เมื่อนึกถึงสุดยอด smartphone ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ หลายๆ คนอาจนึกถึง iPhone และ Android phone อย่างไรก็ตามอีกบริษัทที่อยู่ในความทรงจำมือถือสุดทรงพลังที่ใครจะต้องมีในช่วงปี 2010 คือ BlackBerry นั้นเอง ทั้งนี้เราจะมามองย้อนกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ทำให้ BlackBerry กลายเป็นที่นิยมจนถึงวันที่หายไปจากใจผู้คนครับ
ก้าวแรกสู่ smartphone ธุรกิจ
BlackBerry เป็น smartphone ที่ถูกผลิตและจัดจำหน่ายโดย BlackBerry Limited (ชื่อเดิมคือ Research In Motion: RIM) จากประเทศแคนาดา ในช่วงปี 1984 – 2001 ทาง RIM เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายเป็นหลัก เทคโนโลยีของ RIM ได้รับรางวัลมากมายและได้เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ของ Ericsson และ Intel
ในเวลาถัดมาเริ่มเข้าสู่วงการการผลิตเครื่องมือสื่อสารโดยนำเสนอ Interactive Pager ที่ทำให้ผู้คนสามารถสื่อสารผ่านทางการส่งข้อความไปกลับได้ และนั่นเองเป็นจุดสำคัญที่กลายเป็นรากฐานในการพัฒนาโทรศัพท์ smartphone BlackBerry ในที่ล้ำไปด้วยเทคโนโลยีในการสื่อสารที่สมัยนั้นไม่มี คือการสื่อสารแบบเข้ารหัสและการรับ email จาก Server กลางเข้ามือถือแบบ real time (push email) สร้างชื่อให้ BlackBerry เป็นมือถือเพื่อการทำธุรกิจอย่างแท้จริง
จากมือถือของนักธุรกิจสู่มือถือที่ทุกคนต้องมี
หลังจากที่ RIM กลายเป็นเจ้าตลาดมือถือทางธุรกิจ ก้าวถัดไปของ RIM คือการแปลงสัญลักษณ์แห่งนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จให้กลายเป็นตัวแทนแห่งคนรุ่นใหม่ เพื่อการนั้นทาง BlackBerry ได้ออก smartphone ที่รองรับได้ทั้งธุรกิจและ multimedia อย่าง BlackBerry Pearl มือถือมี keyboard รุ่นแรกๆ ท่ามกลาง smartphone ทั่วๆ ไปของ Nokia Samsung หรือ LG ซึ่ง BlackBerry Pearl ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้อย่างล้นหลาม
เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ RIM ได้ออกมือถือ series Curve และ Bold ซึ่งเป็นที่ยมในตลาดเป็นอย่างมากอีกเช่นกัน และด้วย function ระดับองค์กรควบคู่ไปกับการให้บริการ BlackBerry Message (BBM) และ push mail กับบริษัทสื่อสารต่างๆ ทำให้เกิด promotion เฉพาะสำหรับ BlackBerry ในราคาที่จับต้องได้ทำให้ความนิยมชอง BlackBerry พุ่งทะยานอย่างกว้างขวางเพราะตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจและการใช้ชีวิต
นอกจากนี้ BlackBerry ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ชาวโลกต้องถามหาแลกเปลี่ยน PIN เพื่อทำให้สามารถสื่อสารผ่าน BBM ได้ (อาจเทียบได้กับการขอ line ID สำหรับคนไทยในปัจจุบัน) ไปจนถึงการพัฒนา case สำหรับโทรศัพท์ BlackBerry เพื่อแสดงความเป็นตัวตนมากขึ้น นับว่าเป็นยุคที่ smartphone เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
การเข้ามาของหน้าจอสัมผัสที่ทำลายตลาดมือถือแป้นพิมพ์อย่างราบคาบ
ในปี 2007 Apple ได้เริ่มจำหน่าย iPhone มือถือจอสัมผัสที่มี interface ลื่นไหลเป็นอย่างมาก (ในยุคนั้นมี O2, Palm หรือเจ้าอื่นๆ ที่ทำ smartphone จอสัมผัสเช่นกัน แต่การตอบสนองยังไม่ดีเท่า) เปิดโลกชองโทรศัพท์มือถือให้เข้าสู่ยุคใหม่ในปัจจุบัน มีหลายเจ้าที่พยายามปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีจอสัมผัสเข้ามาใช้ เช่น Nokia หรือ Samsung ซึ่งทาง BlackBerry ก็ปรับตัวโดยการออกโทรศัพท์มือถือ series Strom เช่นกัน แต่ผลตอบรับของ BlackBerry Strom กลับเป็นไปในเชิงลบ
การแข่งขันในตลาด smartphone เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ iOS ของ Apple ก็พัฒนามากขึ้นในขฯที่ Google Android ก็เปิดตัวออกมาอย่างงดงาม ทำให้ BlackBerry สูญเสียลูกค้าเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว BlackBerry ยังเป็นเจ้าตลาด แต่ก็มีสัญญาณเชิงลบว่า Blackberry จะประสบปัญหาในอนาคต เช่น สูญเสียผู้บริหารระดับสูงทางด้านวิศวกรและการผลิต หรือการที่ระบบปฏิบัติการของตนไม่สามารถปรับตัวเพื่อต่อสู้กับน้องใหม่มาแรงอย่าง iOS และ Android
จุดตัดที่ทำให้ BlackBerry ต้องสูญเสียตลาดเป็นอย่างมากคือการเปิดตัวของ iPhone 4 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงในรูปลักษณ์ที่สวยงาม ในทางกลับกันบริษัททารศัพท์อื่นๆ เริ่มย้ายเข้าไปใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการมากขึ้น เช่น Sony, Motorola, HTC, Samsung และ LG เป็นต้น ทำให้ iPhone และ Android มีจำนวนผู้ใช้และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ประเด็นสำคัญอีกประการที่ทำให้ BlackBerry หายไปคือเมื่อ iOS และ Android มีผู้ใช่มากขึ้นจึงมีการดึงดูดในมีการพัฒนา application บน smartphone ผ่านทาง platform รูปแบบใหม่อย่าง application store เช่น app store หรือ play store ซึ่งเหมือนการเชื่อมผู้พัฒนาและผู้ใช้ให้ใกล้ชิดกันอย่างคาดไม่ถึง ในขณะที่จุดขายของ BlackBerry เหลือเพียงการส่งข้อความเข้ารหัสเท่านั้น แม้ RIM จะพยายามสู้กลับโดยพัฒนาระบบ BlackBerry 10 (BBX) และ BlackBerry PlayBook tablet แต่ก็ไม่สามารถกลับมาทวงบัลลังค์ของ smartphone ได้และค่อยๆ หายไปในที่สุด
บทสรุปของเรื่องคือโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วผ่านทางนวัตกรรมต่างๆ การเข้าใจการเปลี่ยนแปลง การตื่นตัวในแนวโน้มและนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับการตอบรับและพัฒนาจุดเด่นของตนอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ บางคนบอกว่าการเป็นที่ 1 นั้นยาก แต่การรักษาความเป็นที่ 1 ยากยิ่งกว่า แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือการรักษาธุรกิจให้รอดต่อไปได้ สำคัญที่สุดครับ
ขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
Ref:
https://en.wikipedia.org/wiki/BlackBerry_Limited#1984%E2%80%932001:_Early_years_and_growth
Ref:
https://newsface.co/giant-blackberry-downfall-case-study/?doing_wp_cron=1641547933.7200379371643066406250
Ref:
https://www.theguardian.com/technology/2022/jan/03/blackberry-discontinue-service-classic
Ref:
https://startuptalky.com/blackberry-case-study/
Ref:
https://www.passionateinmarketing.com/case-study-blackberry-rise-and-fall/
ถอดบทเรียน!!! การล่มสลายของ BlackBerry ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
เมื่อนึกถึงสุดยอด smartphone ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ หลายๆ คนอาจนึกถึง iPhone และ Android phone อย่างไรก็ตามอีกบริษัทที่อยู่ในความทรงจำมือถือสุดทรงพลังที่ใครจะต้องมีในช่วงปี 2010 คือ BlackBerry นั้นเอง ทั้งนี้เราจะมามองย้อนกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ทำให้ BlackBerry กลายเป็นที่นิยมจนถึงวันที่หายไปจากใจผู้คนครับ
ก้าวแรกสู่ smartphone ธุรกิจ
BlackBerry เป็น smartphone ที่ถูกผลิตและจัดจำหน่ายโดย BlackBerry Limited (ชื่อเดิมคือ Research In Motion: RIM) จากประเทศแคนาดา ในช่วงปี 1984 – 2001 ทาง RIM เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายเป็นหลัก เทคโนโลยีของ RIM ได้รับรางวัลมากมายและได้เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ของ Ericsson และ Intel
ในเวลาถัดมาเริ่มเข้าสู่วงการการผลิตเครื่องมือสื่อสารโดยนำเสนอ Interactive Pager ที่ทำให้ผู้คนสามารถสื่อสารผ่านทางการส่งข้อความไปกลับได้ และนั่นเองเป็นจุดสำคัญที่กลายเป็นรากฐานในการพัฒนาโทรศัพท์ smartphone BlackBerry ในที่ล้ำไปด้วยเทคโนโลยีในการสื่อสารที่สมัยนั้นไม่มี คือการสื่อสารแบบเข้ารหัสและการรับ email จาก Server กลางเข้ามือถือแบบ real time (push email) สร้างชื่อให้ BlackBerry เป็นมือถือเพื่อการทำธุรกิจอย่างแท้จริง
จากมือถือของนักธุรกิจสู่มือถือที่ทุกคนต้องมี
หลังจากที่ RIM กลายเป็นเจ้าตลาดมือถือทางธุรกิจ ก้าวถัดไปของ RIM คือการแปลงสัญลักษณ์แห่งนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จให้กลายเป็นตัวแทนแห่งคนรุ่นใหม่ เพื่อการนั้นทาง BlackBerry ได้ออก smartphone ที่รองรับได้ทั้งธุรกิจและ multimedia อย่าง BlackBerry Pearl มือถือมี keyboard รุ่นแรกๆ ท่ามกลาง smartphone ทั่วๆ ไปของ Nokia Samsung หรือ LG ซึ่ง BlackBerry Pearl ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้อย่างล้นหลาม
เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ RIM ได้ออกมือถือ series Curve และ Bold ซึ่งเป็นที่ยมในตลาดเป็นอย่างมากอีกเช่นกัน และด้วย function ระดับองค์กรควบคู่ไปกับการให้บริการ BlackBerry Message (BBM) และ push mail กับบริษัทสื่อสารต่างๆ ทำให้เกิด promotion เฉพาะสำหรับ BlackBerry ในราคาที่จับต้องได้ทำให้ความนิยมชอง BlackBerry พุ่งทะยานอย่างกว้างขวางเพราะตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจและการใช้ชีวิต
นอกจากนี้ BlackBerry ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ชาวโลกต้องถามหาแลกเปลี่ยน PIN เพื่อทำให้สามารถสื่อสารผ่าน BBM ได้ (อาจเทียบได้กับการขอ line ID สำหรับคนไทยในปัจจุบัน) ไปจนถึงการพัฒนา case สำหรับโทรศัพท์ BlackBerry เพื่อแสดงความเป็นตัวตนมากขึ้น นับว่าเป็นยุคที่ smartphone เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
การเข้ามาของหน้าจอสัมผัสที่ทำลายตลาดมือถือแป้นพิมพ์อย่างราบคาบ
ในปี 2007 Apple ได้เริ่มจำหน่าย iPhone มือถือจอสัมผัสที่มี interface ลื่นไหลเป็นอย่างมาก (ในยุคนั้นมี O2, Palm หรือเจ้าอื่นๆ ที่ทำ smartphone จอสัมผัสเช่นกัน แต่การตอบสนองยังไม่ดีเท่า) เปิดโลกชองโทรศัพท์มือถือให้เข้าสู่ยุคใหม่ในปัจจุบัน มีหลายเจ้าที่พยายามปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีจอสัมผัสเข้ามาใช้ เช่น Nokia หรือ Samsung ซึ่งทาง BlackBerry ก็ปรับตัวโดยการออกโทรศัพท์มือถือ series Strom เช่นกัน แต่ผลตอบรับของ BlackBerry Strom กลับเป็นไปในเชิงลบ
การแข่งขันในตลาด smartphone เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ iOS ของ Apple ก็พัฒนามากขึ้นในขฯที่ Google Android ก็เปิดตัวออกมาอย่างงดงาม ทำให้ BlackBerry สูญเสียลูกค้าเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว BlackBerry ยังเป็นเจ้าตลาด แต่ก็มีสัญญาณเชิงลบว่า Blackberry จะประสบปัญหาในอนาคต เช่น สูญเสียผู้บริหารระดับสูงทางด้านวิศวกรและการผลิต หรือการที่ระบบปฏิบัติการของตนไม่สามารถปรับตัวเพื่อต่อสู้กับน้องใหม่มาแรงอย่าง iOS และ Android
จุดตัดที่ทำให้ BlackBerry ต้องสูญเสียตลาดเป็นอย่างมากคือการเปิดตัวของ iPhone 4 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงในรูปลักษณ์ที่สวยงาม ในทางกลับกันบริษัททารศัพท์อื่นๆ เริ่มย้ายเข้าไปใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการมากขึ้น เช่น Sony, Motorola, HTC, Samsung และ LG เป็นต้น ทำให้ iPhone และ Android มีจำนวนผู้ใช้และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ประเด็นสำคัญอีกประการที่ทำให้ BlackBerry หายไปคือเมื่อ iOS และ Android มีผู้ใช่มากขึ้นจึงมีการดึงดูดในมีการพัฒนา application บน smartphone ผ่านทาง platform รูปแบบใหม่อย่าง application store เช่น app store หรือ play store ซึ่งเหมือนการเชื่อมผู้พัฒนาและผู้ใช้ให้ใกล้ชิดกันอย่างคาดไม่ถึง ในขณะที่จุดขายของ BlackBerry เหลือเพียงการส่งข้อความเข้ารหัสเท่านั้น แม้ RIM จะพยายามสู้กลับโดยพัฒนาระบบ BlackBerry 10 (BBX) และ BlackBerry PlayBook tablet แต่ก็ไม่สามารถกลับมาทวงบัลลังค์ของ smartphone ได้และค่อยๆ หายไปในที่สุด
บทสรุปของเรื่องคือโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วผ่านทางนวัตกรรมต่างๆ การเข้าใจการเปลี่ยนแปลง การตื่นตัวในแนวโน้มและนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับการตอบรับและพัฒนาจุดเด่นของตนอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ บางคนบอกว่าการเป็นที่ 1 นั้นยาก แต่การรักษาความเป็นที่ 1 ยากยิ่งกว่า แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือการรักษาธุรกิจให้รอดต่อไปได้ สำคัญที่สุดครับ
ขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
Ref: https://en.wikipedia.org/wiki/BlackBerry_Limited#1984%E2%80%932001:_Early_years_and_growth
Ref: https://newsface.co/giant-blackberry-downfall-case-study/?doing_wp_cron=1641547933.7200379371643066406250
Ref: https://www.theguardian.com/technology/2022/jan/03/blackberry-discontinue-service-classic
Ref: https://startuptalky.com/blackberry-case-study/
Ref: https://www.passionateinmarketing.com/case-study-blackberry-rise-and-fall/