5 วิธีแก้สมองตื้อ... เมื่อคิดงานไม่ออก
เวลาที่เราทำงานแล้วงานไปไม่ถึงไหน คิดอะไรไม่ออกสมองตื้อ คนส่วนใหญ่มักจะนั่งกุมขมับ ก้มหน้าก้มตาคิดวิธีทำให้งานเสร็จ แต่สุดท้ายก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดี.. จริงๆ เวลาแบบนี้เราควรจะลุกออกมาจากตรงนั้นก่อนหากยังนั่งมึน นั่งงง นั่งแช่อยู่กับโต๊ะอยู่อย่างนั้นงานก็ไม่เสร็จอยู่ดี เพราะว่าสมองล้าไปต่อไม่ไหวแล้วควรพักก่อนดีกว่า
ปกติแล้วมนุษย์ออฟฟิศชีวิตชิคๆ แบบชาวเราคงหนีไม่พ้นอาการสมองตื้อตันเป็นแน่ แต่ถ้าเกิดความรู้สึกแบบนี้เมื่อไหร่ก็ไม่ต้องกังวล ลองทำตาม 5 วิธีนี้รับรองว่าช่วยแก้ปัญหาสมองเออเร่อได้แน่นอน!..
1. ทำสมาธิ การทำสมาธิเพื่อผ่อนคลายสมองไม่ต้องทำนานก็ได้ โดยเริ่มจากนั่งบนพื้นหรือเก้าอี้ในท่าที่สบาย ไม่เกร็งเอว หลับตา พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ ส่งไปยังท้องน้อย อ้าปากเล็กน้อย เริ่มที่หายใจออกก่อน ค่อยๆ ผ่อนลมออกจนท้องน้อยแฟบ เมื่อผ่อนลมหมด สูดหายใจเข้าทางจมูก ตั้งสมาธิไปยังลมหายใจ คุณจะรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย แต่ไม่ต้องไปซีเรียสเอาที่สบายใจตัวเองก็พอการทำสมาธิ จิตต้องอยู่กับปัจจุบัน ขณะนี้ ตรงนี้ เมื่อใจเราสงบผลลัพธ์ดีๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมาแน่นอน
2.เดินเล่น เวลาคิดงานไม่ออกหรือรู้สึกว่าความคิดในหัวยุ่งเหยิง ให้ลุกเดินไปเดินมาดูบ้างก็ได้ เดินไปเข้าห้องน้ำ เดินไปดื่มน้ำ เพราะการเดินจะช่วยให้เราคิดอะไรออกได้ เพราะสมองจะค่อยๆ เย็นลง และเมื่อสมองเราเกิดความสั่นไหวเบาๆ หัวจะปลอดโปร่งและปรับสมดุลดีขึ้น
3. ยืดเส้นยืดสาย เวลานั่งทำงานเรามักจะชอบโน้มหัวมาทางด้านหน้า ซึ่งหัวของเรานั้นหนักถึง5 กิโลกรัม ยิ่งเราโน้มมาข้างหน้าเท่าไหร่กล้ามเนื้อต้นคอก็ต้องเกร็งแบกรับน้ำหนักอย่างมาก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อตรงท้ายทอย ต้นคอ ไหล่ หลังช่วงบนกล้ามเนื้อส่วนนี้จึงตึงมากๆ ยิ่งตอนจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คอยิ่งยื่นยาวไปข้างหน้า รวมถึงผู้ที่ชอบเล่นมือถือที่ก้มลงจ้องแต่จอเราจึงต้องผ่อนคลายความแข็งตึงกล้ามเนื้อส่วนนี้เสียก่อนถึงจะหายปวดล้าต้นคอ และสมองก็จะปลอดโปร่งขึ้น ให้ลองใช้วิธีเงยหน้า เอนหัวไปด้านหลังค้างไว้สักพัก ใช้มือนวดกล้ามเนื้อต้นคอเบาๆ จะรู้สึกหัวโล่งขึ้น
4. งีบตอนกลางวัน ไม่มียาคลายอาการสมองล้าใดๆ ออกฤทธิ์ได้ดีไปกว่าการงีบสัก 15 นาทีหลังมื้อเที่ยง ถ้าสถานที่สะดวกให้นอนลงกับพื้นจะดีที่สุด สำหรับใครที่นอนไม่หลับ แค่นอนเล่นสักพักก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนสมองที่ดีแล้วไม่ว่าจะนอนเล่นเงียบๆ ตั้งสมาธิไปด้วย หรือจะนั่งฟุบกับโต๊ะก็ได้ เมื่อตื่นขึ้นจะรู้สึกสดชื่น มีพลัง พร้อมลุยงานช่วงบ่าย
5. แอบกินขนมบ้าง เวลาใช้ความคิดมากๆ เราจะรู้สึกอยากกินของหวาน ซึ่งการกินของว่างที่ชอบ เช่น ช็อกโกแลต เค้ก คุกกี้ระหว่างวันจะช่วยให้อารมณ์ดี และกลูโคสก็เป็นสิ่งที่สมองโปรดปรานเหมือนเป็นรางวัลเล็กๆ ให้กับตัวเอง แม้สุขภาพเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจแต่นาทีที่สมองล้า ก็ควรมอบรางวัลให้สมองบ้างให้บ่อยๆ ครั้งละน้อยๆ ก็ดีนะ
นอกจากนี้แล้วอยากแนะนำให้ลองหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อน เพิ่มพลังให้สมองบ้าง เพราะการคิดอะไรไม่ออกนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเหนื่อยล้ามากเกินไปแล้ว ที่สำคัญอย่ากดดันตัวเองจนรู้สึกเครียดเกินไป เพราะความเครียดนี่แหละ! ที่เป็นตัวกระตุ้นให้สมองเราตื้อคิดงานไม่ออกมากขึ้นไปอีก!
5 วิธีแก้สมองตื้อ... เมื่อคิดงานไม่ออก
5 วิธีแก้สมองตื้อ... เมื่อคิดงานไม่ออก
เวลาที่เราทำงานแล้วงานไปไม่ถึงไหน คิดอะไรไม่ออกสมองตื้อ คนส่วนใหญ่มักจะนั่งกุมขมับ ก้มหน้าก้มตาคิดวิธีทำให้งานเสร็จ แต่สุดท้ายก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดี.. จริงๆ เวลาแบบนี้เราควรจะลุกออกมาจากตรงนั้นก่อนหากยังนั่งมึน นั่งงง นั่งแช่อยู่กับโต๊ะอยู่อย่างนั้นงานก็ไม่เสร็จอยู่ดี เพราะว่าสมองล้าไปต่อไม่ไหวแล้วควรพักก่อนดีกว่า
ปกติแล้วมนุษย์ออฟฟิศชีวิตชิคๆ แบบชาวเราคงหนีไม่พ้นอาการสมองตื้อตันเป็นแน่ แต่ถ้าเกิดความรู้สึกแบบนี้เมื่อไหร่ก็ไม่ต้องกังวล ลองทำตาม 5 วิธีนี้รับรองว่าช่วยแก้ปัญหาสมองเออเร่อได้แน่นอน!..
1. ทำสมาธิ การทำสมาธิเพื่อผ่อนคลายสมองไม่ต้องทำนานก็ได้ โดยเริ่มจากนั่งบนพื้นหรือเก้าอี้ในท่าที่สบาย ไม่เกร็งเอว หลับตา พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ ส่งไปยังท้องน้อย อ้าปากเล็กน้อย เริ่มที่หายใจออกก่อน ค่อยๆ ผ่อนลมออกจนท้องน้อยแฟบ เมื่อผ่อนลมหมด สูดหายใจเข้าทางจมูก ตั้งสมาธิไปยังลมหายใจ คุณจะรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย แต่ไม่ต้องไปซีเรียสเอาที่สบายใจตัวเองก็พอการทำสมาธิ จิตต้องอยู่กับปัจจุบัน ขณะนี้ ตรงนี้ เมื่อใจเราสงบผลลัพธ์ดีๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมาแน่นอน
2.เดินเล่น เวลาคิดงานไม่ออกหรือรู้สึกว่าความคิดในหัวยุ่งเหยิง ให้ลุกเดินไปเดินมาดูบ้างก็ได้ เดินไปเข้าห้องน้ำ เดินไปดื่มน้ำ เพราะการเดินจะช่วยให้เราคิดอะไรออกได้ เพราะสมองจะค่อยๆ เย็นลง และเมื่อสมองเราเกิดความสั่นไหวเบาๆ หัวจะปลอดโปร่งและปรับสมดุลดีขึ้น
3. ยืดเส้นยืดสาย เวลานั่งทำงานเรามักจะชอบโน้มหัวมาทางด้านหน้า ซึ่งหัวของเรานั้นหนักถึง5 กิโลกรัม ยิ่งเราโน้มมาข้างหน้าเท่าไหร่กล้ามเนื้อต้นคอก็ต้องเกร็งแบกรับน้ำหนักอย่างมาก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อตรงท้ายทอย ต้นคอ ไหล่ หลังช่วงบนกล้ามเนื้อส่วนนี้จึงตึงมากๆ ยิ่งตอนจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คอยิ่งยื่นยาวไปข้างหน้า รวมถึงผู้ที่ชอบเล่นมือถือที่ก้มลงจ้องแต่จอเราจึงต้องผ่อนคลายความแข็งตึงกล้ามเนื้อส่วนนี้เสียก่อนถึงจะหายปวดล้าต้นคอ และสมองก็จะปลอดโปร่งขึ้น ให้ลองใช้วิธีเงยหน้า เอนหัวไปด้านหลังค้างไว้สักพัก ใช้มือนวดกล้ามเนื้อต้นคอเบาๆ จะรู้สึกหัวโล่งขึ้น
4. งีบตอนกลางวัน ไม่มียาคลายอาการสมองล้าใดๆ ออกฤทธิ์ได้ดีไปกว่าการงีบสัก 15 นาทีหลังมื้อเที่ยง ถ้าสถานที่สะดวกให้นอนลงกับพื้นจะดีที่สุด สำหรับใครที่นอนไม่หลับ แค่นอนเล่นสักพักก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนสมองที่ดีแล้วไม่ว่าจะนอนเล่นเงียบๆ ตั้งสมาธิไปด้วย หรือจะนั่งฟุบกับโต๊ะก็ได้ เมื่อตื่นขึ้นจะรู้สึกสดชื่น มีพลัง พร้อมลุยงานช่วงบ่าย
5. แอบกินขนมบ้าง เวลาใช้ความคิดมากๆ เราจะรู้สึกอยากกินของหวาน ซึ่งการกินของว่างที่ชอบ เช่น ช็อกโกแลต เค้ก คุกกี้ระหว่างวันจะช่วยให้อารมณ์ดี และกลูโคสก็เป็นสิ่งที่สมองโปรดปรานเหมือนเป็นรางวัลเล็กๆ ให้กับตัวเอง แม้สุขภาพเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจแต่นาทีที่สมองล้า ก็ควรมอบรางวัลให้สมองบ้างให้บ่อยๆ ครั้งละน้อยๆ ก็ดีนะ
นอกจากนี้แล้วอยากแนะนำให้ลองหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อน เพิ่มพลังให้สมองบ้าง เพราะการคิดอะไรไม่ออกนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเหนื่อยล้ามากเกินไปแล้ว ที่สำคัญอย่ากดดันตัวเองจนรู้สึกเครียดเกินไป เพราะความเครียดนี่แหละ! ที่เป็นตัวกระตุ้นให้สมองเราตื้อคิดงานไม่ออกมากขึ้นไปอีก!