ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16/12/64
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ห้างดังแห่งหนึ่งย่านหาดใหญ่ ชั้น 3 สาขา หาดใหญ่ และวันที่ 16/12/64 นั้นเอง ช่วงเวลา 16.44 ได้เดินไปเข้าห้องน้ำ ชั้น 3 ฝั่งBank เข้าห้องน้ำห้องที่ 3 มุมขวา และได้ถอดนาฬิกา Whtch4 ลืมไว้ในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เพียงเวลา 13 นาที (เวลาจากกล้องวงจรปิด) และนึกขึ้นได้ว่าลืมนาฬิกาไว้ในห้องน้ำและวิ่งกลับไปยังห้องน้ำ ปรากฎว่านาฬิกาได้หายไปแล้ว เลยได้ไปติดต่อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของห้างชั้น 1 แจ้งพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่าได้ลืมนาฬิกา Whtch4 ไว้ในห้องน้ำ ชั้นสาม ฝั่งBank เพื่อที่จะขอดูกล้องวงจรปิด เพราะสัญญาณนาฬิกาได้ถูกตัดไปและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว เลยทำให้ตามหาสัญญาณนาฬิกาไม่ได้ ทางฝ่ายพนักงานประชาสัมพันธ์จึงบอกให้เราไปแจ้งความกับทางโรงพัก เพื่อขอใบแจ้งความมาขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในวันพรุ่งนี้ คือวันที่ 17/12/64
วันที่ 17/12/64 เราได้ไปแจ้งความตั้งไว้กับร้อยเวร สภ.หาดใหญ่ พร้อมกับนำใบบันทึกประจำวันมาที่ห้างเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ระหว่างช่วงที่กำลังเดินทางไปได้มีสายจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของห้างเอง ได้โทรหาและบอกว่าเมื่อคืนได้มีการดูภาพจากกล้องวงจรปิดและรู้แล้วว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัย โดยทางผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์เองได้บอกว่าจะให้เบอร์โทรศัพท์เรากับทางต้นสังกัดฝั่งผู้ต้องสงสัย เดี๋ยวจะมีคนโทรมาหาเรา และจะนัดมาคุยกันวันนี้ 5 โมงเย็น ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครอะไรยังไงเพราะยังไม่เห็นคลิปจากกล้องวงจรปิด และยังยืนยันกับทางฝ่ายพนักงานประชาสัมพันธ์ของห้างว่าจะขอดูคลิปจากกล้องวงจรปิดก่อน อยากรู้ว่าใครเป็นคนเอาไป
และช่วงเวลาบ่ายสอง เราได้เข้าไปดูคลิปจากกล้องวงจรปิดเพียงคนเดียว พร้อมกับพนักงานห้าง 3 คน และได้ทราบว่าคนที่หยิบนาฬิกาไป คือพนักงานที่ทำงานอยู่ห้างนี่แหละ ตอนนั้นยังไม่ชัวร์ รู้แค่ว่าเป็นพนักงาน Bank แต่ยังไม่รู้ว่าพนักงานแบงค์ของอะไร จนเมื่อเวลา 5 โมงเย็น ถึงเวลานัดคุยกับคู่กรณี ทางเราได้พาผญ.ฝั่งเราไปเป็นเพื่อนเรา 1 คน และทางฝั่งเค้าเองได้มากันสองคน คือ ผจก.แบงค์ และผจก.ภาค จนทำให้มั่นในตอนนั้นว่าคนที่หยิบนาฬิกาเราไปคือพนักงานแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) วันที่นัดมาคุยกันรอบแรก คุยกันที่ห้องดูกล้องวงจรปิดของห้าง โดยจะมีพนักงานประชาสัมพันธ์ส่วนที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ในส่วนนี้ 3 คน และทางฝั่งคู่กรณีมากัน 2 คน แต่ไม่เอาคู่กรณีมา โดนผจก.แบงค์ (ค่ายสีเหลือง) ให้เหตุผลว่าได้มูฟเด็กออกไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานนี้ และเด็กของตนเองบอกว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป แต่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยที่ทางฝั่งคู่กรณีจะชดเชยเป็นเรือนใหม่ให้ ไม่ก็จะจ่ายเป็นเงินให้
จากที่ได้คุยและตกลงกันในห้องดูกล้องวงจรปิดประเด็นคือ จะให้เราไปถอนแจ้งความก่อนถึงจะชดใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่โอเค เลยได้โทรไปหาผจก.แบงค์ และบอกว่าให้ไปโรงพักพร้อมกันในวันพน.10โมง เราจะถอนแจ้งความให้ คุณชดใช้ค่าเสียหาย แต่มันมีช่วงเวลาที่ไม่ตรงกันและทำให้ต้องรอไปอีกหลายวันกว่าจะได้ไปเจอกันที่โรงพัก สรุปว่าพอวันที่ไปเจอกันที่โรงพัก เป็นวันจันทร์ถัดไป ผจก.แบงค์ก็ได้เดินทางมาคนเดียว และไม่มีคู่กรณีมาด้วย รอเจอร้อยเวรบ่ายสอง เราก็ไปคนเดียวในช่วงเช้า10โมงนั้น
บ่ายสองเจอร้อยเวร เลยเข้าไปคุยกัน และสรุปให้ว่าวันนั้นก็คุยกันไม่จบ เพราะทางฝั่งคู่กรณีเอง ไม่ได้นำคู่กรณีมา ซึ่งทางคุณตำรวจเองบอกว่ามันจะถอนแจ้งความไม่ได้ถ้าไม่มีคู่กรณี ตร.ถามชื่อพนักงานเด็กในสังกัดของตนเองกับ ผจก.แบงค์ ก็ตอบว่าไม่รู้จำชื่อพนักงานตนเองไม่ได้ แล้วก็ได้เดินออกจากห้องสอบสวนไปเลย ก็ งง ไปตามๆกัน😅 ไม่รู้ว่าจะปกปิดข้อมูลหรือชื่อของเด็กทำไม และ งง ว่าทำไมผจก.ต้องวิ่งเต้นเรื่องนี้เอง พอทางเราสืบก็ได้รู้ว่าเด็กพนักงานคนนั้นเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตนั้นเอง (เรื่องนี้ได้โทรไปให้ทางสำนักงานใหญ่ของแบงค์ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน)
หลังจากวันนั้นจนวันนี้เรื่องมันผ่านมาสักพักหนึ่งแล้ว จะครบเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาของทางฝ่ายคู่กรณีเลย โทรทางสำนักงานใหญ่ของแบงค์ 3 ครั้ง ทางสำนักงานใหญ่ได้ทำเรื่องไปยังแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) สาขาห้างดังหาดใหญ่แล้ว เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรื่องที่ไม่นำคู่กรณีเด็กในสังกัดของตนเองมาเจอเรา และเราก็ขอให้สำนักงานใหญ่ตามเรื่องนี้ให้และนำคู่กรณีออกมาคุย เพราะตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีพบหรือพูดคุยกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังไม่ได้รับการขอโทษใดๆ และทางแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาของทางฝ่ายแบงค์สาขาห้างหาดใหญ่เองเลย
และตอนนี้เรารอทางคุณตำรวจเรียกทางฝ่ายคู่กรณีมาคุย เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดคือชัดมากค่ะ และเรื่องนี้เราไม่โอเคตรงที่ผจก.แบงค์สาขาห้างหาดใหญ่ ไม่นำเด็กในสังกัดตนเองมาคุย และมาพูดมาเด็กของตนไม่ยอมรับ และเด็กของตนบอกว่าวันนั้นเดินถือปากกาอยู่ ทั้งๆที่ถ้าดูจากภาพกล้องวงจรปิดคือเห็นได้ชัดว่าถือนาฬิกาค่ะ
และทางเราเองก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาคู่กรณีมาคุยกับเรายังไง คงต้องรอให้คุณตำรวจดำเนินการ เพราะเรื่องนี้เริ่มเงียบไปแล้ว และคนทำผิดยังลอยนวล… ถ้าเป็นพนักงานคนอื่นที่ไม่ได้เป็นลูกหลานใคร เรื่องคงจบไปแล้ว ผจก.แบงค์เองคงเอาเด็กออกมาคุยแล้ว คงไม่ต้องปิดอะไร
ฝ
พนักงานแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) หยิบนาฬิกา Whtch4 ไปไม่นำมาคืน
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ห้างดังแห่งหนึ่งย่านหาดใหญ่ ชั้น 3 สาขา หาดใหญ่ และวันที่ 16/12/64 นั้นเอง ช่วงเวลา 16.44 ได้เดินไปเข้าห้องน้ำ ชั้น 3 ฝั่งBank เข้าห้องน้ำห้องที่ 3 มุมขวา และได้ถอดนาฬิกา Whtch4 ลืมไว้ในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เพียงเวลา 13 นาที (เวลาจากกล้องวงจรปิด) และนึกขึ้นได้ว่าลืมนาฬิกาไว้ในห้องน้ำและวิ่งกลับไปยังห้องน้ำ ปรากฎว่านาฬิกาได้หายไปแล้ว เลยได้ไปติดต่อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของห้างชั้น 1 แจ้งพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่าได้ลืมนาฬิกา Whtch4 ไว้ในห้องน้ำ ชั้นสาม ฝั่งBank เพื่อที่จะขอดูกล้องวงจรปิด เพราะสัญญาณนาฬิกาได้ถูกตัดไปและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว เลยทำให้ตามหาสัญญาณนาฬิกาไม่ได้ ทางฝ่ายพนักงานประชาสัมพันธ์จึงบอกให้เราไปแจ้งความกับทางโรงพัก เพื่อขอใบแจ้งความมาขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในวันพรุ่งนี้ คือวันที่ 17/12/64
วันที่ 17/12/64 เราได้ไปแจ้งความตั้งไว้กับร้อยเวร สภ.หาดใหญ่ พร้อมกับนำใบบันทึกประจำวันมาที่ห้างเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ระหว่างช่วงที่กำลังเดินทางไปได้มีสายจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของห้างเอง ได้โทรหาและบอกว่าเมื่อคืนได้มีการดูภาพจากกล้องวงจรปิดและรู้แล้วว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัย โดยทางผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์เองได้บอกว่าจะให้เบอร์โทรศัพท์เรากับทางต้นสังกัดฝั่งผู้ต้องสงสัย เดี๋ยวจะมีคนโทรมาหาเรา และจะนัดมาคุยกันวันนี้ 5 โมงเย็น ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครอะไรยังไงเพราะยังไม่เห็นคลิปจากกล้องวงจรปิด และยังยืนยันกับทางฝ่ายพนักงานประชาสัมพันธ์ของห้างว่าจะขอดูคลิปจากกล้องวงจรปิดก่อน อยากรู้ว่าใครเป็นคนเอาไป
และช่วงเวลาบ่ายสอง เราได้เข้าไปดูคลิปจากกล้องวงจรปิดเพียงคนเดียว พร้อมกับพนักงานห้าง 3 คน และได้ทราบว่าคนที่หยิบนาฬิกาไป คือพนักงานที่ทำงานอยู่ห้างนี่แหละ ตอนนั้นยังไม่ชัวร์ รู้แค่ว่าเป็นพนักงาน Bank แต่ยังไม่รู้ว่าพนักงานแบงค์ของอะไร จนเมื่อเวลา 5 โมงเย็น ถึงเวลานัดคุยกับคู่กรณี ทางเราได้พาผญ.ฝั่งเราไปเป็นเพื่อนเรา 1 คน และทางฝั่งเค้าเองได้มากันสองคน คือ ผจก.แบงค์ และผจก.ภาค จนทำให้มั่นในตอนนั้นว่าคนที่หยิบนาฬิกาเราไปคือพนักงานแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) วันที่นัดมาคุยกันรอบแรก คุยกันที่ห้องดูกล้องวงจรปิดของห้าง โดยจะมีพนักงานประชาสัมพันธ์ส่วนที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ในส่วนนี้ 3 คน และทางฝั่งคู่กรณีมากัน 2 คน แต่ไม่เอาคู่กรณีมา โดนผจก.แบงค์ (ค่ายสีเหลือง) ให้เหตุผลว่าได้มูฟเด็กออกไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานนี้ และเด็กของตนเองบอกว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป แต่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยที่ทางฝั่งคู่กรณีจะชดเชยเป็นเรือนใหม่ให้ ไม่ก็จะจ่ายเป็นเงินให้
จากที่ได้คุยและตกลงกันในห้องดูกล้องวงจรปิดประเด็นคือ จะให้เราไปถอนแจ้งความก่อนถึงจะชดใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่โอเค เลยได้โทรไปหาผจก.แบงค์ และบอกว่าให้ไปโรงพักพร้อมกันในวันพน.10โมง เราจะถอนแจ้งความให้ คุณชดใช้ค่าเสียหาย แต่มันมีช่วงเวลาที่ไม่ตรงกันและทำให้ต้องรอไปอีกหลายวันกว่าจะได้ไปเจอกันที่โรงพัก สรุปว่าพอวันที่ไปเจอกันที่โรงพัก เป็นวันจันทร์ถัดไป ผจก.แบงค์ก็ได้เดินทางมาคนเดียว และไม่มีคู่กรณีมาด้วย รอเจอร้อยเวรบ่ายสอง เราก็ไปคนเดียวในช่วงเช้า10โมงนั้น
บ่ายสองเจอร้อยเวร เลยเข้าไปคุยกัน และสรุปให้ว่าวันนั้นก็คุยกันไม่จบ เพราะทางฝั่งคู่กรณีเอง ไม่ได้นำคู่กรณีมา ซึ่งทางคุณตำรวจเองบอกว่ามันจะถอนแจ้งความไม่ได้ถ้าไม่มีคู่กรณี ตร.ถามชื่อพนักงานเด็กในสังกัดของตนเองกับ ผจก.แบงค์ ก็ตอบว่าไม่รู้จำชื่อพนักงานตนเองไม่ได้ แล้วก็ได้เดินออกจากห้องสอบสวนไปเลย ก็ งง ไปตามๆกัน😅 ไม่รู้ว่าจะปกปิดข้อมูลหรือชื่อของเด็กทำไม และ งง ว่าทำไมผจก.ต้องวิ่งเต้นเรื่องนี้เอง พอทางเราสืบก็ได้รู้ว่าเด็กพนักงานคนนั้นเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตนั้นเอง (เรื่องนี้ได้โทรไปให้ทางสำนักงานใหญ่ของแบงค์ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน)
หลังจากวันนั้นจนวันนี้เรื่องมันผ่านมาสักพักหนึ่งแล้ว จะครบเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาของทางฝ่ายคู่กรณีเลย โทรทางสำนักงานใหญ่ของแบงค์ 3 ครั้ง ทางสำนักงานใหญ่ได้ทำเรื่องไปยังแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) สาขาห้างดังหาดใหญ่แล้ว เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรื่องที่ไม่นำคู่กรณีเด็กในสังกัดของตนเองมาเจอเรา และเราก็ขอให้สำนักงานใหญ่ตามเรื่องนี้ให้และนำคู่กรณีออกมาคุย เพราะตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีพบหรือพูดคุยกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังไม่ได้รับการขอโทษใดๆ และทางแบงค์ (ค่ายสีเหลือง) ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาของทางฝ่ายแบงค์สาขาห้างหาดใหญ่เองเลย
และตอนนี้เรารอทางคุณตำรวจเรียกทางฝ่ายคู่กรณีมาคุย เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดคือชัดมากค่ะ และเรื่องนี้เราไม่โอเคตรงที่ผจก.แบงค์สาขาห้างหาดใหญ่ ไม่นำเด็กในสังกัดตนเองมาคุย และมาพูดมาเด็กของตนไม่ยอมรับ และเด็กของตนบอกว่าวันนั้นเดินถือปากกาอยู่ ทั้งๆที่ถ้าดูจากภาพกล้องวงจรปิดคือเห็นได้ชัดว่าถือนาฬิกาค่ะ
และทางเราเองก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาคู่กรณีมาคุยกับเรายังไง คงต้องรอให้คุณตำรวจดำเนินการ เพราะเรื่องนี้เริ่มเงียบไปแล้ว และคนทำผิดยังลอยนวล… ถ้าเป็นพนักงานคนอื่นที่ไม่ได้เป็นลูกหลานใคร เรื่องคงจบไปแล้ว ผจก.แบงค์เองคงเอาเด็กออกมาคุยแล้ว คงไม่ต้องปิดอะไร
ฝ