JJNY : หมูสดแพงหูฉี่ ข้าวแกงกุมขมับ│ทักษิณโวยไม่รู้เรื่องขับพัลลภ│“หมอชลน่าน” โชว์หลักฐาน│สุรชาติลงตลาดเช้าเมืองทอง 1

เนื้อหมูสด แพงหูฉี่ ราคาพุ่งโลละ 230-250 บาท แม่ค้าข้าวแกง กุมขมับ ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ขาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6815585
 
 
โคราช เนื้อหมูสด แพงหูฉี่ ราคาพุ่งโลละ 230-250 บาท แม่ค้าข้าวแกง กุมขมับ ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ขาย วอนรัฐช่วยเหลือ พบผู้ประกอบการบางราย หยุดชำแหละหมู
 
วันที่ 4 ม.ค.2565 ผู้สื่อข่าวงลงพื้นที่สำรวจ ราคาหมู ในตลาดเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พบว่าเนื้อหมู มีคาแพงเพิ่มขึ้นอีกหลังเทศกาลปีใหม่ โดยที่มีการปรับขึ้นเมื่อวันกิโลกรัมละ 10 บาท ทำให้ตอนนี้หมูที่ขายกันอยู่หน้าเขียงอยู่ที่กิโลกรัมละ 230-250 บาท และจากราคาหมูที่แพงขึ้นและราคายังไม่นิ่งทำให้ผู้ประกอบการที่ชำแหละหมูส่งขายบางราย ต่างหยุดชำแหละหมูเนื่องจากหมูมีราคาสูงขึ้น ในส่วนของแม่ค้าที่ขายหมูหน้าเขียง ยังขายอยู่ได้เพราะมีลูกค้าประจำ
 
อย่างเช่นบรรดาร้านอาหารต่างๆ แต่ก็ได้กำไรน้อยหรือบางครั้งอาจไม่ได้กำไรเลย นอกจากนี้ร้านขายหมูบางร้านถึงกับต้องหยุดขายหมูชั่วคราวเพราะหมูที่รับมามีราคาแพงทำให้ขายหน้าร้านลำบาก
 
(ภาพ2)ขณะเดียวกันปัญหาหมูแพงยังส่งผลกระทบไปยังแม่ค้าขายอาหารที่ต้องปรับตัวตามราคาหมู เช่น การขึ้นราคาอาหารที่ทำมาจากหมู แต่บางร้านได้มีการคุยกับลูกค้าว่าขอลดปริมาณอาหารลงแทนการขึ้นราคาอาหาร
 
ป้าอ้อย แม่ค้าขายข้าวแกงในตลาดแม่กิมเฮง อ.เมือง จ.นครราชสีมา บอกว่า ในช่วงที่หมูแพงตอนแรกมีการปรับตัวคือการตักแกงให้น้อยลงแต่ลูกค้าไม่ค่อยพอใจจึงต้องปรับอีกครั้งด้วยการยกเลิกอาหารที่มีหมูเป็นส่วนประกอบ โดยเหลือแต่เพียงเมนูที่มีไก่และปลาเป็นส่วนประกอบ อย่างแกงเผ็ดฟักทองเมื่อก่อนเคยใส่หมูก็เปลี่ยนมาเป็นไก่แทน
 
ป้าอ้อย บอกอีกว่า เมื่อเช้านี้ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขายของ เนื่องจากไปซื้อวัตถุดิบส่วนประกอบมาเพื่อจะทำแพนงหมูขาย พอทำเสร็จตักใส่ถุงมานั่งคำนวนดูคิดแล้วว่าขาดทุน แต่เมื่อทำแล้วก็ต้องขาย โดยขายได้เพียง 650 บาท ขาดทุนไปกว่าครึ่ง จึงอยากวอนรัฐบาลหรือหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคเร่งเข้ามาดูแลเนื่องจากราคาหมูขึ้นเกินราคา ทำให้ตนและแม่ค้ารายอื่นๆได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก.


 
ทักษิณโวยไม่รู้เรื่องขับพัลลภพ้นเพื่อไทย ยันไม่เคยคุยกันมานาน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_3115624

ทักษิณโวยไม่รู้เรื่องขับพัลลภพ้นเพื่อไทย ยันไม่เคยคุยกันมานาน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพรรค
 
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ The Room 44 กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตั้งใจจะอยู่อีกสมัยว่า ตั้งใจได้ แต่ด้วยข้อกฎหมาย ความสามารถ และการยอมรับของประชาชน มือในสภาจะมีมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ศรัทธาประชาชนสำคัญกว่า ถ้าศรัทธาหมดก็ลำบาก เพราะเท่าที่ดูศรัทธาประชาชนน้อยลง เนื่องจากไม่ได้แก้ปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่  ท่านแก้ปัญหาในสิ่งที่อยากทำ สนิมเกิดจากเนื้อในตน คิดว่าความขัดแย้งคงเป็นเรื่องของพรรคฝั่งรัฐบาลมากกว่า ฝ่ายค้านทำอะไรได้ยาก เพราะจำนวนน้อยกว่า มองว่า พรรคร่วมยังคงสนุกสนานอยู่ คงยังไม่แตกแถว ถ้าแตกคงเป็นพรรครัฐบาลเอง
 
เมื่อถามว่าอำนาจของกลุ่ม 3 ป.จะประคองรัฐบาลได้แค่ครึ่งปี หรือผ่านพ้นไปได้ นายทักษิณกล่าวว่า เรื่องอำนาจ 3 ป. ตนไม่ได้สนใจ แต่สนใจเรื่องศรัทธาประชาชนเสื่อม เรื่องไม่สามารถในการแก้ปัญหา เนื่องจากทั้ง 3 ป.ไม่ช่วยแก้ปัญหา
 
เมื่อถามว่าจุดจบรัฐบาลจะลงเอยอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วไม่ได้เลือกกลับมา เป็นจุดจบที่นิ่มสวยงามที่สุด
 
เมื่อถามว่าทำไมช่วงนี้มีคนจ้องยุบพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยบอกว่านายทักษิณแทรกแซง ทั้งที่อยู่ต่างประเทศ นายทักษิณกล่าวว่า มีบางคนได้ประโยชน์ ถ้าพรรค พท.ถูกยุบ มีพรรคได้ประโยชน์อยู่ อย่างกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษานายกฯ และอดีตนายทหารยังเติร์ก ที่ออกมาระบุเรื่องถูกขับออกจากพรรค ตนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้โทรศัพท์คุยกับ พล.อ.พัลลภมาหลายปีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก็สงสัยทำไมมาโวยเช่นนี้ ตนไม่ทราบเลย งานประชุมพรรคที่ จ.ขอนแก่น เป็นงานประชุมสมาชิกพรรค ไม่ใช่การประชุมกรรมการบริหารพรรค หลังมีข่าวดังกล่าวออกมาตนไม่ได้โทรศัพท์คุยกับ พล.อ.พัลลภแต่อย่างใด
  
เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพรรคเพื่อไทยสุ่มเสี่ยงมาก นายทักษิณกล่าวว่า คนกล่าวหาก็กล่าวหาได้ทั้งนั้น ถามว่าตนทำจริงหรือไม่ ไม่มี ตนไม่รู้เรื่องเลย และพรรคการเมืองใหญ่เช่นนี้การยุบเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่ยุบง่ายๆ ถ้าไม่ทำอะไรกระทบความมั่นคง ยืนยันที่ผ่านมาตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำกิจกรรมของพรรค พท. เพียงแต่พูดคุยกันในฐานะคุ้นเคยรู้จักในเรื่องทั่วๆ ไป
 


“หมอชลน่าน” โชว์หลักฐาน “พลเอกพัลลภ” ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
https://ch3plus.com/news/program/273036

“หมอชลน่าน” โชว์หลักฐาน “พลเอกพัลลภ” ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ชี้ไม่มีใครปลดได้นอกจากทำผิดวินัยร้ายแรง ยันไม่เคยพูด”ทักษิณ”สั่งปลด เตรียมฟ้องกลับหากใครร้องยุบเพื่อไทยกรณีดังกล่าว
 
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นำหลักฐานการ เป็นสมาชิกพรรคของพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี มาชี้แจ้งถึงกรณีที่ออกมาระบุว่าถูกนายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลดออกจากพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง พลเอกพัลลภยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ และเป็นสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ เรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนจากการบุคคลที่ไปสื่อสาร เนื่องจากไม่มีชื่อไปร่วมประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อเดือนตุลาคม 2564
 
แต่การประชุมใหญ่ดังกล่าวเป็นการประชุมใหญ่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องการระบาดของโควิดมีผู้เข้าร่วมประชุมเพียง 509 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส. กรรมการบริหารพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคเพียง 91 คน ซึ่งเลือกเฉพาะคนที่เดินทางได้สะดวก และไม่สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด ทั้งนี้ยังมีผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนที่ไม่ถูกเชิญมาร่วมประชุมด้วย เช่นนายเสนาะ เทียนทอง พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ นายพงษ์ศักดิ์ รักพงษ์ไพศาล เป็นต้น
 
ยืนยันตามข้อบังคับพรรคไม่มีใครสามารถปลดสมาชิกพรรคได้ นอกจากบุคคลนั้น จะผิดวินัยร้ายแรง ทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องมีมติขับออก หรือบุคคลนั้นจะตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติ ไม่จ่ายค่าสมาชิกติดต่อกันสองปี พรรคถูกยุบ
  
ดังนั้นการกล่าวอ้างถึงนายทักษิณเป็นคนสั่งปลด ซึ่งเป็นคนนอก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นอิสระ ไม่มีใครครอบงำ หรือสั่งการได้
ส่วนที่มีการกล่าวอ้างถึงตนเอง ว่าเป็นคนยอมรับเองว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นคนสั่งการ นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ ตนเองเป็นหัวหน้าพรรค ย่อมมีความระมัดระวังอยู่แล้ว เนื่องจากมีคนที่จ้องจะยุบพรรคเพื่อไทยอยู่ตลอด

รวมถึงกรณีนี้ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จะไปยื่นร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายยุบพรรคหรือไม่ ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดอยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริง เมื่อไม่มีการปลดหากจะร้องให้ตรวจสอบ แต่เจตนาคือต้องการให้ยุบพรรคเพื่อไทย หากไปร้องจริง พรรคอาจจะพิจารณายื่นฟ้องกลับ ข้อหาร้องเท็จ

นายแพทย์ชลน่านกล่าวอีกว่า เมื่อ วานนี้หลังเป็นข่าวได้โทรศัพท์มาไปชี้แจงทำความเข้าใจกับพลเอกพัลลภแล้ว ซึ่งพลเอกพัลลภก็เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และส่วนตัวจะหาเวลาเข้าไปกราบพลเอกพัลลภ เพราะเป็นบุคคลเคยช่วยเหลือตนเองไว้จริง ตามที่พลเอกพัลลภกล่าวไว้ อีกทั้งพลเอกพัลลภยังเป็นบุคคลที่พรรคให้ความเคารพเพราะเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญต่อพรรคตอนนี้ยังติดขัดเรื่องการระบาดของโควิด จึงต้องรอโอกาสที่เหมาะสม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่