สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูแบบเต็มๆไม่มีโลโก้เกะกะเชิญที่เว็บไซต์ส่วนตัวผมได้เลยครับ
https://www.nopeopletravelphoto.com/
ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 นะครับ ตอนอื่นๆดูได้จากลิงค์ด้านล่างเลยครับผม
ตอน 1 -
https://www.nopeopletravelphoto.com/post/pacific_coast_highway_2021
ตอน 2 -
https://www.nopeopletravelphoto.com//post/death_valley_2021
ตอน 4 -
https://www.nopeopletravelphoto.com/post/monument_valley_grand_canyon_2021
เดือนที่เดินทาง - พฤศจิกายน 2021
ตอนที่แล้วไปเที่ยว Disneyland ดินแดนของคนช่างฝันและต่อที่ทะเลทรายอย่าง Death Valley National Park มาถึงตอน 3 แล้วที่เราขับรถเข้าสู่ Las Vegas ก่อนจะไปเผชิญพื้นที่ทะเลทราย วิวทิวทัศน์แบบหลุดโลกต่อที่ Page, Arizona บ้านของ Horseshoe Bend และ Antelope Canyon
ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมดไม่รวมนั่งเครื่องบินที่ 15 วัน 14 คืน และตอนที่ 3 นี้เป็นช่วงวันที่ 8 - 10 ตามนี้ครับผม
วันที่ 8 ครึ่งบ่าย: Las Vegas
วันที่ 9: ออกเดินทางสู่ Page, Arizona
วันที่ 10 ครึ่งเช้า: Antelope Canyon
Las Vegas
พอได้ขับรถออกจาก Death Valley แล้วเราก็มุ่งหน้าไป Las Vegas ขับรถระยะทางประมาณสองชั่วโมงนิดๆ พนันก็ไม่เล่นปาร์ตี้ก็ไม่ถนัดแต่ไหนๆมาแถบนี้แล้วก็ต้องแวะดูให้รู้หน่อย แนะนำให้ทุกคนที่ไปพกพาสปอร์ตไปด้วยเพราะจะไปนั่งตามบาร์จะต้องแสดงบัตรทุกร้านเป็นกฎหมายของรัฐเนวาดานะครับ
ด้วยความที่ไม่ได้มีความคาดหวังอะไรเลยกับการมาครั้งนี้ ตอนขับรถเข้าเมืองก็ตื่นเต้นพอสมควร ตึกรามบ้านช่องใหญ่โตแสงสีมากมาย พอจอดรถที่โรงแรม Aria ได้พนักงานก็บอกให้นั่งรถรางข้างล่างมาที่โรงแรม Vdara ที่เรามาอยู่อาศัย 1 คืน อะไรคือความที่ต้องสร้างรถรางเชื่อมต่อห้างกับโรงแรม
พอเช็คอินเรียบร้อยแอบหลับหนึ่งงีบเพราะคืนก่อนนอนยากมากเพราะเตียงแย๊แย่ ตื่นมาก็รีบพุ่งออกไปเดินเที่ยวกันเลย เชื่อมต่อกับโรงแรมเราเป็นโรงแรม Bellagio ที่โด่งดังอยู่ในหนังอย่าง Ocean's Eleven ด้านในหรูหราหมาเห่า เดินแล้วหลงทางกันได้ง่ายๆ
โซนใกล้ๆล็อบบี้โรงแรมที่จะมีการจัดพร๊อพให้นักท่องเที่ยวมาเดินถ่ายรูปกำลังเตรียมงานช่วงคริสต์มาสกันอยู่เลยเสียดายอยู่ไม่ทันเห็น ดูแล้วอลังการแน่นอน
ระหว่างเดินๆอยู่หน้าโรงแรมน้ำพุหน้าโรงแรมที่คนๆมารอดูกันอย่างหนาแน่นก็พุ่งออกมา น้ำพุฉีดขึ้นไปสูงเท่าตึก ต้องใช้แรงดันมากจนมีเสียงเหมือนยิงปืน แทบจะวิ่งไปหลบหลังต้นไม้
ตรงข้ามกับ Bellagio ก็จะเป็นโรงแรม Paris ฟังชื่อแล้วอย่าคิดว่าเป็นม่านรูดแต่เป็นโรงแรมที่มีหอไอเฟลจำลองแบบไม่ต้องสนใจงบประมาณ
เดินเข้าไปซื้อบัตรขึ้นไปดูวิวบนยอดหอไอเฟลนี้ซะเลยเพราะเย็นนี้ยังไม่มีที่ไป มาแบบไม่มีแผนอะไรเล๊ย
เดินกินขนมไปเรื่อยจนเริ่มจะเย็นก็ห้อยกล้องมาอันเดียวเดินดูลาสเวกัสยามค่ำคืน
ก่อนจะจบค่ำคืนไปกินข้าวก็ต้องขึ้นยอดหอไอเฟลไปดูแสงสีจากมุมสูง บัตรซื้อได้ตรงด้านในทางเข้าคาสิโนราคาไม่โหดเกินไป ภาพนี้มาดูแล้วประทับใจมากใช้มือถือถ่ายได้คุณภาพขนาดนี้ รอได้ค่าโฆษณาจะเฉลยรุ่น 555
เวลาสั้นๆสนุกๆ เป็นสถานที่ที่ทำให้ได้พักผ่อนเต็มที่ด้วยแรงดันน้ำสะใจกับเตียงดีๆก่อนวันรุ่งขึ้นเดินทางไกลอีกครั้ง
Page, Arizona
เส้นทางจาก Las Vegas ที่จะไป Page บอกเลยว่าสวยมากเพราะจะเฉียดๆกับ Zion National Park อีกสถานที่ที่อยากไปแต่เวลาไม่พอ แค่นี้ก็ทัวร์ชะโงกจะแย่แล้ว ได้แต่ถ่ายภาพตามข้างถนนเวลามีจังหวะจอดรถได้ จอดซะเกือบไปถึงจุดหมายปลายทางไม่ทัน
ขับรถจาก Las Vegas เป็นระยะทางประมาณสี่ชั่วโมงครึ่งเราก็จะเข้าถึงตัวเมือง Page เป็นที่เรียบร้อย ทางเข้าเมืองจะเป็นสะพานข้ามเขื่อน Glen Canyon Dam มองไปบนเขื่อนคือ Lake Powell
Horseshoe Bend
ส่วนตอนนี้ต้องรีบไปที่ Horseshoe Bend ก่อนจะไม่ทันพระอาทิตย์ตก ขับมาถึงทางเข้าแล้วจ่ายค่าเข้า จากที่จอดรถยังต้องเดินไปอีกประมาณ 20 นาทีถึงจะเจอจุดชมวิว เผื่อเวลากันไว้จะได้ไม่ต้องรีบวิ่งนะครับ
ตอนที่เดินเข้ามาก็พยายามมองหาว่าตรงไหนนะที่เป็นโค้งน้ำแบบในภาพ ที่หาไม่เจอเพราะว่าไม่ได้คิดว่าหินก้อนตรงกลางจะใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีรูปถ่ายไหนจะอธิบายความใหญ่ของมันได้เลยจริงๆ เท่าที่ทำได้คือพยายามให้เห็นเปรียบเทียบกับวัตถุใกล้เคียงอย่างเรือยาง (ภาพ 2) กับคนตัวเล็กๆยืนอยู่ริมผา (ภาพ 3)
ขับรถมาไกลมากทีเดียวคืนนี้ขอพักผ่อนหลังจากกินข้าวกินปลาแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะออกไปลุยถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น พลาดมาหลายวัน
Lake Powell & Glen Canyon Dam
เช้าต่อมาออกจากโรงแรมก่อนเวลาพระอาทิตย์ขึ้นหนึ่งชั่วโมงแล้วขับรถไปใกล้ๆเมืองเป็นเวลา 10 นาที สถานที่นี้ชื่อว่า Navajo Mountain Viewpoint เป็นริมทางอ่างเก็บน้ำ Lake Powell ที่เป็นน้ำเหนือเขื่อน Glen Canyon ที่เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้
ลงรถมาแล้วยังมืดมากแล้วอุณหภูมิด้านนอกอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส เลยตัดสินใจรอในรถจนกว่าจะมีแสงนิดหน่อย พอหันไปดูละก็น้ำตาแทบไหล รีบวิ่งลงไปตั้งกล้องด้วยความระมัดระวังเพราะเหยียบพลาดละกลิ้งกลุกๆลงไปเลย
วันนี้เมฆมากกำลังดีพอพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาสาดแสงสีส้มลงมาตัดกับสีฟ้าในเงามืดอย่างลงตัว มองลงมาด้านล่างจะเป็นน้ำในเขื่อนที่สงบนิ่งเหมือนกระจกเนื่องจากไม่มีลมพัดเช้านี้ พอถ่ายภาพได้ 5 นาทีก็มีคนขี่เรือมาทำพังซะเลย ดีนะได้รูปแล้ว
ยืนอยู่ตรงนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของภาพตรงหน้าในตอนที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาเรื่อย ไม่มีเสียงคนหรือรถอะไรเลย เป็นความสงบเงียบที่ไม่ได้รู้สึกมานานมาก
ละแวกใกล้ๆกันก็จะมีจุดชมวิว Wahweap Viewpoint ที่เป็นจุดจอดเรือของคนแถวนี้เอาไว้ขับเล่นอยู่ในอ่างเก็บน้ำ
สถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Page อีกอย่างคือ Glen Canyon Dam ที่กักน้ำจากแม่น้ำ Colorado จนเกิดเป็น Lake Powell เขื่อนนี้ใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้เมือง Page และใกล้เคียง จากที่อ่านป้ายคือถึงจะมีเขื่อนไว้ผลิตไฟแล้วไฟฟ้ายังไม่พอใช้ทำให้ต้องมีโรงงานไฟฟ้าถ่านหินที่สร้างไว้อีกที่เข้ามาช่วยอีก
Antelope Canyon
หลังจากเดินเล่นแถวเขื่อนจนเพลินก็ต้องกลับไปโรงแรมรับแฟนเพราะว่าเธอทนความหนาวไม่ได้ขอยอมจำนน ที่ต่อไปนี่เป็นความคาดหวังของทริปนี้มากๆ เพราะเค้าคือ Antelope Canyon
การจะไปดู Antelope Canyon ควรทราบว่าเค้ามี 2 โลเคชั่น Lower Antelope Canyon และ Upper Antelope Canyon ต่างยังไงจะพาไปดูกัน อีกสิ่งที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมคือต้องจองทัวร์ไปก่อนเพราะรอบที่อยากไปอาจเต็ม จะเข้าไม่ได้ถ้าหากไม่ได้ไปกับทัวร์ท้องที่เพราะอาจเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในได้แม้ฝนจะตกนิดเดียวก็ตาม ในอดีตมีคนตายยกทัวร์มาแล้วเพราะฉะนั้นไม่ควรแอบเข้าไปเดินเองเด็ดขาด อีกอย่างคือทัวร์ไม่อนุญาตให้เอาขาตั้งกล้อง และกระเป๋าใดๆเข้าไปด้านในนะครับ ด้านในแคบมากและการตั้งขาตั้งถ่ายภาพจะทำให้เค้าควบคุมเวลาไม่ได้
Lower Antelope Canyon
เช้าวันนี้เราไปก่อนเลยที่ Lower Antelope Canyon ไปถึงจุดนัดพบทัวร์ที่อยู่ตรงทางเข้าแคนยอนเลย จะมีคนอยู่ 3 - 4 กลุ่มกลุ่มละ 4 - 5 คนไม่รวมไกด์ ปริมาณคนก็น่าจะแล้วแต่ช่วงเวลาของวันและเทศกาลด้วย ไกด์ระหว่างเดินไปทางเข้าก็จะเล่าให้ฟังว่า Antelope Canyon เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลม น้ำที่ไหลผ่าน Antelope Canyon จะไหลลงไปสู่ Lake Powell ด้วยความที่แคนยอนด้านในแคบมากจึงทำให้เกิดน้ำท่วมมิดเพดานได้อย่างรวดเร็ว พนักงานจึงต้องชำนาญมากๆในการคาดเดาว่าฝนจะตกหรือไม่ก่อนพาทัวร์ลง และแล้วก็มาถึงปากทางเข้าที่ต้องเดินลงไปใต้ดิน
ทางลงเป็นบันไดแคบเล็กน้อยและชันบางจุดแต่พี่ไกด์ก็แนะนำวิธีการเดินที่ปลอดภัยให้กับเรา ดูจากด้านนอกแล้วบอกไม่ได้จริงๆว่าข้างในมันมหัศจรรย์ขนาดไหน
รูที่หินข้างกับบันไดเป็นร่องรอยเดิมที่คนพื้นเมืองใช้ในการปีนขึ้นไปก่อนที่บันไดถูกเอามาติดตั้ง
ลงมาถึงแค่ทางเข้าทุกคนก็ส่งเสียงครวญครางถึงความยิ่งใหญ่และสวยงามหลุดโลกของลวดลายและสีสันบนหินทรายสีส้มหรือสีโอรสรอบตัว ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นความสวยงามที่เกิดขึ้นจากความยุ่งเหยิงในธรรมชาติ ยืนถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องจนไกด์ต้องเตือนว่าอันนี้แค่ทางเข้านะทุกคน
ด้วยความที่เราเอาขาตั้งกล้องและกระเป๋าเข้ามาไม่ได้ การตั้งค่ากล้องควรปรับ ISO ให้สูงขึ้นนิดนึง สำหรับผมเองเป็นคนที่กลัวการเพิ่ม ISO มากๆแต่ Lower Antelope แสงแดดเข้ามาได้ค่อนข้างมากเนื่องจากร่องด้านบนเค้าค่อนข้างกว้างทำให้บางจุดสามารถใช้ ISO 200 ยังพอไหวเพราะมีระบบกันสั่นในกล้องช่วยไว้
ทรายที่เราเห็นตามพื้นทางเดินไกด์เล่าว่าตามธรรมชาติไม่มีทรายอยู่เพราะน้ำพัดไปหมด ทีมงานเองที่เป็นคนทุ่มทรายลงมาในเพื่อให้สามารถเดินได้ง่ายขึ้น
[CR] Las Vegas - Antelope Canyon - America Southwest Road Trip ภาค 3
สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูแบบเต็มๆไม่มีโลโก้เกะกะเชิญที่เว็บไซต์ส่วนตัวผมได้เลยครับ https://www.nopeopletravelphoto.com/
ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 นะครับ ตอนอื่นๆดูได้จากลิงค์ด้านล่างเลยครับผม
ตอน 1 - https://www.nopeopletravelphoto.com/post/pacific_coast_highway_2021
ตอน 2 - https://www.nopeopletravelphoto.com//post/death_valley_2021
ตอน 4 - https://www.nopeopletravelphoto.com/post/monument_valley_grand_canyon_2021
เดือนที่เดินทาง - พฤศจิกายน 2021
ตอนที่แล้วไปเที่ยว Disneyland ดินแดนของคนช่างฝันและต่อที่ทะเลทรายอย่าง Death Valley National Park มาถึงตอน 3 แล้วที่เราขับรถเข้าสู่ Las Vegas ก่อนจะไปเผชิญพื้นที่ทะเลทราย วิวทิวทัศน์แบบหลุดโลกต่อที่ Page, Arizona บ้านของ Horseshoe Bend และ Antelope Canyon
ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมดไม่รวมนั่งเครื่องบินที่ 15 วัน 14 คืน และตอนที่ 3 นี้เป็นช่วงวันที่ 8 - 10 ตามนี้ครับผม
วันที่ 8 ครึ่งบ่าย: Las Vegas
วันที่ 9: ออกเดินทางสู่ Page, Arizona
วันที่ 10 ครึ่งเช้า: Antelope Canyon
Las Vegas
พอได้ขับรถออกจาก Death Valley แล้วเราก็มุ่งหน้าไป Las Vegas ขับรถระยะทางประมาณสองชั่วโมงนิดๆ พนันก็ไม่เล่นปาร์ตี้ก็ไม่ถนัดแต่ไหนๆมาแถบนี้แล้วก็ต้องแวะดูให้รู้หน่อย แนะนำให้ทุกคนที่ไปพกพาสปอร์ตไปด้วยเพราะจะไปนั่งตามบาร์จะต้องแสดงบัตรทุกร้านเป็นกฎหมายของรัฐเนวาดานะครับ
ด้วยความที่ไม่ได้มีความคาดหวังอะไรเลยกับการมาครั้งนี้ ตอนขับรถเข้าเมืองก็ตื่นเต้นพอสมควร ตึกรามบ้านช่องใหญ่โตแสงสีมากมาย พอจอดรถที่โรงแรม Aria ได้พนักงานก็บอกให้นั่งรถรางข้างล่างมาที่โรงแรม Vdara ที่เรามาอยู่อาศัย 1 คืน อะไรคือความที่ต้องสร้างรถรางเชื่อมต่อห้างกับโรงแรม
พอเช็คอินเรียบร้อยแอบหลับหนึ่งงีบเพราะคืนก่อนนอนยากมากเพราะเตียงแย๊แย่ ตื่นมาก็รีบพุ่งออกไปเดินเที่ยวกันเลย เชื่อมต่อกับโรงแรมเราเป็นโรงแรม Bellagio ที่โด่งดังอยู่ในหนังอย่าง Ocean's Eleven ด้านในหรูหราหมาเห่า เดินแล้วหลงทางกันได้ง่ายๆ
โซนใกล้ๆล็อบบี้โรงแรมที่จะมีการจัดพร๊อพให้นักท่องเที่ยวมาเดินถ่ายรูปกำลังเตรียมงานช่วงคริสต์มาสกันอยู่เลยเสียดายอยู่ไม่ทันเห็น ดูแล้วอลังการแน่นอน
ระหว่างเดินๆอยู่หน้าโรงแรมน้ำพุหน้าโรงแรมที่คนๆมารอดูกันอย่างหนาแน่นก็พุ่งออกมา น้ำพุฉีดขึ้นไปสูงเท่าตึก ต้องใช้แรงดันมากจนมีเสียงเหมือนยิงปืน แทบจะวิ่งไปหลบหลังต้นไม้
ตรงข้ามกับ Bellagio ก็จะเป็นโรงแรม Paris ฟังชื่อแล้วอย่าคิดว่าเป็นม่านรูดแต่เป็นโรงแรมที่มีหอไอเฟลจำลองแบบไม่ต้องสนใจงบประมาณ
เดินเข้าไปซื้อบัตรขึ้นไปดูวิวบนยอดหอไอเฟลนี้ซะเลยเพราะเย็นนี้ยังไม่มีที่ไป มาแบบไม่มีแผนอะไรเล๊ย
เดินกินขนมไปเรื่อยจนเริ่มจะเย็นก็ห้อยกล้องมาอันเดียวเดินดูลาสเวกัสยามค่ำคืน
ก่อนจะจบค่ำคืนไปกินข้าวก็ต้องขึ้นยอดหอไอเฟลไปดูแสงสีจากมุมสูง บัตรซื้อได้ตรงด้านในทางเข้าคาสิโนราคาไม่โหดเกินไป ภาพนี้มาดูแล้วประทับใจมากใช้มือถือถ่ายได้คุณภาพขนาดนี้ รอได้ค่าโฆษณาจะเฉลยรุ่น 555
เวลาสั้นๆสนุกๆ เป็นสถานที่ที่ทำให้ได้พักผ่อนเต็มที่ด้วยแรงดันน้ำสะใจกับเตียงดีๆก่อนวันรุ่งขึ้นเดินทางไกลอีกครั้ง
Page, Arizona
เส้นทางจาก Las Vegas ที่จะไป Page บอกเลยว่าสวยมากเพราะจะเฉียดๆกับ Zion National Park อีกสถานที่ที่อยากไปแต่เวลาไม่พอ แค่นี้ก็ทัวร์ชะโงกจะแย่แล้ว ได้แต่ถ่ายภาพตามข้างถนนเวลามีจังหวะจอดรถได้ จอดซะเกือบไปถึงจุดหมายปลายทางไม่ทัน
ขับรถจาก Las Vegas เป็นระยะทางประมาณสี่ชั่วโมงครึ่งเราก็จะเข้าถึงตัวเมือง Page เป็นที่เรียบร้อย ทางเข้าเมืองจะเป็นสะพานข้ามเขื่อน Glen Canyon Dam มองไปบนเขื่อนคือ Lake Powell
Horseshoe Bend
ส่วนตอนนี้ต้องรีบไปที่ Horseshoe Bend ก่อนจะไม่ทันพระอาทิตย์ตก ขับมาถึงทางเข้าแล้วจ่ายค่าเข้า จากที่จอดรถยังต้องเดินไปอีกประมาณ 20 นาทีถึงจะเจอจุดชมวิว เผื่อเวลากันไว้จะได้ไม่ต้องรีบวิ่งนะครับ
ตอนที่เดินเข้ามาก็พยายามมองหาว่าตรงไหนนะที่เป็นโค้งน้ำแบบในภาพ ที่หาไม่เจอเพราะว่าไม่ได้คิดว่าหินก้อนตรงกลางจะใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีรูปถ่ายไหนจะอธิบายความใหญ่ของมันได้เลยจริงๆ เท่าที่ทำได้คือพยายามให้เห็นเปรียบเทียบกับวัตถุใกล้เคียงอย่างเรือยาง (ภาพ 2) กับคนตัวเล็กๆยืนอยู่ริมผา (ภาพ 3)
ขับรถมาไกลมากทีเดียวคืนนี้ขอพักผ่อนหลังจากกินข้าวกินปลาแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะออกไปลุยถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น พลาดมาหลายวัน
Lake Powell & Glen Canyon Dam
เช้าต่อมาออกจากโรงแรมก่อนเวลาพระอาทิตย์ขึ้นหนึ่งชั่วโมงแล้วขับรถไปใกล้ๆเมืองเป็นเวลา 10 นาที สถานที่นี้ชื่อว่า Navajo Mountain Viewpoint เป็นริมทางอ่างเก็บน้ำ Lake Powell ที่เป็นน้ำเหนือเขื่อน Glen Canyon ที่เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้
ลงรถมาแล้วยังมืดมากแล้วอุณหภูมิด้านนอกอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส เลยตัดสินใจรอในรถจนกว่าจะมีแสงนิดหน่อย พอหันไปดูละก็น้ำตาแทบไหล รีบวิ่งลงไปตั้งกล้องด้วยความระมัดระวังเพราะเหยียบพลาดละกลิ้งกลุกๆลงไปเลย
วันนี้เมฆมากกำลังดีพอพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาสาดแสงสีส้มลงมาตัดกับสีฟ้าในเงามืดอย่างลงตัว มองลงมาด้านล่างจะเป็นน้ำในเขื่อนที่สงบนิ่งเหมือนกระจกเนื่องจากไม่มีลมพัดเช้านี้ พอถ่ายภาพได้ 5 นาทีก็มีคนขี่เรือมาทำพังซะเลย ดีนะได้รูปแล้ว
ยืนอยู่ตรงนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของภาพตรงหน้าในตอนที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาเรื่อย ไม่มีเสียงคนหรือรถอะไรเลย เป็นความสงบเงียบที่ไม่ได้รู้สึกมานานมาก
ละแวกใกล้ๆกันก็จะมีจุดชมวิว Wahweap Viewpoint ที่เป็นจุดจอดเรือของคนแถวนี้เอาไว้ขับเล่นอยู่ในอ่างเก็บน้ำ
สถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Page อีกอย่างคือ Glen Canyon Dam ที่กักน้ำจากแม่น้ำ Colorado จนเกิดเป็น Lake Powell เขื่อนนี้ใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้เมือง Page และใกล้เคียง จากที่อ่านป้ายคือถึงจะมีเขื่อนไว้ผลิตไฟแล้วไฟฟ้ายังไม่พอใช้ทำให้ต้องมีโรงงานไฟฟ้าถ่านหินที่สร้างไว้อีกที่เข้ามาช่วยอีก
Antelope Canyon
หลังจากเดินเล่นแถวเขื่อนจนเพลินก็ต้องกลับไปโรงแรมรับแฟนเพราะว่าเธอทนความหนาวไม่ได้ขอยอมจำนน ที่ต่อไปนี่เป็นความคาดหวังของทริปนี้มากๆ เพราะเค้าคือ Antelope Canyon
การจะไปดู Antelope Canyon ควรทราบว่าเค้ามี 2 โลเคชั่น Lower Antelope Canyon และ Upper Antelope Canyon ต่างยังไงจะพาไปดูกัน อีกสิ่งที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมคือต้องจองทัวร์ไปก่อนเพราะรอบที่อยากไปอาจเต็ม จะเข้าไม่ได้ถ้าหากไม่ได้ไปกับทัวร์ท้องที่เพราะอาจเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในได้แม้ฝนจะตกนิดเดียวก็ตาม ในอดีตมีคนตายยกทัวร์มาแล้วเพราะฉะนั้นไม่ควรแอบเข้าไปเดินเองเด็ดขาด อีกอย่างคือทัวร์ไม่อนุญาตให้เอาขาตั้งกล้อง และกระเป๋าใดๆเข้าไปด้านในนะครับ ด้านในแคบมากและการตั้งขาตั้งถ่ายภาพจะทำให้เค้าควบคุมเวลาไม่ได้
Lower Antelope Canyon
เช้าวันนี้เราไปก่อนเลยที่ Lower Antelope Canyon ไปถึงจุดนัดพบทัวร์ที่อยู่ตรงทางเข้าแคนยอนเลย จะมีคนอยู่ 3 - 4 กลุ่มกลุ่มละ 4 - 5 คนไม่รวมไกด์ ปริมาณคนก็น่าจะแล้วแต่ช่วงเวลาของวันและเทศกาลด้วย ไกด์ระหว่างเดินไปทางเข้าก็จะเล่าให้ฟังว่า Antelope Canyon เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลม น้ำที่ไหลผ่าน Antelope Canyon จะไหลลงไปสู่ Lake Powell ด้วยความที่แคนยอนด้านในแคบมากจึงทำให้เกิดน้ำท่วมมิดเพดานได้อย่างรวดเร็ว พนักงานจึงต้องชำนาญมากๆในการคาดเดาว่าฝนจะตกหรือไม่ก่อนพาทัวร์ลง และแล้วก็มาถึงปากทางเข้าที่ต้องเดินลงไปใต้ดิน
ทางลงเป็นบันไดแคบเล็กน้อยและชันบางจุดแต่พี่ไกด์ก็แนะนำวิธีการเดินที่ปลอดภัยให้กับเรา ดูจากด้านนอกแล้วบอกไม่ได้จริงๆว่าข้างในมันมหัศจรรย์ขนาดไหน
รูที่หินข้างกับบันไดเป็นร่องรอยเดิมที่คนพื้นเมืองใช้ในการปีนขึ้นไปก่อนที่บันไดถูกเอามาติดตั้ง
ลงมาถึงแค่ทางเข้าทุกคนก็ส่งเสียงครวญครางถึงความยิ่งใหญ่และสวยงามหลุดโลกของลวดลายและสีสันบนหินทรายสีส้มหรือสีโอรสรอบตัว ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นความสวยงามที่เกิดขึ้นจากความยุ่งเหยิงในธรรมชาติ ยืนถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องจนไกด์ต้องเตือนว่าอันนี้แค่ทางเข้านะทุกคน
ด้วยความที่เราเอาขาตั้งกล้องและกระเป๋าเข้ามาไม่ได้ การตั้งค่ากล้องควรปรับ ISO ให้สูงขึ้นนิดนึง สำหรับผมเองเป็นคนที่กลัวการเพิ่ม ISO มากๆแต่ Lower Antelope แสงแดดเข้ามาได้ค่อนข้างมากเนื่องจากร่องด้านบนเค้าค่อนข้างกว้างทำให้บางจุดสามารถใช้ ISO 200 ยังพอไหวเพราะมีระบบกันสั่นในกล้องช่วยไว้
ทรายที่เราเห็นตามพื้นทางเดินไกด์เล่าว่าตามธรรมชาติไม่มีทรายอยู่เพราะน้ำพัดไปหมด ทีมงานเองที่เป็นคนทุ่มทรายลงมาในเพื่อให้สามารถเดินได้ง่ายขึ้น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้