อยากไปต่อ แต่ในใจยังคิดมาก/เจ็บ/เสียใจ/ฯลฯ ที่ภรรยาแอบมีชู้กับคนที่เจอกันในเฟส ทั้งๆที่เราสู้ชีวิตมาด้วยกัน 16 ปี

ผมกับแฟนคบกันมา 16-17 ปี แต่งงานกันมา 15 ปี ตอนเริ่มคบกัน ต้องต่อสู้กันมาทุกอย่าง
ทั้งความไม่เข้าใจกันของสองครอบครัว อยู่บ้านเช่าในช่วงแรกของชีวิตคู่
เรื่องอาชีพ/รายได้/การงาน มีความลำบากในหลายๆเรื่อง
จนพ่อแม่ผมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเลี้ยงหลานๆให้ 
เรามีลูกกัน 2 คน ช่วยแรกๆต้องให้อยู่กับปู่ย่า จนตอนนี้ตั้งตัวได้ มีบ้านหลังใหญ่
ปู่ย่าย้ายมาอยู่ด้วนกันพร้อมหน้าทั้ง 6 คน

พอโควิดมา งานเราได้รับผลกระทบพอสมควร เรื่องรายได้ ไม่ได้หวืหวาเหมือนก่อนหน้า
แต่ก็ยังสามารถเลี้ยงครอบครัวได้แบบไม่ลำบาก

ช่วงโควิดที่งานเราน้อยลงนี่เอง ทำให้ต่างคนต่างมีเวลาว่างมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางบ่อยๆแบบแต่ก่อน
ผมเองพยายามหากิจกรรมให้ลูกๆทำ เพราะเห็นลูกๆเรียนออนไลน์แล้ว เห็นใจว่าน่าเบื่อ
มีเวลาให้กับลูกๆมากขึ้น เดินทางน้อยลง ทำให้รู้สึกดีขึ้น

ส่วนภรรยาผมก็สนุกกับกิจกรรมในโลกโซเชี่ยลมากขึ้น เข้าแอปฯร้องเพลง เข้าig 
เข้ากลุ่มต่างๆที่ตั้งขึ้นมาในเฟสบุ๊ค จนทำให้ไปมีสังคมใหม่ๆในกลุ่มเฟสบุ๊ค
ซึ่งส่วนตัวผมเองไม่ได้เป็นคนที่ชอบเล่นแอปฯโซเชี่ยลมากนัก
เลยไม่ได้เข้ากลุ่มนี้ด้วย

ภรรยาเลยไปมีชู้กับผู้ชายคนนึง ซึ่งถือได้ว่าเป็นคนดังของกรุ๊ปนี้
เค้ามีครอบครัวมีลูกแล้วเช่นกัน อายุมากแล้วอีกต่างหาก
ภรรยาผม และผู้ชายคนนี้แอบคบกัน/คุยกันตลอด/virtual sexกันบ้าง/แอบไปเจอกันบ้าง
ที่รู้ เพราะผมหลอกภรรยา ว่าผมเห็นประวัติการใช้แอปฯ การใช้งานในมือถือของเค้าทั้งหมด
สามารถกู้ขึ้นมาดูได้หมด จะให้เปิดให้ดู หรือยอมรับสารภาพมาเอง
แต่กว่าจะหลอก-จนยอมรับสารภาพได้ ก็ประมาณเดือนกว่าๆ

วันที่ความแตก
ด้วยความที่ 7-11 แถวบ้านเปลี่ยนพนักงานใหม่ ซึ่งมักคิดเงินผิดให้ลูกค้าและเราเองก็เจออยู่ครั้งสองครั้ง
พอซื้อของเสร็จกำลังขึ้นรถ ว่าจะสตาร์ดรถกลับเข้าบ้าน
ผมทักภรรยาว่าให้ลองเช็คดูบิลว่าตรงกับรายการของไหม
ปรากฏว่าคิดผิดจริงๆ ภรรยาอาสาลงไปขอแกบิลเพื่อรับเงินที่คิดเกิน คืน
ผมว่าจะรอบนรถ อยู่เกิดเปลี่ยนใจ เดินตามไปด้วนดีกว่า โดยที่ภรรยาคงไม่รู้ว่าผมเดินตามหลังไป
ไปทันกันตอนอยู่หน้าเคาร์เตอร์ 7 แล้ว 
ภรรยาผมรอเงินคืน และกำลังแชทอยู่บนมือถือไปด้วย 
(ช่วงหลังๆมา เค้าติดมือถือมากๆ มากจริงๆ จนลูกๆล้อเลียนแซวแม่ว่าติดมือถือติดเฟส ไม่ยอมดูแลลูก
แถบปิดเสียงตลอด จนบางครั้งพลาดรับสายลูกค้าอยู่บ่อยขึ้นๆ จนผมต้องเตือน แต่ก็ยังไม่เปิดเสียงอยู่ดี)
ผมเลยไปสะกิดเค้าที่ด้านหลัง ว่าจะบอกว่าผมเดินตามมานะ ก็ไปเห็นหน้าจอมือถือภรรยา
ส่งข้อความว่า คิดถึงนะ, รัก และส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนเป่าหัวใจรัวๆปิ๊งๆ
ภรรยาผมสะดุ้งสุดตัว แล้วรีบกดเคลียร์แอปฯในมือถือ
ผมก็รู้สึกแปลกๆ

ระหว่างทางกลับบ้านช่วงสั้นๆ ผมเลยสงสัยถามว่า เมื่อกี้คุยกันใคร
"ก็คุยกับลูกค้าไง พี่หมายถึงอะไร" (น้ำเสียงแบบร้อนตัวมากๆ ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเอง TT)
ลูกค้าไหน ทำไมมีส่งรูปหัวใจด้วย แล้วคุยในแอปฯอะไร ไม่ใช่ไลน์นี่น่า
(จากการตอบกลับของเธอ ทำให้ผมยิ่งสงสัย)
"พี่มลมั้ง เอคุยกับลูกค้าหลายคน จำไม่ได้หลอก"
"หมายถึงเมื่อกี้น่ะ ตอนอยู่ใน 7 เห็นมีบอกรัก/ส่งรูปหัวใจด้วย"
"เอไม่รู้อ่ะ จำไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อกี้ก็ตอบไลน์หลายคนอยู่"
ถึงบ้านพอดี กำลังจะเข้าบ้าน เจอลูกๆเจอปู่ย่า ผมเริ่มได้กลิ่นไม่ดีล่ะ 
แต่ต้องไปทักทายลูกๆ ไปทำหน้าที่ และงานต่างๆต่อก่อน แล้วค่อยว่ากันละกัน

คืนนั้นผมถามภรรยาอีกครั้งก่อนนอน แกไม่บอกอะไรเลย บอกว่าไม่รู้-จำไม่ได้อย่างเดียว
ผมเองหลับๆตื่นๆ เพราะพอรู้ แล้วว่า ภรรยาน่าจะแอบคุยกับใครแบบไม่บริสุทธิ์ใจ 
ถึงได้มีอาการแบบนี้ จนกระทั่งทนไม่ได้ เกือบๆตีห้าต้องปลุกเธอขึ้นมาถามให้รู้เรื่อง
เลยยอมรับว่า คุยกับพี่คนนึงในกลุ่มเฟส แต่ยังปฏิเสธว่า ไม่ได้มีอะไร แค่รุ่นพี่
แค่คุยกันเฉยๆ อย่าคิดมาก
เราเริ่มคุยกันไม่ดี เริ่มทะเลาะกัน ภรรยายังไม่ยอมปริปากอะไรมากนัก
(ลูกๆเริ่มโต แต่ก็ยังนอนกับปู่ย่าด้วยความเคยชิน ผมกับภรรยานอนอีกห้องนึง)

จนสายๆ ผมเริ่มเอาจริง คาดคั้นหนัก จนภรรยายอมรับว่าแอบคุยกันมานานแล้ว
แค่รู้สึกดีๆต่อกัน ผมขอมือถือเธอมาไว้กับผม ขอให้เธอลบ-บล็อค คนๆนี้
เริ่มโกหกว่าผมสามารถกู้ข้อมูลการแชทต่างๆของเธอได้

มารู้ภายหลังว่า ในวันนั้น เธอยังแอบติดต่อไป ก่อนจะลบ-บล็อคเค้า
เธอบอกเค้าไปว่า "เอมีปัญหานิดหน่อย อย่าเพิ่งติดต่อมานะ เด๋วหนูติดต่อไปหาพี่เอง"
บ่ายๆวันนั้น ผมเริ่มได้ข้อมูล/ชื่อของผู้ชายคนนี้มาจากภรรยา 
เลยว่าจะเค้าไปดูในเฟส ปรากฏว่า เค้ารู้ตัว บล็อคเฟสทั้งผมและภรรยาผม ไปแล้ว 

เหตุการณ์ยังคงต่อเนื่อง โดยที่เธอพยายามโทษผมที่เป็นคนไม่หวาน/จ๊ะจ้า
เธออ้างว่า ตั้งแต่แต่งงานมา เธอเก็บกด เพราะจริงๆแล้วเธอเป็นคนเจ้าชู้นะ
ชอบเข้าสังคม ชอบคนมีชื่อเสียง บลาๆๆ.......

ซึ่งมันผมรู้สึกเสียใจจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรกับข้ออ้างมั่วๆนี้ของเธอ
มันรู้สึกว่างเปล่า แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่
ยังดีที่ค่อยคิดถึงลูกๆ และพ่อแม่ ที่มาอยู่ด้วยกัน

ส่วนตัว ผมเองเป็นคนแข็งๆทื่อๆ ไม่หวืหวา ไม่โรแมนติก 
ช่วงคบกันแรกๆ เธอต้องคอยบอกให้ผมพูดคำว่า รักนะ อยู่เรื่อยๆ 
เป็นปี กว่าผมจะเคยชิน พูดคำว่า รัก กับเธอได้
ตอนขอเธอเป็นแฟน ผมบอกเธอว่า
"เอมาเป็นแฟนพี่บีได้ไหมครับ? พี่ไม่กล้าบอกว่า จะไม่ทำให้เอเสียใจหรือร้องไห้นะ
แต่จะพยายามทำให้มันเกิดขึ้นน้อยครั้งที่สุด เท่าที่จะทำได้" 
เพราะผมรู้สึกว่า ชีวิตคู่ มันต้องปรับตัว อาจมีทะเลาะกันบ้าง 
และอาจจะมีเสียน้ำตากันบ้าง 

ผมบอกว่า ความรักให้ดูที่การกระทำนะ ไม่ใช่แค่พูดคำหวานๆ
ผมกล้าพูดเลยว่า ผมเองไม่เคยมีปัญหา เรื่องผู้หญิง/เจ้าชู้
ผมเป็นคนไม่กินเหล้า-ไม่สูบบุหรี่-ไม่เล่นเกมส์
ชอบปลูก-ดูแลต้นไม้ ถ้ามีเวลาว่าง ซึ่งเธอมักจะบอกอยู่เรื่อยๆว่า 
เอไม่ช่วยพี่บีนะคะ เพราะไม่ชอบ ขอไปหาอย่างอื่นทำดีกว่าค่ะ ^^"

จริงๆ ตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันมา เรามีช่วงเวลาดีๆ เรามึความสุข
เราสร้างบ้าน สร้างครอบครัวมาด้วยกัน เราไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรงใดๆ
ลูกๆเราน่ารัก เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เราเลย
เธอน่ารัก เข้ากับพ่อแม่ของผมได้เป็นอย่างดี 
หลายครั้ง มีคนทักว่า นี่แม่กับลูกสาว แล้วนี่ลูกเขยใช่ไหม?
มันดูเหมือนจะเป็นชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ.....
....จนกระทั้ง .....มันกลายเป็นแบบนี้

ช่วงที่เธอมีชู้เป็นเวลาประมาณ 1 ปีนิดๆ กว่าที่ผมจะรู้เรื่อง
มีครั้งนึงเราขับรถขึ้นไปเที่ยวภาคเหนือหลายวัน แวะเที่ยวทั้งหมด 7 จังหวัด 
ไปกัน 6 คนทั้งบ้าน พาปู่ย่าแวะไหว้พระสำคัญ/ดังๆ ไปเรื่อยๆ
เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เธออาสาไปนั่งเบาะหลังสุด เพราะจะได้แอบคุบกับชู้ได้ TT

ระหว่างปีกว่าๆนั้น ทุกๆเช้าเธอจะเข้าห้องน้ำนานกว่าที่เคย ซึ่งไปคุยกับชู้นี่เอง
และที่เข้าไปเล่นแอปฯร้องเพลง เพราะผู้ชายคนนี้ร้องเพลงเพราะ
เลยไปเล่นร้องเพลงด้วยกัน และคุยกันทุกครั้งก่อนนอน ในขณะที่ผมนั่งเคลียร์งานอยู่ที่ห้องทำงาน
(ซึ่งปกติ เธอไม่คนไม่ชอบร้องเพลง เพราะเธอรู้ตัวว่าร้องเพลงค่อนข้างเพี้ยน)

มันมีเหตุการณ์ต่างๆอีกมากมายเหลือเกิน ที่ผมไม่ทันได้คิดอะไรเลย
แต่พอมองย้อนกลับไป แล้วพอคาดคั้นให้เธอพูดความจริงให้ได้ 
ก็จะเห็นเลยว่า เธอเปลี่ยนไปเยอะ แต่ผมไม่ได้คิด/ไม่ได้ระวังเอง
เช่น อยู่ๆเธอก็ชอบถ่าย selfie ขึ้นมา โดยเฉพาะในวันที่ต้องแต่งตัวไปธุระหรือมีประชุมออนไลน์
...ถ่ายแล้วส่งไปให้ผู้ชาย
ชอบถ่ายรูปคู่กับผมเวลาเราต้องออกไปธุระด้วยกัน
....ถ่ายแล้วส่งไปบอกชู้ว่า ไม่สะดวกคุย
เข้าไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอนคนเดียว (เมื่อก่อนถ้าว่างจะมาอยู่ห้องปู่ย่าเพื่อคุยกับลูกๆ)
....แอบคุยกับชู้ จนมีบ้างครั้งเล่น virtual sex phone กัน
ปกติเราไปขายงานกันเป็นคู่ แต่ช่วงนั้น เธอจะชอบนัดแยกกัน อ้างว่า จะได้ไม่เสียเวลา
....แอบไปหาชู้
ครั้งนึง เธอเล่าให้ฟังว่า
ครั้งนึงแอบไปหากัน มีทะเลาะกับชู้ด้วยนะ เพราะชู้เป็นคนเจ้าชู้
ชอบไปจีบคนอื่นๆในกลุ่มอีก ฉันไม่ชอบเค้าตรงนี้เลย พี่บีดีกว่าเยอะมาก
หรืออีกครั้ง
ชู้เค้าไม่มีธรรมะในใจเลย เคยถามว่า เราคบกันแบบนี้ ดีเหรอ?
เค้าว่า ก็เรามีความสุขกันดีน่า ไม่เห็นเป็นไรนะ
พี่บีดีกว่าเค้าเยอะเลย บลาๆๆๆ
.....เธอคงคิดจะให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ผมยิ่งรู้สึกแย่.....TT

........
........

ย้อนกลับไป ในวันที่สอง หลังจากที่ความแตก ที่เธอดูจะไม่ยอมรับข้อกล่าวหาใดๆสักเท่าไหร่
วันรุ่งขึ้นเข้าวันที่ 3 ผมจึงเสี่ยงดวง แกล้งทำเป็นไล่เธอออกจากบ้าน 
แต่ในใจคิดตลอดว่า อย่าคิดทิ้งกันไปหาชู้นะ ขอร้อง.....

ผมบอกเธอไปว่าห้ามให้ปู่ย่ารู้นะ (ถ้ารู้ ท่านต้องห้ามแน่นอน ผมคิดจะขู่ให้เธอได้สติกลับมามองเห็นครอบครัว)
เป็นวันที่เราต้องไปธุระด้วยกันที่กรุงเทพฯ หลังจากที่เธอโทรไปเสถียรธรรมสถานฯ 
และอีก 2,3 แห่ง ทุกที่ปิดหมดเนื่องจากโควิด สุดท้ายเราคุยกัน ผมบอกให้เธอกลับบ้านได้
แต่จะต้องปิดเฟส เปลี่ยนเบอร์ โอนชื่อ โอนเงิน และต่างๆ เข้ามาเป็นชื่อผม จะไม่มีชื่อของเธอ
เพราะถือว่า เธอไม่สื่อสัตย์กับครอบครัว
(แต่จนทุกวันนี้ ก็มีแค่ปิดเฟส กับเปลี่ยนเบอร์ ชื่อเธอยังเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ และยังมีบัญชีเหมือนเดิม)

หลังจากวันนั้น ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าๆ เธอค่อยๆยอมสารภาพความจริง
ออกมา ทีละอย่างๆ เรื่องแอบไปหาชู้เป็นเรื่องสุดท้าย ที่ผมบังเอิญทำให้เธอสารภาพออกมาจนได้
ในระหว่างนั้น ผมพยายามให้เธออยู่ห่างจากมือถือ ให้กลับมาใช้เวลากับลูกๆเหมือนเดิม
พยายามจัดทริปใกล้ๆ ค้าง 1 คืนบ้าง ไปเที่ยวด้วยกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เพื่อให้เธอลืมชู้/คิดถึงครอบครัว

จนถึงวันนี้ เวลาผ่านไปเกือบ 7 เดือนแล้ว 
เธอน่าจะรู้สึกผิดจริงๆ (ผมคิดว่านะครับ) เธอจะร้องไห้ในบางครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ 
และคอยบอกผมอยู่เรื่อยๆว่า เอสำนึกผิดแล้วนะ เอขอโทษ เอจะไม่ทำแล้วนะคะ
ผมเองก็คิดว่า เธอไม่น่าจะติดต่อกับชู้แล้ว เพราะปิดเฟส เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเบอร์ ปิดแอปฯเพลง และปิดig
ทำทุกอย่างเท่าที่นึกออก 

แต่ปัญหาของผมคือ ผมยังเอามันออกจากหัว/ความคิด ไปไม่ได้ 
ยังวนเวียนเข้ามาอยู่ในหัวเรื่อยๆ ว่า เธอแอบไปหาชู้ ครั้งนึง ถึงขั้นพูดกันหลายคำเกือบทะเลาะกัน
เพราะผมเห็นว่าไม่ใช่ธุระจำเป็นที่ต้องไป โควิดก็ยังมี ม็อบกรุงเทพกำลังรุนแรง
ผมเองต้องอยู่เพื่อรับส่งลูกไปรร. แต่สุดท้ายเธอยืนยันว่าเธอต้องไปให้ได้
มารู้ทีหลัง ว่า ครั้งนั้นคือ 1 ในการแอบไปนัดเจอกันนั้นเอง
และอีกหลายๆเรื่อง
- sex phone ในห้องน้ำ ขณะที่ลูกๆก็อยู่ในบ้านแถวๆนั้น
- นอนด้วยกันทุกคืน แต่แอบเล่นโทรศัพท์จนดึกดื่น เพราะคุยกับชู้
- แอบคุยกันต่อหน้า เวลาผมขับรถ เธอนั่งข้างหน้าและแชทกับชู้ไปด้วย
- โทรคุยกันทุกเช้า และหัวค่ำ ส่งข้อความหวานๆหากันทั้งวัน
- ตื่นนอนต้องส่งข้อความหา ก่อนนอนก็เช่นกัน ถ้าเค้าไม่ตอบ ก็จะงอน
- หึงชู้ กับครอบครัว/กับผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มเฟส
- พาลูกๆไปเที่ยว นอนกับลูกแต่แอบคุยกับชู้
- ประชุมผู้ปกครองแบบใกล้ชิดกับครูและลูก คุยกับชู้ไปด้วย
- พยายามแยกนัดธุระ/ลูกค้า ทุกครั้งที่มีโอกาส
- แอบถ่ายรูปตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อส่งให้ชู้ 
  (หลังเกิดเหตุ ผมขอเอามือถือเธอมาลบรูปเหล่านั้นทิ้ง เพราะรับไม่ได้จริงๆ
   รูปที่ทำหน้าตายั่วยวน/sexy/ส่งจุ๊บๆ, selfie ส่งรูปทุกครั้งที่มีโอกาส ซึงปกติเธอไม่ได้เป็นคนชอบเซลฟี่
   แต่ในระยะเวลา 13 เดือนนั้น ผมลบรูปเซลฟี่เหล่านั้น ออกไปถึงประมาณ 2,800 รูป TT)
ฯลฯ

ทำไมเธอถึงลืมผม-ลูกๆ-ความดี-บาปบุญคคุณโทษ ได้ขนาดนี้??
แล้วตอนนี้เธอดีจริงๆ หรือแค่แกล้งทำ?
ถ้าดีจริง แล้วเธอจะลืมอีกไหม?
มันเจ็บ มันจุก เศร้า เสียใจ อธิบายไม่ถูกจริงๆครับ
หาธรรมะฟังแล้วฟังอีก ช่วยได้เวลาสั้นๆ หรือให้มันเบาลงได้นิดหน่อย แต่เด๋วก็กลับมาคิดอีก
เป็นแบบนี้ทุกๆวัน มันแย่มากครับ

1. ผมอยากไปต่อนะครับ ควรทำใจอย่างไร มีใครเคยเจอแบบนี้ไหมครับ?
2. ใครที่เจอคล้ายๆผม มีใครไปต่อแบบดีๆได้ไหมครับ? มันจะค่อยๆเบาไปแล้วก็รู้สึกกับมันน้อยลงไปเรื่อยๆไหมครับ?
3. ภรรยาผมเค้าสำนึกผิดจริงๆใช่ไหมครับ คุณผู้หญิงช่วยตอบหน่อยครับ?
4. ก่อนหน้าเค้าน่ารักมาก ตอนนี้ก็กลับมาน่ารักครับ แล้วช่วงนั้นเค้าทำแบบนั้นไปได้ยังไงครับ? คุณผู้หญิงมีใครเคยเป็นไหมครับ?

ขอบคุณมากๆครับ _/I\_
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่