เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ... ไทยถล่มอินโดนีเซียในเลกแรก
เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 1 ซึ่งตัดสินแชมป์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เกิดขึ้น และประเทศไทยตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์ให้ได้เป็นครั้งแรกในสองทัวร์นาเมนต์ ได้รับชัยชนะเหนืออินโดนีเซีย
รอบชิงชนะเลิศที่จะเข้าแข่งขันในรอบที่สองในสิงคโปร์จะเป็นการแข่งขันระหว่างไทยซึ่งเอาชนะแชมป์เวียดนามคนก่อนในรอบรองชนะเลิศและอินโดนีเซียซึ่งตั้งเป้าไว้สำหรับชัยชนะครั้งแรกในรอบที่ 6 ไทยเผชิญหน้ารอบรองชนะเลิศเลกที่ 1 โดยเปลี่ยนสมาชิกเริ่มต้น 7 คนจากเลกที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศ รวมถึง DF ธีราธร ที่ถูกคาดโทษเนื่องจากได้ใบเหลืองสะสม
นาทีที่ 2 ของการแข่งขัน ไทยเปิดสกอร์จากกองกลางชนาธิป (ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร) หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำประตูไม่ได้และจบครึ่งแรกด้วยไทยนำหนึ่งลูก แต่ในครึ่งหลังไทยได้สกอร์เพิ่มจากชนาธิปอีกครั้งในนาทีที่ 52 หลังจากนั้นไทยก็บุกต่อ โดย ศุภโชค สารโชติ กองกลางทำประตูในนาทีที่ 67 และ บดินทร์ ผาลา กองกลาง ยิง 4-0 ในนาทีที่ 87
ประเทศไทยเปลี่ยนรายชื่อผู้เล่นตัวจริงอย่างมากและแต่งตั้งผู้เล่นหลายคนที่ไม่ได้เล่นมากนักในกลุ่มลีก แต่เมื่อจบเกมก็ครองบอลได้ 67% และด้วยการยิง 19 ครั้ง เอาชนะอินโดนีเซียได้สำเร็จ เมื่อสิ้นสุดทัวร์นาเมนต์ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งไม่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้ ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขันกลางคัน โดยแสดงให้เห็นความเหนือชั้น
อย่างไรก็ตาม เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ในทัวร์นาเมนต์ที่แล้ว ไทยไม่สามารถจัดทีมจากผู้เล่นจากต่างประเทศได้ เช่น ชนาธิป ธีราธรและธีรศิลป์ ที่เคยเล่นในเจลีก และยอมมอบชัยชนะให้เวียดนาม ผู้ชนะเป็นครั้งแรกในสองทัวร์นาเมนต์
ไทยซึ่งยืนอยู่ในสถานการณ์ที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้นด้วยชัยชนะ 4-0 จะชนะการแข่งขันเป็นครั้งที่ 6 หากไม่แพ้เกิน5ลูก ในเลกที่ 2 ในวันที่ 1 มกราคม
บทความจาก : ทัตสึนาริ ฮอนดะ
สำนักข่าว soccer-king : https://www.soccer-king.jp/news/world/asia/20211230/1603957.html?cx_top=topix (อารมณ์คล้ายๆสยามสปอร์ตบ้านเรา)
ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างให้ความสำคัญกับฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก ตามกระแสข่าวคาดว่าหลังจากจบทัวร์นาเมนต์อาจะมีนักเตะไทยประมาณ 3 คนได้ไปเล่นในเจลีก คนที่คาดว่าน่าจะไปชัวร์ๆคือ วีระเทพ ป้อมพันธุ์
กระหึ่มไกลถึงญี่ปุ่น สำนักข่าวเบอร์ 1 ชื่อดังแดนอาทิตย์อุทัย ตีข่าว"ไทยถล่มอินโดนีเซียในเลกแรก"
เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 1 ซึ่งตัดสินแชมป์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เกิดขึ้น และประเทศไทยตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์ให้ได้เป็นครั้งแรกในสองทัวร์นาเมนต์ ได้รับชัยชนะเหนืออินโดนีเซีย
รอบชิงชนะเลิศที่จะเข้าแข่งขันในรอบที่สองในสิงคโปร์จะเป็นการแข่งขันระหว่างไทยซึ่งเอาชนะแชมป์เวียดนามคนก่อนในรอบรองชนะเลิศและอินโดนีเซียซึ่งตั้งเป้าไว้สำหรับชัยชนะครั้งแรกในรอบที่ 6 ไทยเผชิญหน้ารอบรองชนะเลิศเลกที่ 1 โดยเปลี่ยนสมาชิกเริ่มต้น 7 คนจากเลกที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศ รวมถึง DF ธีราธร ที่ถูกคาดโทษเนื่องจากได้ใบเหลืองสะสม
นาทีที่ 2 ของการแข่งขัน ไทยเปิดสกอร์จากกองกลางชนาธิป (ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร) หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำประตูไม่ได้และจบครึ่งแรกด้วยไทยนำหนึ่งลูก แต่ในครึ่งหลังไทยได้สกอร์เพิ่มจากชนาธิปอีกครั้งในนาทีที่ 52 หลังจากนั้นไทยก็บุกต่อ โดย ศุภโชค สารโชติ กองกลางทำประตูในนาทีที่ 67 และ บดินทร์ ผาลา กองกลาง ยิง 4-0 ในนาทีที่ 87
ประเทศไทยเปลี่ยนรายชื่อผู้เล่นตัวจริงอย่างมากและแต่งตั้งผู้เล่นหลายคนที่ไม่ได้เล่นมากนักในกลุ่มลีก แต่เมื่อจบเกมก็ครองบอลได้ 67% และด้วยการยิง 19 ครั้ง เอาชนะอินโดนีเซียได้สำเร็จ เมื่อสิ้นสุดทัวร์นาเมนต์ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งไม่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้ ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขันกลางคัน โดยแสดงให้เห็นความเหนือชั้น
อย่างไรก็ตาม เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ในทัวร์นาเมนต์ที่แล้ว ไทยไม่สามารถจัดทีมจากผู้เล่นจากต่างประเทศได้ เช่น ชนาธิป ธีราธรและธีรศิลป์ ที่เคยเล่นในเจลีก และยอมมอบชัยชนะให้เวียดนาม ผู้ชนะเป็นครั้งแรกในสองทัวร์นาเมนต์
ไทยซึ่งยืนอยู่ในสถานการณ์ที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้นด้วยชัยชนะ 4-0 จะชนะการแข่งขันเป็นครั้งที่ 6 หากไม่แพ้เกิน5ลูก ในเลกที่ 2 ในวันที่ 1 มกราคม
บทความจาก : ทัตสึนาริ ฮอนดะ
สำนักข่าว soccer-king : https://www.soccer-king.jp/news/world/asia/20211230/1603957.html?cx_top=topix (อารมณ์คล้ายๆสยามสปอร์ตบ้านเรา)
ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างให้ความสำคัญกับฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก ตามกระแสข่าวคาดว่าหลังจากจบทัวร์นาเมนต์อาจะมีนักเตะไทยประมาณ 3 คนได้ไปเล่นในเจลีก คนที่คาดว่าน่าจะไปชัวร์ๆคือ วีระเทพ ป้อมพันธุ์