เหมือนกับเคยขโมยของ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครจับได้ วันนึงออกมาบอกว่า เออเคยเป็นขโมยนะ มันจะทำให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นสิ่งที่ถูกขึ้นมาหรอ ชอบคนมีแฟนแล้วอ่ะไม่ผิดหรอก แต่ชอบตอนที่เป็นพระเนี่ยนะ เจตนาในใจไม่มีใครรู้ แต่แสดงออกมาแล้ว กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนานะ

คุณจะบวชเพราะอะไรเราไม่ทราบ จะอ้างว่าบวชเพราะจนก็เรื่องของคุณ แต่เมื่อห่มเหลืองแล้ว มันก็มีศีล 227 ข้อให้ปฎิบัติ คนที่เขาเคยกราบไหว้เขาก็อาจจะกราบไหว้เพราะผ้าเหลืองที่คุณเคยห่มก็ได้ เปล่ากราบไหว้คุณ

สึกออกมาแล้วจะชอบผู้หญิงพร้อมกันสิบคนก็ไม่มีใครว่าหรอก ไม่คิดว่าคุณบุ๋มหรือคนอื่นที่ฟังเขารู้สึกอยากอ้วกบ้างหรอ

บวชเรียนมาตั้งสิบๆ ปี สามัญสำนึกไม่มีติดเหลือๆมาบ้างหรอ ว่าอะไรควรไม่ควร

ความคิดเห็นผมนะ เหมือนตอนเป็นพระคือปลอมอะ ทำมาหากินนี่ไม่ว่านะ แต่คำสอนสมัยเป็นพระ สึกมาทำทุกอย่าง มันเลยรู้สึกว่าเมื่อก่อนคือปลอม

ตอนนั้นเป็นพระแอบชอบ
เห็นแต่งงานกับคนอื่นแล้วปวดใจ ...

เป็นคำที่ไม่เหมาะสมจะมาใช้กับตอนเป็นพระ
แม้จะสึกแล้วแต่ช่วงเวลานั้นเป็นพระครับ

ก็บอกความจริงเป็นสิ่งดี
แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้วยครับ

ไม่มีใครจะให้ร้ายได้มากกว่าที่ตัวเองพูดออกมา
เราเป็นนายของคำพูด แต่เมื่อพูดออกมาแล้วคำพูดจะเป็นนายของเรา
คิดเยอะๆก่อนพูด หรืออาจจะบอกใบ้อย่างนี้หรือเปล่า

พระก็เป็นคน มีความรู้สึก แต่ต้องสำรวมไม่ให้ตกไปเป็นทาสของกิเลส
สมมุติสงฆ์ ทำอะไรไม่ดี คนก็ต้องติเตียนเรื่องธรรมดา
แม้ว่าปัจจุบันพระไม่ดีจะเยอะมากก็ตาม
สึกออกมาอย่าทำศาสนามั่วหมองก็ดี แต่ความจริงศาสนาก็แปดเปื้อนมานานแล้ว
ไม่เกี่ยวกับทิดคนนี้หรอกครับ