จขกท.ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นความรู้ให้แก่ทาสแมวทุกคนค่ะ จากประสบการณ์ที่เจอมา และบทความต่างๆของโรคพยาธิเม็ดเลือดในแมว ไม่ค่อยมีลงรายละเอียดว่ามีอาการท้องเสียด้วย
จขกท.ได้เลี้ยงน้องแมว 1 ตัว เลี้ยงแมวครั้งแรกในชีวิต พันธุ์ British Long Hair เพศผู้ อายุก่อนจะเริ่มมีอาการ 1 ปี 2 เดือน (ธ.ค. 64)
- วันที่ 2 ธ.ค. 64 พาน้องไปตรวจเลือด เพื่อเตรียมพร้อมทำหมัน ที่รพ.สัตว์แห่งหนึ่งใกล้บ้าน เป็นรพ. ไม่ใช่คลีนิคค่ะ ตอนเย็นผลเลือดออกมาสุขภาพแข็งแรง ไม่มีเชื้อ Blood Parasit ค่าตับ ค่าไต ดีทุกอย่าง จะมีแค่ค่าเกล็ดเลือดต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย = 285 (ปกติ 300-800) คุณหมอแจ้งว่าไม่เป็นอะไร
- วันที่ 3 ธ.ค. 64 ช่วงเช้าพาน้องไปเตรียมตัวให้น้ำเกลือ เพื่อปรับสภาพร่างกายก่อนผ่าตัดทำหมันช่วงเวลา 13.00 น. คุณหมอให้ดมยาสลบ+ใส่ท่อช่วยหายใจ เวลา 15.00 น. คุณหมอโทรมาแจ้งว่าน้องฟื้นตัวดีแล้ว สามารถมารับได้เลย เมื่อไปรับน้องปกติดี มีอาการซึมจากยาสลบบ้าง แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง
- วันที่ 4 ธ.ค. 64 น้องปกติ ไม่มีอาการอะไร มีแค่ไม่ถ่าย ฉี่ปกติ ซึ่งทุกๆวันน้องจะต้องถ่ายวันละ 1 ครั้ง
- วันที 5 ธ.ค. 64 ช่วงบ่าย น้องมีอาการอาเจียน 2 กองใหญ่ๆ และยังคงไม่ถ่าย จึงพาไปหาคุณหมอ คุณหมอ X-Ray พบว่ามีอึอยู่ลำใส้เยอะมาก แต่น้องอาจจะไม่ถ่ายเพราะเจ็บแผลผ่าตัดที่ไข่ เพราะยังมีอาการบวมอยู่เล็กน้อย และเมื่อไม่ถ่ายจึงร้อนใน ทำให้อาเจียน คุณหมอจึงให้ยาถ่าย ยาเคลือบกระเพาะมาทาน เมื่อกลับบ้านทานยาแล้ว ประมาณ 30 นาทีน้องถ่าย แต่ถ่ายเหลวออกมาเยอะมาก แบบคนท้องเสีย เยอะแบบเดินก็ถ่ายออกมา ไม่รู้ตัว ตดตลอด และมีอึเล็ดไม่รู้ตัว จขกท.คิดว่าเป็นอาการปกติของการกินยาถ่าย จึงไม่ได้เอะใจอะไร
- วันที่ 6 ธ.ค. 64 น้องยังมีอาการท้องเสียบ้าง แต่ไม่เยอะ อึเล็ดเล็กน้อย กินปกติ อาการร่าเริงปกติ
- วันที่ 7 ธ.ค. 64 น้องอาเจียนแต่เช้า ตอนตี 5 และตอน 7 โมงเช้า ทั้งหมด 4 กองใหญ่ๆ พอรพ.สัตว์เปิด จขกท.จึงพาไปหาหมอตอนเช้าเลย คุณหมอตรวจอึ พบเชื้อโปรโตซัว (บิด) และแบคทีเรียจำนวนมากกว่าปกติ จึงให้ยาฆ่าเชื้อโปรโตซัว ยาปรับจุลชีพ ฉีดยาแก้อาเจียน และแนะนำให้น้องกินอาหาร Royal Canin สูตรลูกแมวท้องเสีย กลับมาน้องเริ่มถ่ายเป็นก้อนคล้ายยาสีฟันที่ถูกบีบออกมา (ปกติอึน้องจะแข็งกว่านี้) หมอนัดดูอาการอีกทีวันที่ 10
- วันที่ 8-9 ธ.ค. 64 น้องถ่ายเป็นก้อนแบบเมื่อวาน มีงอแงไม่อยากกินอาหารสูตรลูกแมวท้องเสียบ้าง (น้องชอบอาหารเม็ดสูตรเดิมที่ให้กินอยู่มาก เทหมด เทหมดตลอด) แต่ก็บังคับกิน เพื่อที่จะต้องกินยา
- วันที่ 10 ธ.ค. 64 มาพบคุณหมอตามนัด (ได้พบคุณหมออีกคน ไม่ใช่คนที่ดูเรื่องท้องเสียคราวที่แล้ว) คุณหมอบอก โอเคแล้ว ถ้าเริ่มถ่ายเป็นก้อน ก็สามารถกลับมากินอาหารเก่าได้เลย แต่ยังต้องกินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องให้ครบอาทิตย์ นัดดูอาการอีกทีวันที่ 12
- วันที่ 11 ธ.ค. 64 ให้น้องกินอาหารเม็ดอันเดิมที่เคยกิน น้องกลับมาน้องเสียทันที วันละ 2-3 รอบ แต่กินอาหารเยอะมาก น้องดูมีความสุข กินอาหาร กินน้ำเก่งเหมือนก่อนจะไปทำหมัน
- วันที่ 12 ธ.ค. 64 มาตามนัดหมอ แจ้งคุณหมอว่ากลับมาท้องเสียอีกแล้ว และมีอึเล็ดติดที่ก้นตลอดด้วย คุณหมอจึงให้หยุดอาหารเม็ด กลับมากินอาหารสูตรลูกแมวท้องเสียเหมือนเดิม และจ่ายยาฆ่าเชื้อโปรโตซัว+ยาปรับจุลชีพ+ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย<< ตัวนี้เพิ่งให้ครั้งแรก นัดดูอาการอีกครั้งวันที่ 19
- วันที่ 13-18 ธ.ค. 64 อาการท้องเสียยังคงเหมือนเดิม แต่อึไม่เล็ดแล้ว กินยาตรงเวลาทุกมื้อก็ยังไม่หาย แต่น้องร่าเริงและดูจะติด จขกท.มากขึ้น เดินตามตลอด เรียกหา กระโดด วิ่ง อยากอยู่ด้วย อยากเล่นด้วย
- วันที่ 19 ธ.ค. 64 มาพบคุณหมอตามนัด หมอบอกว่าถ้ายังมีอาการท้องเสียแบบนี้ไม่หาย วันที่ 22 จะให้มาแอดมิทที่รพ. เพื่อรักษาแบบใกล้ชิด จขกท.ได้บอกน้องให้สู้ๆ พยายามอึให้เป็นก้อน จะได้ไม่ต้องมานอน รพ. กลับไปวันนั้นอึดีขึ้นเลยจริงๆ มีความเป็นก้อนมากขึ้น ยังคงต้องกินยา 3 ตัวทุกวันและอาหารลูกแมวสูตรท้องเสียเหมือนเดิม
- วันที่ 20 - 21 ธ.ค. 64 น้องปกติ และคึกมากเป็นพิเศษ อาการท้องเสียค่อยๆดีขึ้น จับตัวเป็นก้อนมากขึ้น
- วันที่ 22 ธ.ค. 64 พบคุณหมอตามนัด ถ่ายรูปอึมาให้ดู คุณหมอบอกโอเค ไม่ต้องนอน รพ. กลับไปดูอาการต่อ กินยาต่อเนื่อง
- วันที่ 23 ธ.ค. 64 น้องเริ่มมีอาการซึม แต่ยังเดินไปมา กินข้าวน้อยลง กินน้ำน้อยลง ยังฉี่ อึ ตรงเวลา อึดีขึ้น ชอบนอนหลบในมุมมากขึ้น ไม่เล่น เข้านอนก่อนเวลา
- วันที่ 24 ธ.ค. 64 น้องซึมหนัก ไม่กินข้าวเลย ต้องป้อน บังคับกินเพื่อกินยา ไม่กินน้ำเลย ไม่เดิน จับตัวก็ร้อง จับนิดนึงก็ร้อง นอนหลบในมุมอย่างเดียว ไม่มีแรง จมูกจากที่ชมพูมาก เริ่มซีดลงนิดนึง รู้สึกเหมือนมีอาการตัวร้อนๆ ฉี่สีเป็นเลือดปน ออกแดงๆน้ำตาล จขกท.จึงรีบพาไปหาหมอทันที คุณหมอสวนฉี่ พบฉี่ออกมาเป็นสีโค๊ก ไข้สูง 104 องศา ซึ่งสูงมาก คุณหมอให้แอดมิท ฉีดยาลดไข้ เจาะเลือด เพาะเชื้อปัสสาวะ แกว่งฉี่น้อง พบว่ามีเม็ดเลือดตกตะกอนน้อย มีสิ่งอื่นเจือปนเยอะ ยังไม่ทราบว่าคืออะไร ต้องรอผลออก ยังคงต้องกินยาแก้ท้องเสียอยู่
- วันที่ 25 ธ.ค. 64 จขกท.ไปเยี่ยมน้องที่รพ. 2 รอบ เช้า เย็น น้องไม่ซึมแล้ว กลับมามีแรง ไม่มีไข้ แต่ฉี่ยังเป็นเลือดอยู่ ผลเลือดออกมาตอนเย็น ค่าเม็ดเลือดแดงลดลงจากก่อนทำหมัน 50% >> 23% ค่าตับสูงขึ้นมาก คุณหมอสันนิฐานว่าอาจจะเป็นพยาธิเม็ดเลือด แต่ไม่ฟันธง มีการให้ยาฆ่าเชื้อพยาธิเม็ดเลือด ยาบำรุงเลือด ยาเรื่องท้องเสีย
- วันที่ 26 ธ.ค. 64 จขกท. ไปเยี่ยมน้อง 2 รอบ เช้า เย็น น้องมีแรงมากขึ้น ฉี่ไม่มีเลือดปนแล้ว น้องกัดสายน้ำเกลือจะขอออกจาก รพ. จมูกชมพูน้อยลง สอบถามคุณหมอเรื่องขอกลับบ้าน คุณหมอบอกว่าขอเจาะเลือดอีกครั้ง ถ้าค่าเลือดดีก็จะให้กลับบ้านได้ ส่วนเรื่องจมูกซีดลง ให้รอผลยาบำรุงเลือด จะสามารถช่วยสร้างเม็ดเลือดได้ อาจจะได้กลับบ้านวันพรุ่งนี้
- วันที่ 27 ธ.ค. 64 จขกท. ไปเยี่ยมน้องตอนเช้า น้องเริ่มกลับมามีอาการซึม ตัวซีดมากขึ้น มองหน้าจขกท.ค้างนานๆ เหมือนจะบอกอะไรซักอย่าง คุณหมอบอกรอผลเลือดอยู่ บ่ายๆจะโทรแจ้ง พอช่วงบ่ายผลเลือดออกค่าเม็ดเลือดแดงของน้องจากเดิม 50%>>23%>>15% ซึ่งลดลงอย่างเฉียบพลัน อาจจะต้องให้เลือด จะขอเจาะเลือดอีกครั้งตอนเย็น ถ้าค่าลดลงอีกจะให้ให้เลือดเลย พอตอนเย็น จขกท.ไปเยี่ยมน้อง น้องซึมหนักกว่าตอนเช้า นิ่ง ไม่ขยับตัว มองหน้านานขึ้น ทิ้งตัว มีอาการหอบ จขกท.ใจไม่ดีมากๆ บอกคุณหมอว่าน้องมีอาการหอบ คุณหมอจึงพาน้องเข้าตู้อบออกซิเจน และคืนนี้จะเจาะเลือดดูผลเลือดอีกครั้ง
ช่วงค่ำ คุณหมอโทรมาบอกผลเลือดไม่ดีขึ้น จะต้อลให้เลือด ขอตรวจสอบเยื่อเมือกเลือดที่จะให้ว่าเข้ากันได้มั๊ย จขกท.บอกให้ตรวจเลย ถ้าเข้าได้ให้ให้เลือดได้เลย ไม่ต้องรอ คืนนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน (แต่ตั้งแต่น้องนอนรพ. คือเครียดหนักมาก นอนหลับๆตื่นๆ)
- วันที่ 28 ธ.ค. 64 คุณหมอโทรมาแจ้งว่ามีการให้เลือดน้องแล้ว น้องมีแรงขึ้นนิดนึง แต่มีอาการหอบหนักมาก หายใจทางปาก จะขอตรวจสอบว่าเป็นอะไร โดยการ X-Ray วางหูไป ซักพักโทรมาอีกว่า น้องมีอาการน้ำท่วมปอดเยอะมากกกกก ต้องรักษาโดยการเจาะปอดให้ดูดน้ำออกมาอย่างเดียว ถ้ารักษาเป็นยังไงจะโทรกลับมาแจ้ง ตอนนั้นคือใจคอไม่ดีแล้ว ร้องไห้หนักมาก
ซักพักคุณหมอโทรมา บอกว่าน้องอาการไม่ดีมากๆ อยู่ที่ไหนให้รีบมาดูใจน้องด่วนเลย คิดว่ายังไงก็ไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นมืดแปดด้านไปหมด ไม่มีแรง พอไปถึงได้เข้าไปที่ห้องผ่าตัด น้องมีสายเสียบที่ปาก คอยดูดน้ำออกมาจากปอด มีการวัดชีพจร คุณหมอกำลังปั๊มหัวใจให้น้องอยู่ คุณหมอบอกว่าตอนที่กำลังเจาะปอดให้น้อง น้องมีอาการสำลักและอาเจียนเป็นน้ำ+จามเป็นน้ำ และหยุดหายใจเลย ได้ให้ยากระตุ้นหัวใจ ยาช่วยชีวิตต่างๆ และปั๊มหัวใจต่อเนื่อง แต่น้องไม่ตอบสนองต่อยาใดๆ ตอนนี้ที่เห็นหัวใจน้องเต้น คือเต้นตามจังหวะมือหมอที่กำลังปั๊ม จริงๆน้องจากไปแล้ว แต่หมอจะปั๊มหัวใจไปจนกว่าเจ้าของจะสั่งให้หยุด ตอนนั้นคือใจแตกสลายหมดแล้ว น้องไม่อยู่กับเราแล้ว สุดท้ายก้บอกให้หมอหยุดปั๊มหัวใจ และพาร่างน้องกลับมาที่บ้าน ที่ๆน้องอยากจะกลับมากจนถึงขั้นกัดสายน้ำเกลือ
ทั้งหมดทั้งมวนที่พิมพ์มา ทางรพ.ก็ไม่ยืนยันว่าน้องเป็นพยาธิเม็ดเลือดหรือไม่ ทุกๆครั้งที่ถามจะแจ้งว่า "คาดว่า" จะเป็นทุกครั้ง โดยเจอคุณหมอทั้งหมด 3 คน ทุกคนพูดแบบนี้หมด และการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดจากการเจาะปอดแล้วน้ำสำลักน้ำ ทำให้ขาดอากาศหายใจทันที
ความคิดส่วนตัว คิดว่าน้องถูกเห็บ หมัดกัดจากการที่พาไปฝากให้น้ำเกลือเพื่อเตรียมตัวทำหมันที่รพ. เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงตัวเดียว ระบบปิด หยอดยาป้องกันทุกเดือน น้องไม่เคยออกจากบ้านไปไหน หรือพบหมา แมว ตัวอื่น แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้ คิดเองเท่านั้น และจากการที่อ่านบทความโรคพยาธิเม็ดเลือดมาทั้งหมด หลังจากถูกเห็บหมัดกัดแล้ว เชื้ออาจจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1-2 อาทิตย์ อาการถึงจะเริ่มหนัก ซึ่งช่วงเวลานั้นแมวส่วนน้อยจะมีอาการอาเจียนและท้องเสีย และเชื้อที่เป็นพยาธิเม็ดเลือดก็อาจจะเป็นเชื้อโปรโตซัว (ที่คุณหมอเจอในการตรวจอึน้องช่วงแรก) ก็ได้ หรือเชื้ออีกตัวก็ได้ มีประมาณ 2-3 ชนิด ซึ่งน้องมีอาการออกมาเนิ่นๆแล้ว แต่ไม่มีใครเอะใจทั้ง จขกท.และหมอ ทุกคนคิดว่าแค่ติดเชื้อบิด น้องไปแอบกินอะไรไม่สะอาดมารึเปล่าเท่านั้น (แต่เราก็บอกหมอว่าเรามั่นใจมากว่าไม่มีอะไรที่น้องกินแน่นอน)
เรื่องทั้งหมด จขกท. รู้สึกว่าเราเชื่อใจหมอ เชื่อใจ รพ.มากเกินไป คิดว่าอยู่ในมือหมอแล้วทุกอย่างต้องดีขึ้น เราไปหาหมอตรงตามนัดตลอด สังเกตุอาการน้องตลอด บางครั้งเราต้องหาข้อมูลจากพันทิพ Google ดูด้วย จะเชื่อหมอทุกอย่างไม่ได้ และเจอมาหลายๆคนที่เขียนบทความจากประสบการณ์ เมื่อน้องซึมมากๆ เม็ดเลือดแดงตกเร็ว ให้ป้อนไข่แดงต้มสุก+ซุปไก่สกัด+น้ำแดง ให้น้องทานให้มีการ และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงได้ ไม่มากก็น้อย แต่จขกท.ไม่ได้หาข้อมูล ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะคิดว่ากินยาหาหมอคืออุ่นใจแล้ว ช่วงที่น้องติดเรามากๆ บางครั้งก็คิดนะว่าเค้ารู้ตัวว่าจะไม่ได้อยู่กับเราแล้วก็ได้ เมื่อตอนมีแรงเลยมาคลอเคลีย อยากเล่นด้วย พอตอนไม่มีแรงจึงได้แต่มองหน้าเรานานๆ น้องคงอยากจะบอกลาเราแล้ว T-T
อาการน้องทั้งหมดคือ อาเจียน ท้องเสีย ซึม ไม่มีแรง ไม่กินข้าว จับตัวแล้วเจ็บ ฉี่เป็นสีโค๊ก มีไข้สูง ทาสแมวทุกคนต้องหมั่นสังเกตุน้องนะคะ และถ้าเราพาน้องไปรักษาที่ไหนแล้วไม่สบายใจ ลองหาข้อมูลจาก internet ประกอบ ย้ายรพ.ก็ได้ค่ะ น้องไม่มีใครนอกจากเรานะคะ ทุกวันนี้เราได้แต่คิดว่าอยากย้อนเวลากลับไป อยากกลับไปเริ่มใหม่ จะไม่เชื่อใจหมอ 100% แล้ว จะหาข้อมูลมากกว่านี้ เรื่องทั้งหมดโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองค่ะ (แต่แอบคิดว่าหมอก็รักษาช้า และยังไม่ค่อยมีประสบการณ์) ต่อไปนี้ถ้าเราจะเลี้ยงน้องคนใหม่ เราจะหาข้อมูลการเจ็บป่วยให้มากกว่านี้ และคงไม่ไปที่ รพ. นี้แล้วค่ะ เสียใจที่สุดที่ลูกชายของเราจากไป 😭😭
เมื่อน้องแมวท้องเสีย อาจเป็นสัญญาณของพยาธิเม็ดเลือดจนทำให้เสียชีวิตได้
จขกท.ได้เลี้ยงน้องแมว 1 ตัว เลี้ยงแมวครั้งแรกในชีวิต พันธุ์ British Long Hair เพศผู้ อายุก่อนจะเริ่มมีอาการ 1 ปี 2 เดือน (ธ.ค. 64)
- วันที่ 2 ธ.ค. 64 พาน้องไปตรวจเลือด เพื่อเตรียมพร้อมทำหมัน ที่รพ.สัตว์แห่งหนึ่งใกล้บ้าน เป็นรพ. ไม่ใช่คลีนิคค่ะ ตอนเย็นผลเลือดออกมาสุขภาพแข็งแรง ไม่มีเชื้อ Blood Parasit ค่าตับ ค่าไต ดีทุกอย่าง จะมีแค่ค่าเกล็ดเลือดต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย = 285 (ปกติ 300-800) คุณหมอแจ้งว่าไม่เป็นอะไร
- วันที่ 3 ธ.ค. 64 ช่วงเช้าพาน้องไปเตรียมตัวให้น้ำเกลือ เพื่อปรับสภาพร่างกายก่อนผ่าตัดทำหมันช่วงเวลา 13.00 น. คุณหมอให้ดมยาสลบ+ใส่ท่อช่วยหายใจ เวลา 15.00 น. คุณหมอโทรมาแจ้งว่าน้องฟื้นตัวดีแล้ว สามารถมารับได้เลย เมื่อไปรับน้องปกติดี มีอาการซึมจากยาสลบบ้าง แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง
- วันที่ 4 ธ.ค. 64 น้องปกติ ไม่มีอาการอะไร มีแค่ไม่ถ่าย ฉี่ปกติ ซึ่งทุกๆวันน้องจะต้องถ่ายวันละ 1 ครั้ง
- วันที 5 ธ.ค. 64 ช่วงบ่าย น้องมีอาการอาเจียน 2 กองใหญ่ๆ และยังคงไม่ถ่าย จึงพาไปหาคุณหมอ คุณหมอ X-Ray พบว่ามีอึอยู่ลำใส้เยอะมาก แต่น้องอาจจะไม่ถ่ายเพราะเจ็บแผลผ่าตัดที่ไข่ เพราะยังมีอาการบวมอยู่เล็กน้อย และเมื่อไม่ถ่ายจึงร้อนใน ทำให้อาเจียน คุณหมอจึงให้ยาถ่าย ยาเคลือบกระเพาะมาทาน เมื่อกลับบ้านทานยาแล้ว ประมาณ 30 นาทีน้องถ่าย แต่ถ่ายเหลวออกมาเยอะมาก แบบคนท้องเสีย เยอะแบบเดินก็ถ่ายออกมา ไม่รู้ตัว ตดตลอด และมีอึเล็ดไม่รู้ตัว จขกท.คิดว่าเป็นอาการปกติของการกินยาถ่าย จึงไม่ได้เอะใจอะไร
- วันที่ 6 ธ.ค. 64 น้องยังมีอาการท้องเสียบ้าง แต่ไม่เยอะ อึเล็ดเล็กน้อย กินปกติ อาการร่าเริงปกติ
- วันที่ 7 ธ.ค. 64 น้องอาเจียนแต่เช้า ตอนตี 5 และตอน 7 โมงเช้า ทั้งหมด 4 กองใหญ่ๆ พอรพ.สัตว์เปิด จขกท.จึงพาไปหาหมอตอนเช้าเลย คุณหมอตรวจอึ พบเชื้อโปรโตซัว (บิด) และแบคทีเรียจำนวนมากกว่าปกติ จึงให้ยาฆ่าเชื้อโปรโตซัว ยาปรับจุลชีพ ฉีดยาแก้อาเจียน และแนะนำให้น้องกินอาหาร Royal Canin สูตรลูกแมวท้องเสีย กลับมาน้องเริ่มถ่ายเป็นก้อนคล้ายยาสีฟันที่ถูกบีบออกมา (ปกติอึน้องจะแข็งกว่านี้) หมอนัดดูอาการอีกทีวันที่ 10
- วันที่ 8-9 ธ.ค. 64 น้องถ่ายเป็นก้อนแบบเมื่อวาน มีงอแงไม่อยากกินอาหารสูตรลูกแมวท้องเสียบ้าง (น้องชอบอาหารเม็ดสูตรเดิมที่ให้กินอยู่มาก เทหมด เทหมดตลอด) แต่ก็บังคับกิน เพื่อที่จะต้องกินยา
- วันที่ 10 ธ.ค. 64 มาพบคุณหมอตามนัด (ได้พบคุณหมออีกคน ไม่ใช่คนที่ดูเรื่องท้องเสียคราวที่แล้ว) คุณหมอบอก โอเคแล้ว ถ้าเริ่มถ่ายเป็นก้อน ก็สามารถกลับมากินอาหารเก่าได้เลย แต่ยังต้องกินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องให้ครบอาทิตย์ นัดดูอาการอีกทีวันที่ 12
- วันที่ 11 ธ.ค. 64 ให้น้องกินอาหารเม็ดอันเดิมที่เคยกิน น้องกลับมาน้องเสียทันที วันละ 2-3 รอบ แต่กินอาหารเยอะมาก น้องดูมีความสุข กินอาหาร กินน้ำเก่งเหมือนก่อนจะไปทำหมัน
- วันที่ 12 ธ.ค. 64 มาตามนัดหมอ แจ้งคุณหมอว่ากลับมาท้องเสียอีกแล้ว และมีอึเล็ดติดที่ก้นตลอดด้วย คุณหมอจึงให้หยุดอาหารเม็ด กลับมากินอาหารสูตรลูกแมวท้องเสียเหมือนเดิม และจ่ายยาฆ่าเชื้อโปรโตซัว+ยาปรับจุลชีพ+ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย<< ตัวนี้เพิ่งให้ครั้งแรก นัดดูอาการอีกครั้งวันที่ 19
- วันที่ 13-18 ธ.ค. 64 อาการท้องเสียยังคงเหมือนเดิม แต่อึไม่เล็ดแล้ว กินยาตรงเวลาทุกมื้อก็ยังไม่หาย แต่น้องร่าเริงและดูจะติด จขกท.มากขึ้น เดินตามตลอด เรียกหา กระโดด วิ่ง อยากอยู่ด้วย อยากเล่นด้วย
- วันที่ 19 ธ.ค. 64 มาพบคุณหมอตามนัด หมอบอกว่าถ้ายังมีอาการท้องเสียแบบนี้ไม่หาย วันที่ 22 จะให้มาแอดมิทที่รพ. เพื่อรักษาแบบใกล้ชิด จขกท.ได้บอกน้องให้สู้ๆ พยายามอึให้เป็นก้อน จะได้ไม่ต้องมานอน รพ. กลับไปวันนั้นอึดีขึ้นเลยจริงๆ มีความเป็นก้อนมากขึ้น ยังคงต้องกินยา 3 ตัวทุกวันและอาหารลูกแมวสูตรท้องเสียเหมือนเดิม
- วันที่ 20 - 21 ธ.ค. 64 น้องปกติ และคึกมากเป็นพิเศษ อาการท้องเสียค่อยๆดีขึ้น จับตัวเป็นก้อนมากขึ้น
- วันที่ 22 ธ.ค. 64 พบคุณหมอตามนัด ถ่ายรูปอึมาให้ดู คุณหมอบอกโอเค ไม่ต้องนอน รพ. กลับไปดูอาการต่อ กินยาต่อเนื่อง
- วันที่ 23 ธ.ค. 64 น้องเริ่มมีอาการซึม แต่ยังเดินไปมา กินข้าวน้อยลง กินน้ำน้อยลง ยังฉี่ อึ ตรงเวลา อึดีขึ้น ชอบนอนหลบในมุมมากขึ้น ไม่เล่น เข้านอนก่อนเวลา
- วันที่ 24 ธ.ค. 64 น้องซึมหนัก ไม่กินข้าวเลย ต้องป้อน บังคับกินเพื่อกินยา ไม่กินน้ำเลย ไม่เดิน จับตัวก็ร้อง จับนิดนึงก็ร้อง นอนหลบในมุมอย่างเดียว ไม่มีแรง จมูกจากที่ชมพูมาก เริ่มซีดลงนิดนึง รู้สึกเหมือนมีอาการตัวร้อนๆ ฉี่สีเป็นเลือดปน ออกแดงๆน้ำตาล จขกท.จึงรีบพาไปหาหมอทันที คุณหมอสวนฉี่ พบฉี่ออกมาเป็นสีโค๊ก ไข้สูง 104 องศา ซึ่งสูงมาก คุณหมอให้แอดมิท ฉีดยาลดไข้ เจาะเลือด เพาะเชื้อปัสสาวะ แกว่งฉี่น้อง พบว่ามีเม็ดเลือดตกตะกอนน้อย มีสิ่งอื่นเจือปนเยอะ ยังไม่ทราบว่าคืออะไร ต้องรอผลออก ยังคงต้องกินยาแก้ท้องเสียอยู่
- วันที่ 25 ธ.ค. 64 จขกท.ไปเยี่ยมน้องที่รพ. 2 รอบ เช้า เย็น น้องไม่ซึมแล้ว กลับมามีแรง ไม่มีไข้ แต่ฉี่ยังเป็นเลือดอยู่ ผลเลือดออกมาตอนเย็น ค่าเม็ดเลือดแดงลดลงจากก่อนทำหมัน 50% >> 23% ค่าตับสูงขึ้นมาก คุณหมอสันนิฐานว่าอาจจะเป็นพยาธิเม็ดเลือด แต่ไม่ฟันธง มีการให้ยาฆ่าเชื้อพยาธิเม็ดเลือด ยาบำรุงเลือด ยาเรื่องท้องเสีย
- วันที่ 26 ธ.ค. 64 จขกท. ไปเยี่ยมน้อง 2 รอบ เช้า เย็น น้องมีแรงมากขึ้น ฉี่ไม่มีเลือดปนแล้ว น้องกัดสายน้ำเกลือจะขอออกจาก รพ. จมูกชมพูน้อยลง สอบถามคุณหมอเรื่องขอกลับบ้าน คุณหมอบอกว่าขอเจาะเลือดอีกครั้ง ถ้าค่าเลือดดีก็จะให้กลับบ้านได้ ส่วนเรื่องจมูกซีดลง ให้รอผลยาบำรุงเลือด จะสามารถช่วยสร้างเม็ดเลือดได้ อาจจะได้กลับบ้านวันพรุ่งนี้
- วันที่ 27 ธ.ค. 64 จขกท. ไปเยี่ยมน้องตอนเช้า น้องเริ่มกลับมามีอาการซึม ตัวซีดมากขึ้น มองหน้าจขกท.ค้างนานๆ เหมือนจะบอกอะไรซักอย่าง คุณหมอบอกรอผลเลือดอยู่ บ่ายๆจะโทรแจ้ง พอช่วงบ่ายผลเลือดออกค่าเม็ดเลือดแดงของน้องจากเดิม 50%>>23%>>15% ซึ่งลดลงอย่างเฉียบพลัน อาจจะต้องให้เลือด จะขอเจาะเลือดอีกครั้งตอนเย็น ถ้าค่าลดลงอีกจะให้ให้เลือดเลย พอตอนเย็น จขกท.ไปเยี่ยมน้อง น้องซึมหนักกว่าตอนเช้า นิ่ง ไม่ขยับตัว มองหน้านานขึ้น ทิ้งตัว มีอาการหอบ จขกท.ใจไม่ดีมากๆ บอกคุณหมอว่าน้องมีอาการหอบ คุณหมอจึงพาน้องเข้าตู้อบออกซิเจน และคืนนี้จะเจาะเลือดดูผลเลือดอีกครั้ง
ช่วงค่ำ คุณหมอโทรมาบอกผลเลือดไม่ดีขึ้น จะต้อลให้เลือด ขอตรวจสอบเยื่อเมือกเลือดที่จะให้ว่าเข้ากันได้มั๊ย จขกท.บอกให้ตรวจเลย ถ้าเข้าได้ให้ให้เลือดได้เลย ไม่ต้องรอ คืนนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน (แต่ตั้งแต่น้องนอนรพ. คือเครียดหนักมาก นอนหลับๆตื่นๆ)
- วันที่ 28 ธ.ค. 64 คุณหมอโทรมาแจ้งว่ามีการให้เลือดน้องแล้ว น้องมีแรงขึ้นนิดนึง แต่มีอาการหอบหนักมาก หายใจทางปาก จะขอตรวจสอบว่าเป็นอะไร โดยการ X-Ray วางหูไป ซักพักโทรมาอีกว่า น้องมีอาการน้ำท่วมปอดเยอะมากกกกก ต้องรักษาโดยการเจาะปอดให้ดูดน้ำออกมาอย่างเดียว ถ้ารักษาเป็นยังไงจะโทรกลับมาแจ้ง ตอนนั้นคือใจคอไม่ดีแล้ว ร้องไห้หนักมาก
ซักพักคุณหมอโทรมา บอกว่าน้องอาการไม่ดีมากๆ อยู่ที่ไหนให้รีบมาดูใจน้องด่วนเลย คิดว่ายังไงก็ไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นมืดแปดด้านไปหมด ไม่มีแรง พอไปถึงได้เข้าไปที่ห้องผ่าตัด น้องมีสายเสียบที่ปาก คอยดูดน้ำออกมาจากปอด มีการวัดชีพจร คุณหมอกำลังปั๊มหัวใจให้น้องอยู่ คุณหมอบอกว่าตอนที่กำลังเจาะปอดให้น้อง น้องมีอาการสำลักและอาเจียนเป็นน้ำ+จามเป็นน้ำ และหยุดหายใจเลย ได้ให้ยากระตุ้นหัวใจ ยาช่วยชีวิตต่างๆ และปั๊มหัวใจต่อเนื่อง แต่น้องไม่ตอบสนองต่อยาใดๆ ตอนนี้ที่เห็นหัวใจน้องเต้น คือเต้นตามจังหวะมือหมอที่กำลังปั๊ม จริงๆน้องจากไปแล้ว แต่หมอจะปั๊มหัวใจไปจนกว่าเจ้าของจะสั่งให้หยุด ตอนนั้นคือใจแตกสลายหมดแล้ว น้องไม่อยู่กับเราแล้ว สุดท้ายก้บอกให้หมอหยุดปั๊มหัวใจ และพาร่างน้องกลับมาที่บ้าน ที่ๆน้องอยากจะกลับมากจนถึงขั้นกัดสายน้ำเกลือ
ทั้งหมดทั้งมวนที่พิมพ์มา ทางรพ.ก็ไม่ยืนยันว่าน้องเป็นพยาธิเม็ดเลือดหรือไม่ ทุกๆครั้งที่ถามจะแจ้งว่า "คาดว่า" จะเป็นทุกครั้ง โดยเจอคุณหมอทั้งหมด 3 คน ทุกคนพูดแบบนี้หมด และการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดจากการเจาะปอดแล้วน้ำสำลักน้ำ ทำให้ขาดอากาศหายใจทันที
ความคิดส่วนตัว คิดว่าน้องถูกเห็บ หมัดกัดจากการที่พาไปฝากให้น้ำเกลือเพื่อเตรียมตัวทำหมันที่รพ. เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงตัวเดียว ระบบปิด หยอดยาป้องกันทุกเดือน น้องไม่เคยออกจากบ้านไปไหน หรือพบหมา แมว ตัวอื่น แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้ คิดเองเท่านั้น และจากการที่อ่านบทความโรคพยาธิเม็ดเลือดมาทั้งหมด หลังจากถูกเห็บหมัดกัดแล้ว เชื้ออาจจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1-2 อาทิตย์ อาการถึงจะเริ่มหนัก ซึ่งช่วงเวลานั้นแมวส่วนน้อยจะมีอาการอาเจียนและท้องเสีย และเชื้อที่เป็นพยาธิเม็ดเลือดก็อาจจะเป็นเชื้อโปรโตซัว (ที่คุณหมอเจอในการตรวจอึน้องช่วงแรก) ก็ได้ หรือเชื้ออีกตัวก็ได้ มีประมาณ 2-3 ชนิด ซึ่งน้องมีอาการออกมาเนิ่นๆแล้ว แต่ไม่มีใครเอะใจทั้ง จขกท.และหมอ ทุกคนคิดว่าแค่ติดเชื้อบิด น้องไปแอบกินอะไรไม่สะอาดมารึเปล่าเท่านั้น (แต่เราก็บอกหมอว่าเรามั่นใจมากว่าไม่มีอะไรที่น้องกินแน่นอน)
เรื่องทั้งหมด จขกท. รู้สึกว่าเราเชื่อใจหมอ เชื่อใจ รพ.มากเกินไป คิดว่าอยู่ในมือหมอแล้วทุกอย่างต้องดีขึ้น เราไปหาหมอตรงตามนัดตลอด สังเกตุอาการน้องตลอด บางครั้งเราต้องหาข้อมูลจากพันทิพ Google ดูด้วย จะเชื่อหมอทุกอย่างไม่ได้ และเจอมาหลายๆคนที่เขียนบทความจากประสบการณ์ เมื่อน้องซึมมากๆ เม็ดเลือดแดงตกเร็ว ให้ป้อนไข่แดงต้มสุก+ซุปไก่สกัด+น้ำแดง ให้น้องทานให้มีการ และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงได้ ไม่มากก็น้อย แต่จขกท.ไม่ได้หาข้อมูล ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะคิดว่ากินยาหาหมอคืออุ่นใจแล้ว ช่วงที่น้องติดเรามากๆ บางครั้งก็คิดนะว่าเค้ารู้ตัวว่าจะไม่ได้อยู่กับเราแล้วก็ได้ เมื่อตอนมีแรงเลยมาคลอเคลีย อยากเล่นด้วย พอตอนไม่มีแรงจึงได้แต่มองหน้าเรานานๆ น้องคงอยากจะบอกลาเราแล้ว T-T
อาการน้องทั้งหมดคือ อาเจียน ท้องเสีย ซึม ไม่มีแรง ไม่กินข้าว จับตัวแล้วเจ็บ ฉี่เป็นสีโค๊ก มีไข้สูง ทาสแมวทุกคนต้องหมั่นสังเกตุน้องนะคะ และถ้าเราพาน้องไปรักษาที่ไหนแล้วไม่สบายใจ ลองหาข้อมูลจาก internet ประกอบ ย้ายรพ.ก็ได้ค่ะ น้องไม่มีใครนอกจากเรานะคะ ทุกวันนี้เราได้แต่คิดว่าอยากย้อนเวลากลับไป อยากกลับไปเริ่มใหม่ จะไม่เชื่อใจหมอ 100% แล้ว จะหาข้อมูลมากกว่านี้ เรื่องทั้งหมดโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองค่ะ (แต่แอบคิดว่าหมอก็รักษาช้า และยังไม่ค่อยมีประสบการณ์) ต่อไปนี้ถ้าเราจะเลี้ยงน้องคนใหม่ เราจะหาข้อมูลการเจ็บป่วยให้มากกว่านี้ และคงไม่ไปที่ รพ. นี้แล้วค่ะ เสียใจที่สุดที่ลูกชายของเราจากไป 😭😭