มีปมกับพ่อแม่ ควรแก้ยังไงให้สบายใจและไม่บาปในทางพุทธศาสนา

ขอเล่าเรื่องราวยาวหน่อยนะคะ พยายามกระชับให้ได้มากที่สุด ต้องการเล่าเรื่องเพื่อที่ทุกท่านจะได้เข้าใจบริบทและให้คำชี้แนะได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

- เราเติบโตมากับแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างลำบาก ด้วยคำสอนของแม่ที่ไม่ให้เกลียดพ่อ เพราะแม่บอกว่า เราเกิดจากความตั้งใจมีของแม่ และพ่อไม่ได้อยากมี
- เวลาเราลำบาก ไม่มีกิน เราจะนึกพึ่งพ่อเป็นคนสุดท้ายและน้อยครั้งที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อ 
- พ่อเราเป็นพนักงานประจำใน กทม มีครอบครัวใหม่และลูก 2 คน มีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง และได้เงินเดือนเฉียดแสน ยังไม่รวมรายได้เสริมบวก ๆ มีลูก 2 คน อยู่อย่างสุขสบาย ได้เรียนโรงเรียนคอนแวนต์ เรียนพิเศษ เรียนเอแบค ฯลฯ
- เราเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนมาก แม้อด ๆ อยาก ๆ เพราะสงสารแม่ เราเลยเลือกเรียนสายวิทย์คณิตตั้งแต่ ม.1-ม.6 ซึ่งได้อยู่ห้องคิงมาตลอด 
- เราเป็นหนึ่งในคนที่สอบ AFS ผ่านระดับจังหวัด และต้องไปสอบต่อที่ กทม ซึ่งแม่ไม่มีเงินค่าเดินทางให้ เลยโทรไปขอพ่อ พ่อปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ

- ตอนมัธยมเราตั้งใจสอบหมอ พ่อเรากลับมาช่วยผลักดัน ม.3 - ม.5 ส่งเงินให้เรียนพิเศษที่ดี ๆ ทำให้ผลการเรียนที่ดีอยู่แล้ว ดีขึ้นมาก ๆ จนได้ท๊อปสายชั้น
- แต่แล้ว ม.5 เทอม 2 พ่อเราไม่ส่งเงินให้แล้ว ด้วยเหตุผลว่า เมียเขาไม่อยากแบ่งเงินมาให้เรา
- พ่อหายไปไม่ติดต่อมาอีกเลย (มารู้ทีหลังว่าโดนเมียเขาใส่ร้าย และพ่อเลือกฟังความข้างเดียว)
- เราผิดหวังสุด ๆ พยายามอ่านหนังสือเอง แต่สภาพจิตใจมันไม่ได้ เลยล้มเลิกการสอบหมอ เบนสายไปสายศิลป์ 

- ตอน ม.6 บ้านโดนตัดน้ำตัดไฟ บางวันกินข้าวแค่วันละมื้อ บางวันกินแต่น้ำ เพราะไม่มีเงิน และขอข้าววัดกิน
- พยายามอ่านหนังสือสอบเองจนสอบเข้าจุฬาได้
- เรากับแม่ย้ายจากต่างจังหวัดมากรุงเทพเพื่อให้เราได้เรียนมหาลัย 
- พ่อกลับมาช่วยเรื่องเงินบ้างเป็นครั้งคราว แต่แม่และเรายังลำบากเหมือนเดิม
- โชคดีได้ทุนค่าเทอมตลอด 4 ปี แต่บางวันยังไม่เงินซื้อข้าว บางวันกินแต่น้ำประทังชีวิต 
- วันนั้นตัดสินใจขอร้องพ่อให้ช่วยให้เงินเดือนค่าอาหาร เดือนละ 3,000 บาทได้ไหม เพราะอด ๆ อยาก ๆ แบบนี้ไม่ไหวเลย ไม่มีสมาธิเรียนหนังสือ
- พ่อปฏิเสธ และถามว่าทำไมต้องให้ วันนี้เป็นอีกวันที่เราผิดหวังมาก ๆ 

- อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงตั้งคำถามว่า แล้วแม่หละ? แม่เราเป็นภูมิแพ้และลักษณะนิสัยเป็นคนแรง ๆ เข้ากับใครไม่ได้ เลยได้แต่ขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งไม่ครอบคลุมค่าอาหารรายเดือนด้วยซ้ำ ช่วงซัมเมอร์เรามีทำงานเป็นพนักงานพาร์ททามแต่พอเข้ามหาลัยก็ไม่มีเวลาไปทำอีก
- แม่ก็รู้ว่าเราอด และลำบากแค่ไหน แม่เราเครียดมากและมักด่าเราเพื่อระบายความเครียดตัวเอง ไม่รับฟังเราเลย
- เค้าด่าเราเรื่องเล็ก ๆ น้อยไปจนถึงเรื่องไม่จริง เช่น เรากลับบ้านค่ำ ก็หาว่าเราไปนอนกับผู้ชาย ตอนนั้นงงและเสียใจมาก 
- ชีวิตตอนนั้นโดดเดี่ยวมากจริง ๆ ต้องปรับตัวการอยู่ในกรุงเทพ ปรับตัวในมหาลัย ปรับตัวการเดินทาง แล้วต้องหาทางรอดกับความอดอยากอีก ตอนนั้นสาหัสทั้งใจ

- ช่วงที่แย่ ๆ ได้รับความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ผู้หญิงที่เรียนจบทำงานแล้ว เพราะชอบพอกัน เค้าเลี้ยงข้าวเราในวันที่เราไม่มีเงินกินข้าว พากลับบ้านในวันที่ไม่มีเงินค่ารถ ดูแลหัวใจในวันที่อ่อนแอมาก ๆ ต่อมาเราตัดสินใจอยู่ด้วยกันและกลายเป็นแฟนคนปัจจุบัน
- เราได้ทำงานพาร์ททามจากการแนะนำของแฟน ตอนนั้นทุกอย่างเริ่มเข้าที่ พอมีเงินใช้จากการหารายได้เอง และเริ่มปรับตัวกับทุกอย่างได้มากขึ้น

- รู้อีกที ตอนเราเรียนปี 2 พ่อกับแม่กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว พ่อเลิกกับเมียเค้าแล้วมาอยู่กับแม่เรา พ่อกับแม่ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นอีกครั้ง ไปเที่ยวคาเฟ่ ไปต่างจังหวัด ไปกินร้านอาหารดีๆ จนน่าอิจฉา 
- เราดีใจที่เห็นแม่มีความสุข ส่วนเราก็ทำงานหาเงินใช้ในระหว่างเรียนต่อไป ตอนนั้นเราก็มีความสุขที่มีแฟนเข้าใจในทุกเรื่อง 
- บางครั้งช่วงสอบ ไม่มีเวลาไปทำงานเลยเงินไม่พอใช้ เลยขอพ่อ พ่อช่วยเหลือเราง่ายขึ้น แต่ยังต้องอ้อนวอนอยู่ดี เห้อ

- ตอนนี้เราเรียน มีงานทำแล้ว ชีวิตสบายมากขึ้นมาก
- เราให้เงินแม่ใช้เดือนละอย่างต่ำ 5,000 บาท
- เราอดคิดถึงความลำบาก และความผิดหวังในตัวพ่อไม่ได้เลย และผิดหวังในตัวแม่ก็มีบ้าง 
- ถึงแม้แม่ไม่ให้เงิน แต่เราว่าแม่ก็สอนและดูแลเราดีมาก ๆ 
- แม่บอกว่า เค้าเป็นแม่ที่ใจดีมากแล้วที่ยอมให้เราไปอยู่กับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ยังเรียนอยู่ 
- เราคิดในใจว่า เพราะพ่อแม่ไม่รับผิดชอบและดูแลกายและใจให้ดีไง มันเลยต้องเป็นแบบนั้น เราเลยต้องดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอด
- ความสัมพันธ์เรากับพ่อก็ปานกลาง คุยกันได้ปกติเหมือนพ่อลูกทั่วไป แต่ในใจเราไม่อยากมีเค้าเป็นพ่อเลย
- ในอนาคตถ้าพ่อไม่สบายหรือเดือนร้อน เราคงใจอ่อนและช่วยเหลือเขาแน่นอน และเราคงรู้สึกแย่ที่เค้าไม่ดูแลเราตอนเด็ก ๆ เช่นกัน 
- เราไม่สามารถพูดความรู้สึกนี้ให้พ่อฟังได้ พ่อจะหาว่าเราก้าวร้าว ส่วนแม่ก็จะบอกว่าบาปที่คิดแบบนี้
- แต่ไม่เห็นสอนเลยว่าควรมองเรื่องนี้ยังไงให้สบายใจและไม่บาป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่