ดิฉันตรวจเองว่าท้องก็ตั้งใจรีบไปฝากครรภ์ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง แถวบางใหญ่  ก็ทำตามขั้นตอนปกติคะ โดยต้องตรวจครรภ์โดยมีหมอรับรองว่าท้องมาก่อน แล้วค่อยไปฝากต่อที่ประกันสังคมได้ พอไปฝากครรภ์ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ไปที่โต๊ะรับฝากครรภ์ได้เลย เราก็เดินไป เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ใช่พยาบาลก็แจ้งรายละเอียดว่า ฝากครรภ์ประกันสังคมกับเราจะได้พบหมอแค่ 1 ครั้งนะคะ วันนั้นไปฝากวันที่ 28 พ.ย 64 เค้าก็ถามว่าประจำเดือนวันสุดท้ายที่มาวันไหนเราก็ตอบไปเมื่อ 7 พ.ย. 64 ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ไปเจาะเลือด ระหว่างนั้นก็ทำเล่มสมุดสีชมพูให้เราไป พอตรวจฉี่และเจาะเลือดเสร็จ ก็กลับมาที่โต๊ะเดิมเจ้าหน้าที่ก็ให้สมุดเล่มสีชมพูและใบนัด อีกครั้งวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 65 และแจ้งว่ากลับบ้านได้ เราก็เลยสงสัยว่า เอ่ะทำไมนัดยาวจัง หรือว่าโดยปกติรพ.รับฝากที่กี่เดือน(เพราะเราไปตอนท้องอ่อนๆเลยน่าจะได้สัก 2 สัปดาห์)  หลังจากกลับมาก็บอกสามีเรื่องการไปฝากครรภ์ สามีเลยบอกว่าถ้าเจอหมอแค่ครั้งเดียวไม่โอเค จึงให้ไปฝากอีกที่ซึ่งเป็นรพ. รัฐบาล ปรากฏว่าการดูแลเอาใจใส่ ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เริ่มไปฝากพยาบาลก็ให้เจอหมอและไปเจาะเลือด แล้วก็มาพบหมอ และสัปดาห์ต่อมาก็ให้สามีไปตรวจครั้งที่ 2 เพราะว่าเรามีพาหะเป็นทารัสซีเมีย และเจอหมอหมอก็พูดคุยเรื่องผลเลือดว่ามีผลอย่างไรบ้างกับเราและลูกบ้าง ก็หายห่วงว่าไม่มีผลอะไรสบายใจไป และหมอห่วงเรื่องค่าน้ำตาลในเลือดสูง ก็นัดมาอีก 1 สัปดาห์เพื่อให้มาเจาะน้ำตาลเพราะค่าเลือดเสี่ยงเบาหวานขนาดตั้งครรภ์ จะทำให้มีผลอันตรายหลายอย่างถ้าดูแลไม่ใกล้ชิด และได้ไปตรวจน้ำตาลตามนัด ปรากฏว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งมีการดูแลจากหมอว่าควรทำอย่างไร มีการพบนักโภชนาการเรื่องการคุมอาหารอย่างหนักหน่วง เพื่อให้ลดลงอยู่ในปริมาณที่ไม่อันตรายกับลูก(เพราะไม่งั้นเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดหรือแท้งได้) ซึ่งเราโอเคมากกับการที่ได้เริ่มดูแลให้ถูกต้องตั้งแต่แรกแบบนี้  พอหันกลับมาดูที่ฝั่ง........ทำไมนัดยาวขนาดนั้นคือรพ...เค้าไม่รับฝากครรภ์อ่อนๆกันหรอ....แล้วถ้าเราไม่ไปหาอีกที่แล้วไม่ได้ดูแลตัวเอง ถึงตอนนั้นจะดูแลทันหรอ หรือว่ามาตรฐานการฝากครรภ์ของประกันสังคมของรพ.เอกชนเขาจะดูแลเฉพาะที่ซื้อแพ็คเก็ตแพงๆหรือไม่อย่างไร  

ผู้รู้ช่วยบอกทีคะ