ความรู้สึกนี้มันเกิดตั้งแต่สมัย ม.ปลาย เราเป็นคนเรียนไม่เก่ง คนเงียบ INFP-T ชอบช่างแต่เข้าวิทย์คณิต เพราะที่บ้านไม่อยากให้เข้าปวช ในช่วงม.ปลาย เราก็ได้เจอกับเพื่อนเก่าและใหม่ แรกๆสนิทกันดี พอหลังๆเหมือนเริ่มเป็นอากาศ เพื่อนในห้องเริ่มไม่มีใครต้องการเรา ถ้างานกลุ่มเหลือเศษเราคนเดียวไม่มีใครอยากเอาเข้ากลุ่ม มีเพียงกลุ่มเพื่อนเรา5คนที่ยังยอมรับฟังช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่างๆถ้าเราหายไปไม่มีใครตามหา งานกีฬาสีม.6 เราไปเก็บของให้ ที่ตึกเรียนชั้น3 เราเห็นเพื่อนกำลังถ่ายรูปหมู่ เราก็รีบวิ่งสุดชีวิต ทันรูปชอตสุดท้าย ไม่มีใครรออหรือตามเราเลย เราก็เริ่มมีน้อยใจแล้วตอนนั้น เพื่อนสนิทเรายังถามว่าไปไหนมา แต่คนอื่นในห้องนี้สิ เราเป็นคนเดียวนะที่คอยซื้อของซื้อข้าวเช้าให้เพื่อน เพราะเอามอไซมาคนเดียว พอจบม.6ไป แผลที่เจ็บที่สุดและทำให้เรารู้ว่าทำไมความสัมพันธ์เหมือนอากาศ
เราเข้าเรียนปวส2 ช่วงปีใหม่มีรวมกลุ่มกับห้องตลอดเราจะไปกินเหล้าบ้านเพื่อน เป็นเพื่อน ม.1-ปัจจุบัน เชื่อไหม 2 วัน ทุกคนคุยกับเรา2ประโยค งานเราช่วยเกือบทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้มันทำให้เราจุกมาก เราถามอะไรก็เหมือนไม่ได้ยินหรือเสียงเราไม่ดังไปถึงหูเพื่อน ทั้งที่นั่งใกล้กันมาก ได้แต่นั่งกินเหล้าคนเดียวไป เราก็ไปเมานอนในท่อปูนใหญ่อยู่ด้านหลังพุ่มไม้ที่กินเหล้ากัน นอนได้ยินหมดคุยอะไรกัน เพื่อนสนิทเราชื่อโอ๊ต ได้เดินเรียกชื่อตามหาเรา เพื่อนอีกคนบอกไม่ต้องตามเรา ปล่อยมันไป โห...ไอเหี๊ย
แบบบอกไม่ถูกเลย วันนั้นกินเหล้าสูบบุหรี่จัดมาก ปกติแทบไม่ยุ่งเกือบเลิกด้วยซ้ำ เราก็โทรหาเพื่อนอีกคนนึงแล้วเล่าระบายกับเรื่องพวกนี้ หลังจากวันนั้น เราขอเดินออกจากกลุ่มเพื่อนแทน
เมื่อปีที่แล้วมีงานแต่งเพื่อนรวมกลุ่มกันอีกครั้ง เราก็เฉยทำตัวเหมือนปกติ ปกติไม่ได้เจอกันนานก็ต้องทักทายเราก็ ทักตามปกติแต่สิ่งที่รับรู้ได้คือความเงียบ นอกจากเพื่อนเจ้าของงาน กับเพื่อนบางคน ชนกลุ่มน้อย ในใจถามตัวเอง แบบนี้อีกแล้วหรอ
ผ่านพ้นงานแต่งไป เริ่มวันหยุดปีใหม่ปกติจะไปกินเหล้ากับเพื่อน แต่เราเลือกลางาน ไปเดินทางคนเดียวดีกว่าเพื่อตามหาตัวตนกับคำตอบบางอย่าง กรุงเทพสู่เบตง โดย เรดเดอร์150 (เดี๋ยวเล่าอีกโพสต์สนุกมาก)
หลังจากนั้น โอ๊ตชวนเรากินชาบู กับเพื่อนที่กินเหล้าตอนนั้น เราก็ตัดสินใจลองไปเผื่อดีขึ้น สรุปเงียบสัส ทั้งโต๊ะนั่งคุยกับโอ๊ต2คน เราพยายามถามคนอื่นเหมือนไม่ได้ยินต้องถามซ้ำหลายรอบถึงตอบ เพื่อนบอกว่าฟังไม่ได้ยิน ไม่ชัด เราก็ไม่ว่าอะไร
ปี64ก็เจอกันบ่อย แต่เราขอเลือกที่จะหายไปเงียบๆ จนเค้าดาวที่ผ่านมา ไปกับเพื่อนอีกห้อง มีเพื่อนสนิทเราชื่อแบงค์ปามห้องนี้หลายคนเราก็ไม่สนิทมาก แต่เรารู้สึกอบอุ่นกว่าห้องตัวเอง เพื่อนบางคนก็รู้ว่าทำไมผมอยู่ๆถึงมาเค้าดาวด้วย พยายามช่วยปลอบจนเกือบร้องไห้ แต่มีคนนึงดันปล่อยมุกออกมาก่อน ขอบคุณเพื่อนห้อง2มากๆ เราอยู่ห้อง1เด็กgifted จนทำให้รู้ว่า ไม่เกี่ยวกับสนิทหรือไม่สนิท สังคมหรือไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ต่างกัน ผมรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกอย่างนึงที่ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน ที่ตัวผมรู้สึกเป็นอากาศส่วนเกิน จนได้เจอเพื่อนใหม่ห้อง2และ ปวสและตอนจบทำงานยันปัจจุบัน มันช่วยเยียวยาแผลจุดนั้นของผมมาตลอด ผมเรียนห้อง1มาตลอด6ปีแต่รู้สึกห้อง2รู้จักกันตอน ม.ปลาย ทำให้ผมอบอุ่นมากกว่า ผมอยากรู้มีใครเจอแบบผมบ้างไหม และกว่าจะได้เจอคนที่เยียวแผลของเราจริงๆนานแค่ไหน ถ้าเพื่อนมาเห็นกูอยากรู้จริงว่าพวกจะตอบยังไง??
ผมเป็นส่วนเกินในกลุ่มเพื่อนจริงๆใช่ไหม กว่าจะเจอเพื่อนที่ดีนานไหม
เราเข้าเรียนปวส2 ช่วงปีใหม่มีรวมกลุ่มกับห้องตลอดเราจะไปกินเหล้าบ้านเพื่อน เป็นเพื่อน ม.1-ปัจจุบัน เชื่อไหม 2 วัน ทุกคนคุยกับเรา2ประโยค งานเราช่วยเกือบทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้มันทำให้เราจุกมาก เราถามอะไรก็เหมือนไม่ได้ยินหรือเสียงเราไม่ดังไปถึงหูเพื่อน ทั้งที่นั่งใกล้กันมาก ได้แต่นั่งกินเหล้าคนเดียวไป เราก็ไปเมานอนในท่อปูนใหญ่อยู่ด้านหลังพุ่มไม้ที่กินเหล้ากัน นอนได้ยินหมดคุยอะไรกัน เพื่อนสนิทเราชื่อโอ๊ต ได้เดินเรียกชื่อตามหาเรา เพื่อนอีกคนบอกไม่ต้องตามเรา ปล่อยมันไป โห...ไอเหี๊ยแบบบอกไม่ถูกเลย วันนั้นกินเหล้าสูบบุหรี่จัดมาก ปกติแทบไม่ยุ่งเกือบเลิกด้วยซ้ำ เราก็โทรหาเพื่อนอีกคนนึงแล้วเล่าระบายกับเรื่องพวกนี้ หลังจากวันนั้น เราขอเดินออกจากกลุ่มเพื่อนแทน
เมื่อปีที่แล้วมีงานแต่งเพื่อนรวมกลุ่มกันอีกครั้ง เราก็เฉยทำตัวเหมือนปกติ ปกติไม่ได้เจอกันนานก็ต้องทักทายเราก็ ทักตามปกติแต่สิ่งที่รับรู้ได้คือความเงียบ นอกจากเพื่อนเจ้าของงาน กับเพื่อนบางคน ชนกลุ่มน้อย ในใจถามตัวเอง แบบนี้อีกแล้วหรอ
ผ่านพ้นงานแต่งไป เริ่มวันหยุดปีใหม่ปกติจะไปกินเหล้ากับเพื่อน แต่เราเลือกลางาน ไปเดินทางคนเดียวดีกว่าเพื่อตามหาตัวตนกับคำตอบบางอย่าง กรุงเทพสู่เบตง โดย เรดเดอร์150 (เดี๋ยวเล่าอีกโพสต์สนุกมาก)
หลังจากนั้น โอ๊ตชวนเรากินชาบู กับเพื่อนที่กินเหล้าตอนนั้น เราก็ตัดสินใจลองไปเผื่อดีขึ้น สรุปเงียบสัส ทั้งโต๊ะนั่งคุยกับโอ๊ต2คน เราพยายามถามคนอื่นเหมือนไม่ได้ยินต้องถามซ้ำหลายรอบถึงตอบ เพื่อนบอกว่าฟังไม่ได้ยิน ไม่ชัด เราก็ไม่ว่าอะไร
ปี64ก็เจอกันบ่อย แต่เราขอเลือกที่จะหายไปเงียบๆ จนเค้าดาวที่ผ่านมา ไปกับเพื่อนอีกห้อง มีเพื่อนสนิทเราชื่อแบงค์ปามห้องนี้หลายคนเราก็ไม่สนิทมาก แต่เรารู้สึกอบอุ่นกว่าห้องตัวเอง เพื่อนบางคนก็รู้ว่าทำไมผมอยู่ๆถึงมาเค้าดาวด้วย พยายามช่วยปลอบจนเกือบร้องไห้ แต่มีคนนึงดันปล่อยมุกออกมาก่อน ขอบคุณเพื่อนห้อง2มากๆ เราอยู่ห้อง1เด็กgifted จนทำให้รู้ว่า ไม่เกี่ยวกับสนิทหรือไม่สนิท สังคมหรือไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ต่างกัน ผมรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกอย่างนึงที่ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน ที่ตัวผมรู้สึกเป็นอากาศส่วนเกิน จนได้เจอเพื่อนใหม่ห้อง2และ ปวสและตอนจบทำงานยันปัจจุบัน มันช่วยเยียวยาแผลจุดนั้นของผมมาตลอด ผมเรียนห้อง1มาตลอด6ปีแต่รู้สึกห้อง2รู้จักกันตอน ม.ปลาย ทำให้ผมอบอุ่นมากกว่า ผมอยากรู้มีใครเจอแบบผมบ้างไหม และกว่าจะได้เจอคนที่เยียวแผลของเราจริงๆนานแค่ไหน ถ้าเพื่อนมาเห็นกูอยากรู้จริงว่าพวกจะตอบยังไง??