต่เกลียดผม โดยที่ผมไม่เคยรู้สาเหตุเลยว่าเป็นเพราะอะไร ผมได้แต่อดทน จนผมชินไปเอง
แต่แล้ววันหนึ่งในตอนที่พ่อเมาเป็นอย่างมาก เขาเลยได้พูดถึงเรื่องนั้นให้ผมฟัง ตัวผมในตอนนั้นยอมรับไม่ได้ กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาจเป็นเพราะว่าผมอาจจะเด็กไปเกินกว่าที่จะรับเรื่องแบบนี้ ผมโดนพ่อทำร้ายทุกวัน แล้วมันก็หนักขึ้น หนักขึ้น และ หนักขึ้นไปเรื่อยๆ มีอยู่วันนึงที่ผมเอารองเท้ากีฬาของน้องมาใส่ น้องผมร้องไห้เสียใจเพราะคิดว่ารองเท้านั้นหายไป
จนผมกลับมาบ้าน พ่อของผมเห็นรองเท้าที่ผมไปเอาของน้องมาใส่ ยาผมก็ต่อว่าผมเป็นอย่างหนัก
ทุกคนในบ้านมองผมเป็นเหมือนหัวขโมย พ่อผมโมโหผมมาก จึงไปหยิบด้ามจอบและฟาดเข้าที่บริเวณท้ายทอยของผมอย่างแรงจนด้ามจอบมันหัก ในขณะที่ผมโดนฟาด ตอนนั้นผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แล้วผมก็ดิ้นเสียงดังเปรี๊ยะ ได้ยินเหมือนเสียงเส้นหรือเชือกอะไรขาด
มันดังก้องอยู่ในหัวของผม จากนั้นผมรู้ได้ในทันทีเลยว่าตัวผมนั้นไม่สามารถรองรับความเจ็บปวดนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ผมสรุปไป 1 วันเต็มๆ
ผมตื่นขึ้นที่บ้านไม่มีใครคิดที่จะทุ่มผมไปโรงพยาบาลหรือลากผมเข้าบ้าน ในตอนนั้นผมรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครเลยนอกจากเงาของผมเอง
จากนั้น ผมได้สร้างตัวตนของผมอีก 1 ตัวตน เป็นตัวตนที่ไม่เจ็บไม่กลัวและไม่เคยเมตตา เป็นตัวตนที่ตรงข้ามกับผมทุกอย่าง ถ้าจะให้พูดง่ายๆ
มันคือด้านมืดในจิตใจของผม ทุกครั้งที่ผมโดนเรื่องกระทบทางจิตใจ ไม่ว่าจะโดนพ่อหรือคนในครอบครัวทำร้ายทั้งกายและจิตใจ ผมก็จะใช้ตัวนี้แหละในการรับมือ เพราะว่าเวลาที่ผมใช้ตัวนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกกลัว มันทั้งเย็นชาและเลวร้ายมากที่สุด จากที่ผมเคยวิ่งหนีผมก็กลับมาสู้จากที่ผมเคยเอาแต่เงียบผมก็เถียงกลับ
ผมโดนเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้ง อีกตัวตนหนึ่งก็จะกลั่นแกล้งพวกนั้นกลับ
แน่นอนในช่วงนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนฮีโร่ เหมือนคนที่มีพลังพิเศษ เพราะว่าถ้าผมเจอเรื่องเลวร้ายผมไม่ต้องทำอะไรเลย ผมจะรู้สึกว่าเหมือนเป็นผู้โดยสารในเรือลำหนึ่ง ไม่ต้องขับผมแค่ต้องปล่อยให้มันไปเอง โดยที่มีผมนั่งดู
ในช่วงวัยตั้งแต่ 10 ถึง 15 ปี ผมรู้สึกดีมาก
แต่แล้ว ผมก็เริ่มคุมมันไม่ได้ เหมือนกับว่ามันอยากจะควบคุมผมแบบเต็มตัว
ผมกลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าวในสายตาคนอื่น
ผมโดนพ่อกับคนที่บ้านไล่ออกจากบ้านไม่รู้กี่ครั้ง
ที่ผมยังอยู่ได้ก็เพราะแม่ แต่แล้ววันนึง ผมมีปากเสียงกับแม่ แล้วอีกตัวนึงก็ออกมาโดยที่ผมไม่ได้ต้องการ มันทำร้ายแม่จนแม่ผมต้องเข้าโรงพยาบาล
ในตอนนั้น ผมเกลียดตัวเองมาก ผมพยายามฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมอยากจะตายไปพร้อมกับมัน แต่มันก็ออกมาขวางทุกครั้ง
ผมตัดสินใจเก็บข้าวของและย้ายออกจากบ้าน
มาทำงานที่โรงสีแห่งหนึ่ง ผมพยายามทำสมาธิควบคุมตัวเอง ไม่ให้มันออกมาอีก
แต่ก็ไม่สำเร็จ
จน 4 ปีผ่านมา ครอบครัวผมก็มาเจอผม ตอนนั้นผมอายุ 19 ปีแล้ว พ่อกับแม่เหมือนจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม พวกท่านจึงจัดงานบวชให้ผม
ในขณะที่บวชก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตลอด
จนอาจารย์ของผมที่เป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงพาผมไปฝึกฝนสมาธิ ท่านบอกกับผมว่า ถ้าผมไม่สามารถกำจัดมันออกไปจากจิตใจได้ ก็ให้ผมสร้างปรุงไว้ขังมันด้วยการทำให้จิตใจของตัวเองเข้มแข็งมากขึ้น 1 ปีต่อมา
ผมได้สึกออกมา ผมเข้มแข็งมากขึ้นมันไม่สามารถควบคุมผมได้แต่ผมก็ได้ยินเสียงในหัวตลอด
ผมได้ออกมาใช้ชีวิตออกมาทำงานและได้เจอกับแฟนคนที่ 1 ชื่อว่า นัท (นามสมมุติ)
ผมไม่เคยได้รับความรัก จากใครมาก่อน
นัทเป็นคนเดียว ที่มอบความรักให้ผม
ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากจนผมเหมือนได้กลับมาเป็นปกติ ผมคบกับนัทมา 5 ปี ผมไม่ได้ยินเสียงในหัวมาตลอด
จนกระทั่งผมได้เจอกับผู้หญิงคนนึง เธอมีชื่อว่านุช (นามสมมุติ) เราสองคนทำงานด้วยกัน เธอเป็นผู้หญิงผมยาวรูปร่างไม่สูงขาวและใส่แว่นตาดัดฟัน ในตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก
ผมได้ยินเสียงที่ผมไม่ได้ยินมานานมากแล้ว
มันบอกให้ผมปล่อยมันออกไป
ในตอนนั้นผมยังไม่ทันตั้งหลักเลย กลับกลายเป็นผมที่ไปอยู่ในกรงนั้นแทน ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากดูมัน ผมก็กลัวนะกลัวมันจะทำร้ายคนอื่น แต่เปล่าเลย มันทำดีกับนุชมาก เป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติผู้หญิง มันขลุกอยู่กับนุชทั้งวัน
ไม่ยอมไปไหนเลย จนทำให้ผมเกือบเสียงาน
แต่ด้วยความที่มันเป็นคนก้าวร้าวคำพูดคำจามันผู้หญิงอาจจะไม่ค่อยชอบฟังสักเท่าไหร่ ผมก็คิดแล้วว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกมั้ง นุชไม่มีทางรักคนแบบมันแน่นอน แต่ในตอนที่จะเลิกงานผมขอร้องมันว่า ให้ปล่อยผมกลับไป ทีแรกมันไม่ยอมมันบอกว่ามันอยู่ในนั้นมาตั้ง 5 ปีมันต้องการให้ผมรู้สึกแบบที่มันรู้สึกบ้าง
แต่ผมก็ต่อรองกับมัน ถ้ามันปล่อยผมไปผมจะสอนวิธีจีบผู้หญิงให้กับมัน อาจจะฟังดูตลกแต่ผมหลอกมันได้
ผมกลับมา ผมกลัวมากๆกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้นัทฟัง
นัดเธอรักผมมากเธอเชื่อในสิ่งที่ผมเล่า
ผมพยายามติดต่อกับมัน เพราะผมอยากรู้ว่าเหตุผลอะไรทำไมมันถึงทำแบบนี้ มันบอกกับผมว่าตอนที่ผมสร้างมันผมไม่ให้มันกลัวผมไม่ให้มันเจ็บผมไม่ให้มันมีเมตตา แต่ผมลืมไม่ให้มันรู้สึกรัก
ผมก็เข้าใจมันนะ มันก็โดดเดี่ยวไม่มีใครรักเหมือนกับผมนั่นแหละ ผมก็เลยตกลงกับมัน เพราะผมรู้อยู่แล้วมนุษย์คงไม่รักคนแบบนั้นหรอก ผมแบ่งเวลากัน คนละครึ่งวัน โดยห้ามผิดกติกาเป็นเด็ดขาด มันก็ตกลงตามนั้น
วันเวลาผ่านไปมันตั้งหน้าตั้งตาจีบนุชทุกวัน
แต่ดูเหมือนว่าหนูจะไม่มีใจให้มันเลยแม้แต่นิดเดียว มันกลับมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
ผมตกใจมาก นี่มันกำลังเสียใจจริงๆหรอ
มันบอกกับผมว่า มันจะไม่ออกมาอีกแล้วมันจะหายไป ผมแอบดีใจนิดๆ แต่ลึกๆก็สงสารมันอยู่
หลังจากนั้นมันหายไปเลย 3 วัน เงียบหายไปเฉยๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ตอนนั้น นุช ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
เบอร์ในมือถือที่โทรออกล่าสุดเป็นเบอร์ของผม
ทางโรงพยาบาลโทรมา พอผมได้ยินข่าว
มันก็ออกมาทันทีเลย มันได้ตรงไปที่โรงพยาบาล มันดูก็วนกระวายใจจนผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังรู้สึกกลัวอยู่ มันเฝ้านุช ทั้งคืนทั้งวัน
ไม่ยอมไปไหนเลยไม่กินข้าวไม่กินน้ำ
เอาแต่ดูแลนุช พอนุชตื่นขึ้นมา ก็เห็นหน้ามันเป็นคนแรก เหมือนกับว่า ณตอนนั้นรู้สึกดีๆกับมันแล้ว
เรื่องที่ผมไม่อยากให้เกิดมันก็กำลังจะเกิดขึ้น ผมควรทำไงต่อดี