ในช่วงกระแสรถไฟฟ้า ราคาถูก พลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอะไรพวกนี้ กำลังมาแรง
เคยดูสารดีเรื่องนี้ "ด้านมืดพลังงานสะอาด " ในช่อง TRUE SCI
เห็นว่ามีเนื้อหาที่น่าสนใจดี จึงพยายามรวบรวม เรียบเรียง และหาข้อมูลจากแหล่งอื่น มาสรุปเพิ่มให้ฟังฮะ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย
ด้านมืดพลังงานสะอาด
รถไฟฟ้าไม่ใช่สัญลักษณ์ของพลังงานสะอาด ไม่ได้ช่วยสิ่งแวดล้อม การช่วยสิ่งแวดล้อมคือต้องลดปริมาณการใช้ ไม่ใช่ปรับเปลี่ยน
พลังงานสะอาดไม่มีอยู่จริงเราแสร้งทำเป็นสะอาดแต่จริงๆแล้วเราก็สกปรกเหมือนเดิม อาจจะสะอาดในอีกพื้นที่ 1 แต่ก็สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับอีกพื้นที่หนึ่งอยู่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Baotou เป็นเมือง Cher-shi ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในการขุดแร่โลหะมีค่าใหม่ได้กลายเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ร้ายแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เหมืองแร่ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมาก และใช้น้ำปริมาณมหาศาล
และในหลายประเทศ ขยะอิเล็กทรอนิกซ์ และแบตเตอรี่ก็ยังไม่มีระบบจัดการที่ดี
แม้ว่าแร่ธาตุเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่กระบวนการที่ยุ่งยากนี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในเชิงเศรษฐกิจ
“การรีไซเคิลนี้มีมานานหลายทศวรรษ แต่ความจริงก็คือในปี 2020 น้อยกว่า 1% ถูกรีไซเคิลสิบปีที่ผ่านมาถ้าเราพิจารณาความเป็นไปได้ของการรีไซเคิลประมาณ 50% ของวัสดุเช่นการรีไซเคิล ซึ่งแทบจะไม่มีประโยชน์เลย
พลังงานถูก ก็ไม่มีจริงเช่นกัน ที่มันเห็นว่าถูก เพราะมีคนคุมราคา ควักเนื้อ หรือสนับสนุนอยู่มันจึงยังไม่ใช่ต้นทุนที่แท้จริงอยู่ดี
รถไฟฟ้าใช้ทองแดงมากกว่ารถยนต์ปัจจุบันถึง 4 เท่า และทองแดงก็หายากขึ้นทุกวันและมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
คาดว่าในอีก 30 ปีข้างหน้าปริมาณของแร่โลหะที่เราต้องขุดจะเกินจำนวนที่มนุษย์ได้ขุดใน 70,000 ปีเลยทีเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหมืองบิงแฮมแคนยอน (Bingham Canyon Mine) อยู่ในซอลต์เลคเคาน์ตี้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซอลต์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เป็นเหมืองทองแดงขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มเปิดเหมืองทำการขุดค้นมาตั้งแต่ ค.ศ.1906 หลุมขุดของเหมืองแห่งนี้ลึกกว่า 970 เมตร ปากหลุมกว้าง 4 กิโลเมตร อาณาเขตเหมืองครอบคลุมพื้นที่ 4,750 ไร่
และทรัพยากรแร่หายากต่างๆ จีนครอบครองไว้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ วิสัยทัศน์ของจีน เขาไม่ได้ต้องการเป็นแค่ผู้ส่งออกรายใหญ่เท่านั้น แต่เขาต้องการเป็นผู้ควบคุมการผลิตและกำหนดราคาได้เองทั้งหมด
และเหล่าบรรดาประเทศผู้ส่งออกวัตถุดิบต่างๆ แร่หายากต่างๆเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า ส่วนใหญ่ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาพัฒนา แต่ประเทศเหล่านี้ก็ต้องการเติบโตพัฒนาเป็นประเทศเจ้าตลาด เป็นผู้กำหนดราคาด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีจุดเริ่มต้นไม่ต่างกับเหล่าบรรดาประเทศที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเมื่อครั้งอดีตเลย...
เมื่อปี 2017 การบริโภคลิเทียมในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 40,000 ตันต่อปี แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 ในทุกๆปี นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ขณะเดียวกัน ระหว่างปี 2015 ถึง 2018 ราคาลิเทียมขยับสูงขึ้นเกือบสามเท่าตัว นอกจากนี้ ความต้องการที่ว่านั้นมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การ์ซิอา ลีเนรา ผู้นำโบลิเวียให้คำมั่นว่า ลิเทียมของโบลิเวียจะเป็น “พลังงานที่จะป้อนให้โลก” เขาให้คำปฏิญาณกับผมว่า ภายในปี 2030 เศรษฐกิจของโบลิเวียจะอยู่ในระดับเดียวกันกับของอาร์เจนตินาและชิลี
จนกระทั่งถึงปี 2018 โบลิเวียจึงหาหุ้นส่วนได้ นั่นคือเอซีไอซิสเตมส์อาเลมาเนีย บริษัทสัญชาติเยอรมันซึ่งมีรายงานว่าจะร่วมลงทุนเป็นเงิน 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แลกกับการถือหุ้นร้อยละ 49 ในกิจการดังกล่าว
ขณะที่ประชากรชนพื้นเมืองชาวไอมาราเก็บและขายเกล็ดเกลือบนพื้นผิวของชั้นเกลือราบซาลาร์เดอูยูนี ลิเทียมที่ให้กำไรงามกว่าอย่างมหาศาล ละลายอยู่ในน้ำเกลือที่พบอยู่ลึกลงไปใต้ดิน
“เราไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากรัฐบาลเลยครับ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลิเทียมคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และสร้างผลกระทบอะไรบ้าง”
“เราเข้าใจว่าเมื่อโรงงานสร้างเสร็จจนดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์แล้ว มันจะเป็นธุรกิจระดับหลายล้านดอลลาร์น่ะครับ” ข้อกังขาก็คือเราจะมีวันได้มาสักแดงหรือเปล่า คนที่ควรจะได้รับผลประโยชน์ก่อนใคร คือคนในพื้นที่ซึ่งการผลิตดำเนินการอยู่ไม่ใช่หรือ”
เพราะฉะนั้น การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี จากน้ำมัน เป็นแบตเตอรี่และพลังงานไฟฟ้า จึงไม่ได้มีแต่ภาพที่สวยหรูงดงามเป็นมิตรต่องสิ่งแวดล้อมอย่างเห็น
การสงวนทรัพยากรทีมีอยู่อย่างจำกัดไว้ให้กับโลก และใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ...นั่นต่างหากที่สำคัญ
เครดิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้TRUE SCI
https://ngthai.com/environment/18881/lithium-whitegold/
ด้านมืดของพลังงานสะอาด อีกมุมหนึ่ง ที่หลายคนไม่เคยคิด...
เคยดูสารดีเรื่องนี้ "ด้านมืดพลังงานสะอาด " ในช่อง TRUE SCI
เห็นว่ามีเนื้อหาที่น่าสนใจดี จึงพยายามรวบรวม เรียบเรียง และหาข้อมูลจากแหล่งอื่น มาสรุปเพิ่มให้ฟังฮะ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย
ด้านมืดพลังงานสะอาด
รถไฟฟ้าไม่ใช่สัญลักษณ์ของพลังงานสะอาด ไม่ได้ช่วยสิ่งแวดล้อม การช่วยสิ่งแวดล้อมคือต้องลดปริมาณการใช้ ไม่ใช่ปรับเปลี่ยน
พลังงานสะอาดไม่มีอยู่จริงเราแสร้งทำเป็นสะอาดแต่จริงๆแล้วเราก็สกปรกเหมือนเดิม อาจจะสะอาดในอีกพื้นที่ 1 แต่ก็สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับอีกพื้นที่หนึ่งอยู่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหมืองแร่ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมมาก และใช้น้ำปริมาณมหาศาล
และในหลายประเทศ ขยะอิเล็กทรอนิกซ์ และแบตเตอรี่ก็ยังไม่มีระบบจัดการที่ดี
แม้ว่าแร่ธาตุเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่กระบวนการที่ยุ่งยากนี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในเชิงเศรษฐกิจ
“การรีไซเคิลนี้มีมานานหลายทศวรรษ แต่ความจริงก็คือในปี 2020 น้อยกว่า 1% ถูกรีไซเคิลสิบปีที่ผ่านมาถ้าเราพิจารณาความเป็นไปได้ของการรีไซเคิลประมาณ 50% ของวัสดุเช่นการรีไซเคิล ซึ่งแทบจะไม่มีประโยชน์เลย
พลังงานถูก ก็ไม่มีจริงเช่นกัน ที่มันเห็นว่าถูก เพราะมีคนคุมราคา ควักเนื้อ หรือสนับสนุนอยู่มันจึงยังไม่ใช่ต้นทุนที่แท้จริงอยู่ดี
รถไฟฟ้าใช้ทองแดงมากกว่ารถยนต์ปัจจุบันถึง 4 เท่า และทองแดงก็หายากขึ้นทุกวันและมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
คาดว่าในอีก 30 ปีข้างหน้าปริมาณของแร่โลหะที่เราต้องขุดจะเกินจำนวนที่มนุษย์ได้ขุดใน 70,000 ปีเลยทีเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และทรัพยากรแร่หายากต่างๆ จีนครอบครองไว้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ วิสัยทัศน์ของจีน เขาไม่ได้ต้องการเป็นแค่ผู้ส่งออกรายใหญ่เท่านั้น แต่เขาต้องการเป็นผู้ควบคุมการผลิตและกำหนดราคาได้เองทั้งหมด
และเหล่าบรรดาประเทศผู้ส่งออกวัตถุดิบต่างๆ แร่หายากต่างๆเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า ส่วนใหญ่ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาพัฒนา แต่ประเทศเหล่านี้ก็ต้องการเติบโตพัฒนาเป็นประเทศเจ้าตลาด เป็นผู้กำหนดราคาด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีจุดเริ่มต้นไม่ต่างกับเหล่าบรรดาประเทศที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเมื่อครั้งอดีตเลย...
เมื่อปี 2017 การบริโภคลิเทียมในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 40,000 ตันต่อปี แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 ในทุกๆปี นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ขณะเดียวกัน ระหว่างปี 2015 ถึง 2018 ราคาลิเทียมขยับสูงขึ้นเกือบสามเท่าตัว นอกจากนี้ ความต้องการที่ว่านั้นมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะฉะนั้น การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี จากน้ำมัน เป็นแบตเตอรี่และพลังงานไฟฟ้า จึงไม่ได้มีแต่ภาพที่สวยหรูงดงามเป็นมิตรต่องสิ่งแวดล้อมอย่างเห็น
การสงวนทรัพยากรทีมีอยู่อย่างจำกัดไว้ให้กับโลก และใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ...นั่นต่างหากที่สำคัญ
เครดิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้