The Hand of God (2021)
" เด็กหนุ่ม เมืองเนเปิลส์ และมาราโดน่า... ทั้งสามอย่างถูกร้อยเรียงออกมาอย่างงดงามผ่านสายตาของหนังเรื่องนี้ "
สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน... หลังจากที่ผมได้รีวิวเรื่อง
Asakusa Kid (2021) ของ
Netflix ไป ผมมีภาพยนตร์อีกเรื่องอยากจะมาแนะนำทุกท่าน ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้ดีกรีติดอยู่ใน Shortlist ของออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และหลังจากที่ผมได้ชม ก็รู้สึกว่า หนังมีแนวโน้มสูงที่จะได้เข้าชิงในรอบสุดท้ายด้วยเช่นกัน ตัวหนังยังคว้ารางวัลใหญ่ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลายแห่ง เช่น คว้า
Best Film ใน
เทศกาลภาพยนตร์เวนิส (Venice Film Festival)... เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ก็ขออนุญาติเข้าสู่ช่วงรีวิวเลยละกัน โดยหนังที่ผมจะรีวิวนี้ก็เรื่อง
The Hand of God (2021)
เรื่องย่อ
The Hand of God | Netflix
The Hand of God (2021) เป็นหนังสัญชาติอิตาลีและได้รับการกำกับโดย
Paolo Sorrentino ตัวหนังกล่าวถึง ชีวิตของหนุ่มน้อย
ฟาบีเอ็ตโต (Filippo Scotti) ที่อาศัยอยู่ใน
เมืองเนเปิลส์ (Naples) ในปี 1980 ฟาบีเอ็ตโตมีครอบครัวที่อบอุ่นและถูกโอบล้อมด้วยผู้คนรอบกายที่มีลมหายใจเข้าออกเป็นกีฬาฟุตบอลและ
ดิเอโก้ มาราโดน่า (ณ เวลานั้น มาราโดน่าได้ย้ายทีมมาเล่นให้กับนาโปลี ซึ่งเป็นทีมประจำเมืองเนเปิลส์) ขณะเดียวกันฟาบีเอ็ตโตก็มีความฝันอยากเป็นนักสร้างหนัง ทว่าก็เกิดเหตุการณ์พลิกผันชีวิตของฟาบีเอ็ตโต และเขาต้องหาทางฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
ความรู้สึกหลังได้ชม
-
The Hand of God (2021) ด้วยตัวหนังมีวิธีการเล่าสไตล์หนังนอกกระแส / หนังอาร์ต ที่ไม่ได้ดำเนินเรื่องด้วยความเร่งรีบ ฉับไว แต่ใช้การค่อยๆ เล่าเรื่องผ่านบริบท พร้อมกับขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความประณีต เป็นศิลปะ ส่งผลให้หนังมีวิธีเล่าที่คมคาย
- จุดที่น่าสนใจของหนังคือ
"การผูกชีวิตของฟาบิเอ็ตโตเข้ากับเมืองเนเปิลส์" เมืองเนเปิลส์เป็นเมืองที่เปี่ยมด้วยความคลาสสิค ตลอดทั้งเรื่องหนังทำให้เราได้เห็นถึงบรรยากาศอันน่าทึ่งในเมืองเนเปิลส์... เช่นเดียวกับฟาบิเอ็ตโต้ที่เติบโตมาในเมืองเนเปิลส์ ชีวิตของเขาถูกผูกติดกับเมืองเนเปิลส์ในฐานะสถานที่ร้อยเรียงความทรงจำระหว่างฟาบิเอ็ตโต้กับผู้คนรอบข้าง ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับเมืองเนเปิลส์จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในหนัง เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช่น เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมของครอบครัวกระแทกเข้าสู่ฟาบิเอ็ตโต ความสัมพันธ์ระหว่างฟาบิเอ็ตโต้และเมืองเนเปิลส์จึงเปลี่ยนไป และท้ายที่สุด ฟาบิเอ็ตโต้ก็ตัดสินใจออกจากเมืองเนเปิลส์
- ความน่าสนใจที่สองคือ
"ความสัมพันธ์ระหว่างฟาบิเอ็ตโตกับทีมนาโปลี โดยเฉพาะมาราโดน่า" หนังได้ร้อยเรียงชีวิตของฟาบิเอ็ตเข้ากับทีมนาโปลีและมาราโดน่าได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่วันที่มาราโดน่าเดินทางมาเซ็นต์สัญญาเพื่อย้ายมาเล่นให้กับนาโปลี จนกระทั่งมาราโดน่าพาทีมนาโปลีคว้าแชมป์ลีกอิตาลี เรื่องราวทั้งหมดล้วนสอดรับกับชีวิตของฟาบิเอ็ตโต้ (ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม) ทั้งสิ้น
-
เด็กหนุ่ม เมืองเนเปิลส์ และมาราโดน่า จึงเป็นสามแกนหลักของหนัง... ต้องชื่นชมว่า ผู้สร้างสามารถร้อยเรียงทั้งสามอย่างนี้ได้อย่างงดงามและคมคาย รวมถึงการใช้ Symbolic ต่างๆ ในการเล่าเรื่อง และจากจุดนี้เองก็ทำให้ขณะที่เราดู ต้องใช้ความคิดมากขึ้นด้วยเช่นกัน
- ประเด็นหลักที่หนังโฟกัสอีกอย่างก็คือ เรื่อง
"การก้าวข้ามผ่านความทุกข์ในชีวิตของฟาบิเอ็ตโต้ ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านจากการเป็นเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่" ฟาบิเอ็ตโต้เผชิญกับความยากลำบากในชีวิต จนจิตใจแทบแหลกสลาย และต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับมัน ในขณะเดียวกัน เมื่อจิตใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว ก็คือช่วงเดียวกับที่เขาไม่หลงเหลือความเป็นเด็กอีกต่อไป และต้องก้าวข้ามไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งให้ได้
- หนังมีลูกเล่นที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะมุกตลกร้ายแกมเสียดสีจิกกัดในเรื่อง และนำเสนอไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาลีได้น่าสนใจ วัฒนธรรมการอยู่กันแบบครอบครัว อุปนิสัยของคนอิตาลีทางตอนใต้ที่มีอารมณ์ขัน ครื้นเครง มีความสนุกสนานในการใช้ชีวิต (ทั้งยังทำให้ชีวิตดูไม่เป็นระเบียบเท่าไร) การแต่งตัวของชาวอิตาลีในยุค 80 ที่เท่มากๆ คล้ายๆ กับใน Call Me by Your Name... จากจุดนี้หนังทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตอีกแบบหนึ่งที่แปลกตา (สำหรับผม หลังจากดูหนังแล้วรู้สึกอยากขี่ Vespa เท่มาก 😂)
- ในส่วนงานภาพและดนตรีประกอบภาพยนตร์ ทั้งสองอย่างนี้ทำได้น่าประทับใจ งานภาพถูกถ่ายอย่างสวยงามผ่านบรรยากาศของเมืองเนเปิลส์ (ซึ่งสวยในทุกอณู แต่ก็ไม่เป็นระเบียบ 😂) ในพาร์ทดนตรีก็เลือกใช้เพลงคลาสสิคเป็นดนตรีหลัก เพื่อขับเน้น Emotion ของหนัง / เพลงประกอบในฉากสุดท้าย เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจ เนื่องจากเพลงเพราะมาก แถมตัวเพลงยังบรรยายถึงเมืองเนเปิลส์โดยเฉพาะ เรียกว่าเลือกเพลงมาอย่างลงตัว (เพลงมีชื่อว่า
"Napule È")
The Hand of God Soundtrack / Étude 3” by Nadia Sirota
Pino Daniele - Napule è (con testo e traduzione)
สรุป
The Hand of God (2021) จัดเป็นหนัง Comming of Age ที่เปี่ยมด้วยความอาร์ตสไตล์อิตาลีและถือว่าน่าสนใจในปีนี้ รวมถึงมีแนวโน้มที่จะได้เข้าชิงออสการ์... แม้ว่าตัวหนังจะไม่ใช่หนังดูง่าย เนื่องจากเราต้องใช้ความคิดในการดู (คล้ายกับการเสพงานศิลปะ) แต่หนังก็มีวิธีการผูกเรื่องที่น่าสนใจ เนี้ยบ พิถีพิถัน จนต้องยกนิ้วให้กับผู้กำกับ นอกจากนี้หนังนำเสนอภาพเมืองเนเปิล์ได้อย่างงดงาม และไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาลี ซึ่งแปลกตาไปอีกแบบ
The Hand of God จึงเหมือนกับอาหารคุณภาพดีที่ท้าทายผู้ชิมในการลิ้มลอง หากใครชื่นชอบหนังนอกกระแส / หนังอาร์ตคุณภาพดี หรืออยากจะหารสชาติใหม่ในการดูหนัง ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง แนะนำเลยครับ!
_________________________________
ป.ล. เนื่องจากในหนังมีฉากเปลือยและมีช็อต Sex Scene หนังเลยถูกจัดให้เป็นเรต 18+
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
[CR] [Netflix] The Hand of God (2021) - เด็กหนุ่ม เมืองเนเปิลส์ และมาราโดน่า
เรื่องย่อ
ความรู้สึกหลังได้ชม
- The Hand of God (2021) ด้วยตัวหนังมีวิธีการเล่าสไตล์หนังนอกกระแส / หนังอาร์ต ที่ไม่ได้ดำเนินเรื่องด้วยความเร่งรีบ ฉับไว แต่ใช้การค่อยๆ เล่าเรื่องผ่านบริบท พร้อมกับขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความประณีต เป็นศิลปะ ส่งผลให้หนังมีวิธีเล่าที่คมคาย
- จุดที่น่าสนใจของหนังคือ "การผูกชีวิตของฟาบิเอ็ตโตเข้ากับเมืองเนเปิลส์" เมืองเนเปิลส์เป็นเมืองที่เปี่ยมด้วยความคลาสสิค ตลอดทั้งเรื่องหนังทำให้เราได้เห็นถึงบรรยากาศอันน่าทึ่งในเมืองเนเปิลส์... เช่นเดียวกับฟาบิเอ็ตโต้ที่เติบโตมาในเมืองเนเปิลส์ ชีวิตของเขาถูกผูกติดกับเมืองเนเปิลส์ในฐานะสถานที่ร้อยเรียงความทรงจำระหว่างฟาบิเอ็ตโต้กับผู้คนรอบข้าง ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับเมืองเนเปิลส์จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในหนัง เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ความน่าสนใจที่สองคือ "ความสัมพันธ์ระหว่างฟาบิเอ็ตโตกับทีมนาโปลี โดยเฉพาะมาราโดน่า" หนังได้ร้อยเรียงชีวิตของฟาบิเอ็ตเข้ากับทีมนาโปลีและมาราโดน่าได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่วันที่มาราโดน่าเดินทางมาเซ็นต์สัญญาเพื่อย้ายมาเล่นให้กับนาโปลี จนกระทั่งมาราโดน่าพาทีมนาโปลีคว้าแชมป์ลีกอิตาลี เรื่องราวทั้งหมดล้วนสอดรับกับชีวิตของฟาบิเอ็ตโต้ (ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม) ทั้งสิ้น
- เด็กหนุ่ม เมืองเนเปิลส์ และมาราโดน่า จึงเป็นสามแกนหลักของหนัง... ต้องชื่นชมว่า ผู้สร้างสามารถร้อยเรียงทั้งสามอย่างนี้ได้อย่างงดงามและคมคาย รวมถึงการใช้ Symbolic ต่างๆ ในการเล่าเรื่อง และจากจุดนี้เองก็ทำให้ขณะที่เราดู ต้องใช้ความคิดมากขึ้นด้วยเช่นกัน
- หนังมีลูกเล่นที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะมุกตลกร้ายแกมเสียดสีจิกกัดในเรื่อง และนำเสนอไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาลีได้น่าสนใจ วัฒนธรรมการอยู่กันแบบครอบครัว อุปนิสัยของคนอิตาลีทางตอนใต้ที่มีอารมณ์ขัน ครื้นเครง มีความสนุกสนานในการใช้ชีวิต (ทั้งยังทำให้ชีวิตดูไม่เป็นระเบียบเท่าไร) การแต่งตัวของชาวอิตาลีในยุค 80 ที่เท่มากๆ คล้ายๆ กับใน Call Me by Your Name... จากจุดนี้หนังทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตอีกแบบหนึ่งที่แปลกตา (สำหรับผม หลังจากดูหนังแล้วรู้สึกอยากขี่ Vespa เท่มาก 😂)
- ในส่วนงานภาพและดนตรีประกอบภาพยนตร์ ทั้งสองอย่างนี้ทำได้น่าประทับใจ งานภาพถูกถ่ายอย่างสวยงามผ่านบรรยากาศของเมืองเนเปิลส์ (ซึ่งสวยในทุกอณู แต่ก็ไม่เป็นระเบียบ 😂) ในพาร์ทดนตรีก็เลือกใช้เพลงคลาสสิคเป็นดนตรีหลัก เพื่อขับเน้น Emotion ของหนัง / เพลงประกอบในฉากสุดท้าย เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจ เนื่องจากเพลงเพราะมาก แถมตัวเพลงยังบรรยายถึงเมืองเนเปิลส์โดยเฉพาะ เรียกว่าเลือกเพลงมาอย่างลงตัว (เพลงมีชื่อว่า "Napule È")
The Hand of God (2021) จัดเป็นหนัง Comming of Age ที่เปี่ยมด้วยความอาร์ตสไตล์อิตาลีและถือว่าน่าสนใจในปีนี้ รวมถึงมีแนวโน้มที่จะได้เข้าชิงออสการ์... แม้ว่าตัวหนังจะไม่ใช่หนังดูง่าย เนื่องจากเราต้องใช้ความคิดในการดู (คล้ายกับการเสพงานศิลปะ) แต่หนังก็มีวิธีการผูกเรื่องที่น่าสนใจ เนี้ยบ พิถีพิถัน จนต้องยกนิ้วให้กับผู้กำกับ นอกจากนี้หนังนำเสนอภาพเมืองเนเปิล์ได้อย่างงดงาม และไลฟ์สไตล์ของชาวอิตาลี ซึ่งแปลกตาไปอีกแบบ
The Hand of God จึงเหมือนกับอาหารคุณภาพดีที่ท้าทายผู้ชิมในการลิ้มลอง หากใครชื่นชอบหนังนอกกระแส / หนังอาร์ตคุณภาพดี หรืออยากจะหารสชาติใหม่ในการดูหนัง ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง แนะนำเลยครับ!
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้