พระราชวังวินเซอร์ (Windsor Palace)

เช้านี้เราเดินมาสถานีรถไฟวอเตอร์ลู เพื่อจะเดินทางไปพระราชวังวินเซอร์ แต่สงสัยมากว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่เหมือนตอนไปพระราชวังแฮมป์ตันคอร์ทเลย เพราะวันนี้จอแจมากแถมยังมีคนวิ่งแบบว่ากลัวจะตกรถไฟอีก อาจเป็นได้ว่าก่อนนี้เป็นวันเสาร์ แต่วันนี้เป็นช่วงวันธรรมดาในช่วงเร่งด่วนก็เลยดูเป็นคนละบรรยากาศแถมยังต้องต่อคิวยาวซื้อตั๋วอีก พอมาถึงตาเราพนักงานก็จ้องหน้าแบบงงๆแล้วก็วิ่งไปถามคนข้างหลัง จับความได้ว่าเครื่องเสีย ต้องรอกันอีกพักใหญ่ ผลก็คือเราไปขบวนนั้นไม่ทัน ต้องต่อขบวนถัดมา

อย่างไรก็ตาม พระราชวังวินเซอร์ก็อยู่ไม่ไกลนัก ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีรถไฟ Windsor & Eton Riverside ซึ่งมีความงามมากสมกับที่เป็นสถานีที่นำมาสู่พระราชวังสำคัญแห่งนี้ สถานีทำจากอิฐมีช่องหน้าต่าง ประตูเป็นกรอบสีขาว ด้านบนเป็นรูปจั่ว เป็นสถาปัตยกรรมสมัยวิคตอเรียและยังคงมีห้องรับรองพระชินีวิคตอเรียอยู่ด้วย
 


เดินจากสถานไปไม่นานก็มาถึงพระราชวังวินเซอร์รอรับเราอยู่ แม้ว่าพระราชวังวินด์เซอร์จะดูใหม่ทั้งภายในและภายนอก แต่อันที่จริงกลับเป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังใหญ่โตที่สุดในโลกอีกหากนับเฉพาะที่ยังคงถูกใช้งานอยู่ (ต่างจากแฮมป์ตันคอร์ตซึ่งเป็นวังเก่า และไม่ได้เป็นที่ประทับของกษัตริย์อีกต่อไปแล้ว) วังนี้มีประวัติเก่าแก่มากและถูกใช้เป็นที่ประทับหลายราชวงศ์ มีป้อมปราการที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลางไว้ต่อต้านข้าศึกและเคยถูกรุกรานปิดล้อมมาแล้วอีกทั้งยังมีส่วนที่เป็นคุกอยู่ด้วย จุดโดดเด่นของพระราชวังวินด์เซอร์ที่เห็นได้แต่ไกลคือหอคอยทรงกระบอกกลวงที่ใหญ่โตซึ่งถูกสร้างมานาน ตั้งอยู่บนเนินที่ถมขึ้นไปและได้ต่อเติมสูงใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา



พระราชวังวินด์เซอร์ถูกสร้างขึ้นในปี 1070 สมัยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 หรือวิลเลี่ยมผู้พิชิต เดิมเป็นปราสาทที่ใช้ไม้ซุงเป็นหลัก ตรงที่ตั้งของหอกลมในปัจจุบัน หลังจากนั้นก็ได้ปรับปรุงต่อเติมเรื่อยมาจนได้กลายเป็นปราสาทหิน มีกำแพงหิน หอคอยบนกำแพง และป้อมที่เป็นหอกลมใหญ่อันเป็นจุดเด่นของวังแห่งนี้ หลังจากนั้นก็ได้รับการปรับปรุงแต่งเติมเสริมสร้างสิ่งต่างๆอยู่เรื่อยมาทำให้มีสไตล์ทางสถาปัตยกรรมหลากหลาย ทั้งแบบทิวดอร์ โกธิค และบาโรค นอกจากนั้นในสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แห่งราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบหลังสงครามดอกกุหลาบก็ได้มีการสร้างโบสถ์เซนต์จอร์จ (St. George) ซึ่งมีความสำคัญในฐานะเป็นที่เก็บพระบรมศพของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์  



พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของกษัตริย์อังกฤษมานาน ทั้งในสมัยราชวงศ์ทิวดอร์จนถึงในสิ้นพระเจ้าชาร์ลที่ 1 แม้แต่ในช่วงการปฏิวัติล้มล้างระบบกษัตริย์โดยครอมเวลล์ พระราชวังวินด์เซอร์ก็ได้เป็นที่บัญชาการใหญ่ ใช้เป็นคุกจองจำผู้คนในราชวงศ์รวมทั้งพระเจ้าชาร์ลด้วย หลังจากที่พระองค์ถูกประหาร ร่างของพระองค์ก็ได้ถูกนำมาฝังท่ามกลางหิมะที่โบสถ์เซนต์จอร์จโดยปราศจากพระราชพิธีใดๆ 

พระเจ้าชาร์ลที่ 1 ซึ่งถูกประหาร ถูกนำมาฝังไว้ที่นี่อย่างเร่งรีบ
http://www.explore-parliament.net/nssMovies/01/0198/0198_.htm

พระราชวังวินด์เซอร์ ยังคงเป็นที่พำนักของกษัตริย์อีกหลายพระองค์จนถึงสมัยวิคตอเรีย ซึ่งในช่วงนี้มีความสำคัญสูงเนื่องจากเป็นที่ทำการของราชสำนักซึ่งราชทูตและบุคคลสำคัญจากนานาประเทศทั่วโลกที่มาเยี่ยมเยียนและเข้าเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้าฯวิคตอเรีย อาจกล่าวได้ว่าพระราชวังวินด์เซอร์ช่วงนั้นเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิอังกฤษก็ว่าได้ หลังจากนั้นก็ยังได้เป็นที่พำนักของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์อีกเรื่อยมา แต่เป็นเพียงที่ประทับเฉพาะกาลหรือใช้ทำพิธีการสำคัญในบางครั้งบางครา การที่พระราชวังแห่งนี้ยังคงถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันจึงมีการบูรณะปรับปรุงเรื่อยมา ทำให้ที่นี่ยังคงดูใหม่ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบแต่ละครั้งก็แสดงถึงรสนิยมของกษัตริย์แต่ละพระองค์และสะท้อนประวัติศาสตร์อังกฤษในยุคต่างๆ 

ภาพจาก https://www.windsor.gov.uk/things-to-do/windsor-castle-p43983

แต่เมื่อไม่นานมานี้ ในปี 1992 พระราชวังวินด์เซอร์ประสบอัคคีภัยครั้งใหญ่ ไฟได้ลุกลามเผาผลาญพระราชวังเป็นร้อยห้องในครั้งเดียว กล่าวกันว่าใช้น้ำดับไฟปริมาณมโหฬารโดยมีการไหลเกือบเท่าน้ำตกไนแองการ่าที่ตกมา 2 วินาทีเลยทีเดียว แต่ก็ยังโชคดีที่หลายห้องที่ถูกเพลิงเผานั้นเป็นห้องเปล่า บางส่วนอาจซ่อมแซมได้เหมือนเดิม บางส่วนต้องออกแบบใหม่ บางส่วนปล่อยค้างไว้ไม่ได้ซ่อมอีก ดังนั้นระหว่างที่เดินชมอาจเห็นห้องบางห้องดูโล้นๆ หรือมีการประดับน้อย ใช้วัสดุที่ดูแตกต่างจากห้องดั้งเดิมแต่ก็ไม่ขัดสายตานัก ยังคงกลมกลืนกับส่วนอื่นๆได้เป็นอย่างดี
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่