สาปเสียงซอ
อ้อนอีอี้อีอ้อนออ ซอเสียงเศร้าเคล้าน้ำตา เสียงเสียบแทรกกรรณา แสบอุราพาระทม มนต์ซอท้อแท้จิต สุดจะคิดถึงคู่สม เสียดสีเสียงสุดทน บันดาลดลความบรรลัย
ผมชื่อขุนพลครับภาควิชาดนตรีไทยในเช้านี้มีแค่ ทองไท กับผมที่เข้ามาในห้องเรียนก่อนใครเราทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่อนุบาลทั้งยังมีความชื่นชอบในเสียงดนตรีไทยเหมือนกันจึงเข้าเรียนในสาขาวิชาเดียวกันทองไทมีความสามารถอีกอย่างคือการขับร้องเสียงที่ใสกังวานดังนกการเวกก็ไม่ปานทำให้เขาเป็นที่จับตามองยิ่งนัก ผมเองก็มีควมถนัดในทางดนตรีโดยเฉพาะซอที่เป็นเครื่องดนตรีที่ชอบมาก ผมว่าเสียงซอมันไพเราะและเศร้าไปพร้อมๆกัน อ้อนอีอี้อีอ้อนออเสียงของซอเมื่อเรานำคันชักสีไปที่สายทำให้เกิดเสียงขึ้นมันช่างน่าฟัง เราสองคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนกระทั่งทองไทมีแฟนผมก็กับจูนแฟนของไอ้ไทเข้ากันไม่ค่อยได้ จูนเป็นสาวสวยอารมณ์คุณหนูหน่อยๆ จึงทำให้เราห่างกันมากขึ้น แม้วันนี้เราจะเข้าห้องมาพร้อมกันแต่เราก็ไม่ได้คุยกันอะไรมากเรานั่งรอจนเพื่อนเข้าห้องมา “เทอมนี้เราจะลงประกวดวงดนตรีไทยกันอาจารย์หวังว่าพวกเธอจะทำให้เต็มที่ ขุนพลกับทองไท อาจารณ์จะให้พวกเธอสองคนช่วยอาจารย์ดูแลการซ้อมโดยเฉพาะทองไทเป็นคนขับร้องทำให้ดี” เมื่อได้ยินอาจารย์พูดพวกเราก็ต่างตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ไปประกวดกับมหาวิทยาลัยอื่นในระดับประเทศ “อาจารย์ครับ” “ว่ายังไงขุนพลมีอะไรรึเปล่า” “ผมขอใช้ซอซ้อสามสายที่อยู่ในตู้ได้มั้ยครับ” ซอสามสายที่ว่าคือซอสามสายเก่าแกของภาควิชาเราเล่ากันว่าเป็นสมบัติของเจ้านายในวังสักท่าน ถึงจะเก่าแก่แต่มันยังสวยงาม ทันทวนทำจากไม้เนื้อดี ยิ่งถ่วงหน้าที่เป็นทับทิมสีแดงดังเลือดนกดูล้ำค่ายิ่งนัก ตอนแรกอาจารย์ก็ดูไม่ค่อยอยากจะให้ใช้เพราะคำร่ำลือเรื่องอาถรรพ์ แต่ผมก็ชักแม่น้ำทั้งห้าจนอาจารย์ยอม ผมว่าเรื่องอาถรรพ์อะไรนั้นมันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าของสิ่งของโบราณก็แค่นั้นยิ่งพวกเครื่องดนตรีที่มีครูบาอาจารย์แล้วเมื่อเก่ามาก็มีเรื่องเล่าต่างๆเป็นธรรมดา เมื่อผมได้สัมผัสกับซอสามสายมันช่างน่าหลงไหลทั่งน้ำเสียงที่ยังคงไพเราะทั้งที่ผ่านเวลามาหลายสิบปี หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปการซ้อมเป็นไปได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ทองไทยังมีน้ำเสียงที่น่าฟังดังเช่นเคยเป็นมา จนการทั้งเกิดความเจ็บแสบที่นิ้วมือของผม สายซอบาดนิ้วจนเลือดไหลออกมาโดนไปที่คันชักบางส่วนก็หยดลงไปโดนถ่วงหน้าที่เป็นทับทิม ผมรีบทำความสะอาดซอก่อนที่ทองไทจะเข้ามาพาผมไปทำแผล ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับเพื่อนคนนี้ผมรู้สึกมีความสุขตลอดเวลาจนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ "ไทขุนพลเป็นอะไรหรอ" เสียงของผู้หญิงคนนึงดังขึ้นผมรู้ทันทีว่าความสุขได้จบลงพร้อมกับเสียงของจูนแฟนสาวของทองไท "สายซอปาดมีเราอะ" ผมตอบแทนทองไทที่ตอนนี้เดินเอาอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บ "ออ จ้าไปกินข้าวกับพวกเรามั้ยขุนพลเรากับไทกำลังจะไปกินข้าว" "ไม่ละไปกันเถอะเราจะไปดูซิสักหน่อยไม่กี้มันโดนเลือด" ก่อนที่จูนกับทองไทจะขอตัวเดินออกไป "ฮักเขาคือบ่เอาเขามาเป็นของจะของละ" เสียงของใครสักคนดังขึ้นเป็นภาษาที่คล้ายกับภาษาลาวผมเคยไปเที่ยวลาวมาหลายครั้ง ผมมองหาต้นเสียงแต่มันไม่มีใครเลยในห้องนี้ ขนตามตัวลุกซู่มันทำให้ผมต้องรีบเดินออกมาจากจุดนั้นกลับไปที่ห้องซ้อมที่ตอนนี้เพื่อนๆออกไปกินข้าวหมดแล้วผมเดินไปดูซอสามสายที่วางอยู่บนชั้นวาง ก่อนที่เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้ผมสีซอตัวนั่นแต่เพลงที่ไหลอยู่หัวตอนนี้กลับเป็นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียวหวีดเศร้าแทรกทุกโสตประสาท มือที่ถูกบางอย่างบังคับให้ทำตามมันไปตอนนี้ตัวผมแข็งทื่อก่อนที่จะมีเสียงพูดดังขึ้นเสียงทุ่มนุ่มนั้นเย็นเยือก "เจ้าฮักเข้าข้ากะสิซ่อย" ผมรวบรวมกำลังหันกับไปด้านหลังก็พบกับหน้าของชายหนุ่มเหมือนเขาจะยอมปล่อยผมออกจากพันธนาการ ผมผลักตัวออกห่างจากเข้าจนเห็นร่างการชายผู้อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ ชายหนุ่มร่างขาวซีด ดวงหน้าอันงดงามที่ตอนนี้มีนัยตาขาวขุ่นนุ่งโจงกระเบนเข็มขัดทองไร้การสวมเสื้อทำให้เห็นความกำยำของชายผู้นี้ ผมขยับตัวไม่ได้อีกครั้งก่อนที่เข้าจะขยับเข้ามาใกล้มาทำให้ได้กลิ่นคล้ายดอกลั่นทม วิญญาณตนนั้นขยับหน้าเข้ามาก่อนที่จะพูดว่า "ข้าจะซ่อยเจ้า แต่เจ้ากะต้องซ่อยข้า ข้าสิเฮ็ดให้เจ้าได้เขามาเป็นของเจ้าดังใจ" วิญญาณนั่นหัวเราะในลำคอ ผมยังไม่ได้รับคำวิญญาณหนุ่มก็ประกบปากของเขาเข้ากับปากผมจากนั้นผมก็หมดสติไป
"ขุนๆ ตื่นๆ มานอนตรงนี้ทำไม" ขุนพลลืมตาขึ้นพบกับทองไท เข้าโผเข้ากอดเพื่อนโดยไม่แคร์สายตาของจูนที่ยืนมองอยู่ "ข้าน้อย เอ้ย! เราไม่สบายน่าจะเป็นลมพาเรากลับบ้านหน่อย" ทองไทพยุงเพื่อนสนิทลุกขึ้นก่อนจะประคองเดินออกจากห้องซ้อมไปจูนก็เดินตามหลังทั้งสองไปในอาการที่ไม่สบอารมณ์นักที่แฟนหนุ่มไม่สนใจเธอ
เรื่องเล่าเมื่อฟ้ามืด "สาปเสียงซอ"
อ้อนอีอี้อีอ้อนออ ซอเสียงเศร้าเคล้าน้ำตา เสียงเสียบแทรกกรรณา แสบอุราพาระทม มนต์ซอท้อแท้จิต สุดจะคิดถึงคู่สม เสียดสีเสียงสุดทน บันดาลดลความบรรลัย
ผมชื่อขุนพลครับภาควิชาดนตรีไทยในเช้านี้มีแค่ ทองไท กับผมที่เข้ามาในห้องเรียนก่อนใครเราทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่อนุบาลทั้งยังมีความชื่นชอบในเสียงดนตรีไทยเหมือนกันจึงเข้าเรียนในสาขาวิชาเดียวกันทองไทมีความสามารถอีกอย่างคือการขับร้องเสียงที่ใสกังวานดังนกการเวกก็ไม่ปานทำให้เขาเป็นที่จับตามองยิ่งนัก ผมเองก็มีควมถนัดในทางดนตรีโดยเฉพาะซอที่เป็นเครื่องดนตรีที่ชอบมาก ผมว่าเสียงซอมันไพเราะและเศร้าไปพร้อมๆกัน อ้อนอีอี้อีอ้อนออเสียงของซอเมื่อเรานำคันชักสีไปที่สายทำให้เกิดเสียงขึ้นมันช่างน่าฟัง เราสองคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนกระทั่งทองไทมีแฟนผมก็กับจูนแฟนของไอ้ไทเข้ากันไม่ค่อยได้ จูนเป็นสาวสวยอารมณ์คุณหนูหน่อยๆ จึงทำให้เราห่างกันมากขึ้น แม้วันนี้เราจะเข้าห้องมาพร้อมกันแต่เราก็ไม่ได้คุยกันอะไรมากเรานั่งรอจนเพื่อนเข้าห้องมา “เทอมนี้เราจะลงประกวดวงดนตรีไทยกันอาจารย์หวังว่าพวกเธอจะทำให้เต็มที่ ขุนพลกับทองไท อาจารณ์จะให้พวกเธอสองคนช่วยอาจารย์ดูแลการซ้อมโดยเฉพาะทองไทเป็นคนขับร้องทำให้ดี” เมื่อได้ยินอาจารย์พูดพวกเราก็ต่างตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ไปประกวดกับมหาวิทยาลัยอื่นในระดับประเทศ “อาจารย์ครับ” “ว่ายังไงขุนพลมีอะไรรึเปล่า” “ผมขอใช้ซอซ้อสามสายที่อยู่ในตู้ได้มั้ยครับ” ซอสามสายที่ว่าคือซอสามสายเก่าแกของภาควิชาเราเล่ากันว่าเป็นสมบัติของเจ้านายในวังสักท่าน ถึงจะเก่าแก่แต่มันยังสวยงาม ทันทวนทำจากไม้เนื้อดี ยิ่งถ่วงหน้าที่เป็นทับทิมสีแดงดังเลือดนกดูล้ำค่ายิ่งนัก ตอนแรกอาจารย์ก็ดูไม่ค่อยอยากจะให้ใช้เพราะคำร่ำลือเรื่องอาถรรพ์ แต่ผมก็ชักแม่น้ำทั้งห้าจนอาจารย์ยอม ผมว่าเรื่องอาถรรพ์อะไรนั้นมันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าของสิ่งของโบราณก็แค่นั้นยิ่งพวกเครื่องดนตรีที่มีครูบาอาจารย์แล้วเมื่อเก่ามาก็มีเรื่องเล่าต่างๆเป็นธรรมดา เมื่อผมได้สัมผัสกับซอสามสายมันช่างน่าหลงไหลทั่งน้ำเสียงที่ยังคงไพเราะทั้งที่ผ่านเวลามาหลายสิบปี หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปการซ้อมเป็นไปได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ทองไทยังมีน้ำเสียงที่น่าฟังดังเช่นเคยเป็นมา จนการทั้งเกิดความเจ็บแสบที่นิ้วมือของผม สายซอบาดนิ้วจนเลือดไหลออกมาโดนไปที่คันชักบางส่วนก็หยดลงไปโดนถ่วงหน้าที่เป็นทับทิม ผมรีบทำความสะอาดซอก่อนที่ทองไทจะเข้ามาพาผมไปทำแผล ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับเพื่อนคนนี้ผมรู้สึกมีความสุขตลอดเวลาจนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ "ไทขุนพลเป็นอะไรหรอ" เสียงของผู้หญิงคนนึงดังขึ้นผมรู้ทันทีว่าความสุขได้จบลงพร้อมกับเสียงของจูนแฟนสาวของทองไท "สายซอปาดมีเราอะ" ผมตอบแทนทองไทที่ตอนนี้เดินเอาอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บ "ออ จ้าไปกินข้าวกับพวกเรามั้ยขุนพลเรากับไทกำลังจะไปกินข้าว" "ไม่ละไปกันเถอะเราจะไปดูซิสักหน่อยไม่กี้มันโดนเลือด" ก่อนที่จูนกับทองไทจะขอตัวเดินออกไป "ฮักเขาคือบ่เอาเขามาเป็นของจะของละ" เสียงของใครสักคนดังขึ้นเป็นภาษาที่คล้ายกับภาษาลาวผมเคยไปเที่ยวลาวมาหลายครั้ง ผมมองหาต้นเสียงแต่มันไม่มีใครเลยในห้องนี้ ขนตามตัวลุกซู่มันทำให้ผมต้องรีบเดินออกมาจากจุดนั้นกลับไปที่ห้องซ้อมที่ตอนนี้เพื่อนๆออกไปกินข้าวหมดแล้วผมเดินไปดูซอสามสายที่วางอยู่บนชั้นวาง ก่อนที่เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้ผมสีซอตัวนั่นแต่เพลงที่ไหลอยู่หัวตอนนี้กลับเป็นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียวหวีดเศร้าแทรกทุกโสตประสาท มือที่ถูกบางอย่างบังคับให้ทำตามมันไปตอนนี้ตัวผมแข็งทื่อก่อนที่จะมีเสียงพูดดังขึ้นเสียงทุ่มนุ่มนั้นเย็นเยือก "เจ้าฮักเข้าข้ากะสิซ่อย" ผมรวบรวมกำลังหันกับไปด้านหลังก็พบกับหน้าของชายหนุ่มเหมือนเขาจะยอมปล่อยผมออกจากพันธนาการ ผมผลักตัวออกห่างจากเข้าจนเห็นร่างการชายผู้อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ ชายหนุ่มร่างขาวซีด ดวงหน้าอันงดงามที่ตอนนี้มีนัยตาขาวขุ่นนุ่งโจงกระเบนเข็มขัดทองไร้การสวมเสื้อทำให้เห็นความกำยำของชายผู้นี้ ผมขยับตัวไม่ได้อีกครั้งก่อนที่เข้าจะขยับเข้ามาใกล้มาทำให้ได้กลิ่นคล้ายดอกลั่นทม วิญญาณตนนั้นขยับหน้าเข้ามาก่อนที่จะพูดว่า "ข้าจะซ่อยเจ้า แต่เจ้ากะต้องซ่อยข้า ข้าสิเฮ็ดให้เจ้าได้เขามาเป็นของเจ้าดังใจ" วิญญาณนั่นหัวเราะในลำคอ ผมยังไม่ได้รับคำวิญญาณหนุ่มก็ประกบปากของเขาเข้ากับปากผมจากนั้นผมก็หมดสติไป
"ขุนๆ ตื่นๆ มานอนตรงนี้ทำไม" ขุนพลลืมตาขึ้นพบกับทองไท เข้าโผเข้ากอดเพื่อนโดยไม่แคร์สายตาของจูนที่ยืนมองอยู่ "ข้าน้อย เอ้ย! เราไม่สบายน่าจะเป็นลมพาเรากลับบ้านหน่อย" ทองไทพยุงเพื่อนสนิทลุกขึ้นก่อนจะประคองเดินออกจากห้องซ้อมไปจูนก็เดินตามหลังทั้งสองไปในอาการที่ไม่สบอารมณ์นักที่แฟนหนุ่มไม่สนใจเธอ