สวัสดีกระทู้แรกของปี 2565 ค่า ~ เพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิปทุกคน

กระทู้แรกของปีแบบนี้เราขอเปิดประสบการณ์ดีๆ ด้วยงบ “ครึ่งหมื่น” กับร้านโอมากาเสะลับๆ ที่บอกเลยว่าไม่ใช่แค่อร่อย แต่เจริญอาหารด้วย 5555555 เพราะทุกคนจะได้สนุก และอารมณ์ดีไปพร้อมกับเชฟในเวลาเดียวกันเลย (รีวิวเชฟนี่ขอเอาไว้ท้ายสุดเลยนะ)

.

.

ร้านนี้ชื่อร้านว่า ‘Sushi Sasuga Bangna’ (เชฟออกเสียงว่าซาซุงะ / สะสุงะ) เป็นร้านลับๆ ที่อยู่ในซอยบางนา-ตราด 21 ถ้าคนอยู่แถวนั้นจะรู้ว่าซอยนี้จะเป็นซอยเล็กๆ ค่ะ บรรยากาศร้านค่อนข้าง Private ที่นั่งไม่เยอะ ต้องจองโต๊ะก่อนเท่านั้นนะคะ ร้านไม่ใหญ่ ที่จอดรถจำกัด ใครได้แวะมากินก็ถือว่า Exclusive สุดๆ เลย

.

.

.

เข้าซอยไปร้านจะอยู่ด้านขวามือ มีป้ายสีขาวเขียนชื่อร้านไว้อยู่ค่ะ พอเลี้ยวเข้ามาในตัวร้านจะเป็นที่จอดรถเลย ส่วนทางเข้าร้านจะเป็นทางเดินด้านขวามือสุดที่มีป้ายชื่อร้านอยู่แบบนี้เลย ถ้าเดินตรงเข้าไปจะเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นตัวร้านเลยค่ะ

.

ตอนที่เราไปถึงพนักงานจะถามชื่อ และพาไปนั่งที่บาร์ พร้อมนำจาน ตะเกียบ ผ้าเช็ดมือ และเมนูน้ำมาให้เลือกก่อน ซึ่งจะมีทั้งสาเก และชาเขียวทั้งแบบร้อน และแบบเย็น ส่วนตัวเราเลือกแบบร้อนไปค่ะ พนักงานจะคอยเติมชาให้ตลอดระหว่างนั่งทานเลย

.

.

.

.

ก่อนจะเริ่มกันที่เมนูแรกขอเกริ่นก่อนว่าทุกเมนูที่ลองวันนี้อาจจะไม่เหมือนกับรอบที่ทุกคนไปลองแบบ 100% ด้วยความที่เป็นโอมากาเสะนะคะ และอาจจะมีบางเมนูที่ชื่อ หรือข้อมูลไม่ครบไปบ้างต้องขออภัยด้วย 55555 เนื่องจากเชฟเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ สื่อสารอาจจะตกหล่นไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยน้า

.

หลักๆ วันนี้มาแชร์ความรู้สึก ความประทับใจที่ได้ลอง และประสบการณ์จากเชฟเป็นหลักเลยค่ะ

.

มาเริ่มเมนูแรกที่เป็น Appetizer กันเลยดีกว่า~

.

.

.

เมนูเรียกน้ำย่อย หรือที่คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า “Otoshi (お通し)” เมนูนี้จะใช้เนื้อจากส่วนหัวของปลา รสชาติเค็มๆ หวานๆ มีความโชยุหน่อยๆ เสิร์ฟมาพร้อมต้นหอมญี่ปุ่นเพิ่มความหอม และความเผ็ดๆ ซ่าๆ ถือเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่เปิดต่อมรับรสได้ดีทีเดียวค่ะ

.

.

.

เมนูที่สอง “Shima Aji (しま鯵)” 

.

.

"ปลาชิมะอาจิ" ถือเป็นหนึ่งในปลาเนื้อขาวที่แพงมากชนิดนึงเลย ตัวนี้จะเสิร์ฟมาแบบซาซิมิ เนื้อจะนุ่มๆ แน่นๆ หอมกลิ่นเบิร์นบริเวณหนัง รสชาติจะออกเค็มๆ เพราะมีการราดซอสพิเศษบนเนื้อปลาด้วย กินแบบไม่จิ้มโชยุเราว่าอร่อยกว่า คำนี้จะเสิร์ฟคู่กับสาหร่ายไคโซสีแดงคล้ายแมงกะพรุน กรึบๆ เข้ากันกับเนื้อปลามาก

.

.

.

เมนูที่สาม “Uni Soup”

.

.

ต่อกันด้วยอูนิซุป หรือซุปหอยเม่น เป็นซุปใสๆ ค่ะ รสชาติหวานๆ เค็มๆ มีสาหร่ายวากาเมะ สาหร่ายไคโซสีแดง แล้วก็อูนิอยู่ในซุปเลย ตัวซุปรสชาติกลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับตัวอูนิที่มีความหวานละมุนมากค่ะ เมนูนี้จะแทบไม่ได้กลิ่นคาวของอูนิเลย ใครที่ปกติไม่ชอบอูนิอาจจะแฮปปี้กับเมนูนี้ได้ค่ะ

.

.

.

เมนูที่สี่ “Ankimo (鮟肝)”

.

.

ตับปลาอังกิโมะ ตับจากปลา Monkfish หรือที่เรียกว่าเป็น "ฟรัวกราส์แห่งท้องทะเล" นั่นเองทุกคน เป็นเมนูที่เสิร์ฟมาแบบเย็นพร้อมกัน 2 ชิ้นบนจานคู่กับวาซาบิ ตอนกินจะมีความหอมๆ มันๆ เนื้อสัมผัสนวลลิ้นมาก รสออกหวาน อร่อยมากกกก ~ เป็นเมนูที่อยากกินซ้ำมากค่ะ 55555555

.

.

.

เมนูที่ห้า “Chawanmushi (茶碗蒸し)”

.

.

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นเสิร์ฟมาในถ้วยชาสวยงามมากกกก ~ เสมือนอยู่ในวังแล้ว 1 ด้านในจะประกอบไปด้วยไข่ตุ๋นเนื้อละมุนคล้ายคัสตาร์ดตามสไตล์ญี่ปุ่น กระเจี๊ยบสไลด์บางๆ ไข่ปลา และกุ้ง รสชาติโดยรวมจะออกหวานๆ ถ้ากินตัดกับไข่ปลาที่มีรสเค็มหน่อยๆ จะลงตัวพอดีค่ะ

.

.

.

เมนูที่หก “Zuwaigani (ズワイガニ)”

.

.

ก้ามปูซูไว หรือปูหิมะ เป็นปูที่นิยมกินในช่วงฤดูหนาวค่ะ รสชาติเนื้อปูจะมีความหวาน เมนูนี้เชฟจะทำการย่างบนเตาฮิดะด้านหน้าเราเลยค่ะ ทำให้ตอนย่างจะได้กลิ่นหอมเนื้อปูชัดเจนมากกกก หลังจากย่างเสร็จเชฟจะราดตัวซอสด้านบน เป็นซอสที่มีความเข้มข้นตัดกับเนื้อปูค่ะ

.

.

.

เมนูที่เจ็ด “Gyoza (餃子 / ギョーザ)”

.

.

เกี๊ยวซ่าเป็นอีกเมนูนึงที่ใครชอบกินอาหารญี่ปุ่นต้องรู้จัก เมนูนี้เชฟทำเป็นเกี๊ยวซ่าที่ด้านในเป็นไส้ปลาขาวค่ะ ตัวเกี๊ยวซ่ามาแบบกรอบกรุบ แป้งบางๆ ขนาดชิ้นพอดีคำ ราดด้วยซอสที่มีความเผ็ดเล็กน้อย เนื้อปลาด้านในเด้งๆ มีสาหร่ายด้านบนอีกที อันนี้ก็เป็นอีกคำที่อยากซ้ำค่ะ.. แบบว่าชิ้นเดียวไม่พอค่ะเชฟฟฟฟ~

.

.

.

เมนูที่แปด

.

.

เมนูนี้จะเป็นปลาไข่ที่ไม่ใช่ชิชาโมะ เราไม่แน่ใจสายพันธุ์ปลา แต่ขนาดตัวจะใหญ่กว่าชิชาโมะค่ะ รสชาติเค็มๆ หวานๆ ไข่ด้านในมาแบบแน่นๆ ตัวเนื้อปลาเองก็แน่นเหมือนกันนะ รสชาติจะออกเค็มๆ หน่อยเพราะมีการหมักซอสเอาไว้ มีเม็ดพริกไทยหอมๆ กับสาหร่ายคอมบุที่รสออกหวานค่ะ เสิร์ฟมาชิ้นพอดีคำ 2 ชิ้นเลย

.

.

.

เมนูที่เก้า

.

.

เมนูนี้จะเป็นแซลมอนดองซอส รสชาติจะเปรี้ยวๆ นิดนึงจากน้ำดอง ตัวเนื้อปลาจะสุกมาประมาณนึง ไม่เหมือนกับแซลมอนดองเกาหลีแบบที่ฮิตกันนะ กินคู่กันกับหัวไชเด้าดองที่เสิร์ฟมาด้วยกันเข้ากันมากค่ะ ส่วนตัวแอบประทับใจไชเท้าดองอะ กรอบดีมาก รสชาติไม่เปรี้ยวโดด อมหวานหน่อยๆ

.

.

หลังจากเสิร์ฟเมนูเมื่อกี้ไป เชฟจะนำขิงดองมาเสิร์ฟให้เพื่อเป็นการตัดรสชาติก่อนที่จะไปเมนูอื่นๆ และพักการทำลงครู่นึง เหมือนเป็นช่วงให้เบรคท้องก่อน 55555555

.

.

รสชาติบอกเลยว่าเผ็ดร้อนมากกว่าขิงดองปกติที่เคยกิน โดยเฉพาะตอนปลายๆ ยิ่งใครกินคู่กับชาร้อน บอกเลยว่าโล่งงง

.

ต้องบอกก่อนว่าที่นี่มีเชฟแค่คนเดียวนะคะ ทำให้บางครั้งระหว่างที่ทำให้เราอยู่ ก็จะมีทำให้คนอื่นไปด้วยเช่นกัน แต่ดีตรงที่ไม่กดดันค่ะ คือเชฟไม่ต้องรอเราถ่ายรูป เราเองก็ไม่ต้องรีบกินด้วย มีระยะเวลาให้นั่งดูเชฟทำ ถ่ายรูปกรุบกริบ แล้วก็กินแบบให้ได้รู้รสจริงๆ จังๆ

.

หรือบางครั้งระหว่างเสิร์ฟเราเสร็จ จังหวะที่เรากำลังถ่ายรูปกันเชฟก็จะมาเล่นมุข มาชวนคุยด้วย บอกเลยว่าแฮปปี้มากค่ะ

.

.