ห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ อธิบายเข้าใจอย่างถ่องแท้

๑. พระธาตุเจดีย์คืออะไร?

    พระธาตุเจดีย์ คือ สิ่งก่อสร้างที่เป็นนิมิตหมายสื่อถึง ระลึกถึง เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของพระพุทธเจ้า เพราะว่า

    ๑. เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

    ๒. เป็นที่บรรจุพระธรรมคัมภีร์ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    ๓. เป็นที่บรรจุพระพุทธรูป สิ่งของสำคัญ สิ่งของที่มีคุณค่าต่างๆ

    ฉะนั้น พระธาตุเจดีย์จึงเป็นสถานที่อันทรงคุณค่ามากและศักดิ์สิทธิ์มาก


    ๒. ทำไมเราต้องห่มผ้าพระธาตุเจดีย์?

    ๑) แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระพุทธเจ้า และเพื่อทนุถนอมสิ่งที่บรรพชนสร้างพระธาตุเจดีย์มา ให้คงอยู่ยั่งยืนตลอดไป

    ๒) แสดงถึงความรัก ความห่วงใยในพระพุทธเจ้า มีไมตรีจิต มีความห่วงหาอาลัยในพระพุทธเจ้า มีสายสัมพันธ์อันอบอุ่นกับพระพุทธเจ้า อยากที่จะทนุถนอมให้พระธาตุฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ให้ยั่งยืนสืบต่อไป

    เราเอาผ้ามาห่มพระพุทธเจ้า ก็เปรียบเสมือนว่า เรารักและห่วงใยในพระพุทธเจ้า

    ๓) เพื่อให้จูงจิตตนเองและผู้อื่นให้เกิดความศรัทธา ศรัทธาในไหน? ศรัทธาในพระพุทธองค์ ซึ่งจะนำไปสู่การศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ศรัทธาในเหตุดีที่เราได้กระทำ

    ๔) แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี คุณธรรม จริยธรรม ให้คนทั้งหลายมีสรณะ เป็นที่เคารพนับถือ เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ เป็นนิมิตหมายในการทำความดี ให้คนทั้งหลายได้ทำความดี  ก็เพราะว่าทุกคนทำความดีแล้วศาสนาจะยังคงอยู่ ถ้าไม่มีการทำดีศาสนาก็คงอยู่ไม่ได้

    ฉะนั้น การห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ เป็นการสืบพระศาสนา สืบคุณงามความดี


    ๓. ทำไมเราต้องสืบพระศาสนา?

    ๑) เพราะว่าพระพุทธเจ้าก่อตั้งศาสนาขึ้นมาเพื่อให้คนทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส คือ มีสติสัมปชัญญะทำจิตให้ระมัดระวังจากความชั่วต่างๆ ฉะนั้น เราจะต้องสืบต่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าก่อตั้งขึ้นมา สืบพระธรรมคำสั่งสอนไว้

    ๒) เพื่อแสดงปณิธานเจตนารมณ์ว่าเราจะเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ยึดมั่นปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เท่ากับยังพระศาสนาให้ยั่งยืนตลอดกาล ก็เปรียบเสมือนเราได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้า และเหล่าผู้คนได้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทำให้โลกนี้เกิดความปลอดภัย พบสันติสุข


    ๔. ทำไมการห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ถึงได้กุศลมาก
    ก็เพราะว่า คนต้องมีศาสนา และนับถือศาสนากันมาก และทุกคนต้องมาพึ่งศาสนา นับถือศาสนาเป็นสรณะทางจิตวิญญาณ เปรียบเสมือนกับว่าเรามีน้ำ ๑ แก้ว กับมีแท้งค์น้ำ ๑ แท้งค์ อย่างไหนคนจะใช้เยอะกว่ากัน เมื่อได้กุศลเยอะ กุศลนี้ก็สามารถเคลียร์วิบากกรรมของเราได้มากยิ่งขึ้น


ตั้งฐานจิตทำบุญสร้างกุศล

    "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตทำบุญกศล เพื่อสืบทอดพระศาสนา เจริญบุญกุศลในธรรม จรรโลงคุณงามความดี มีดังนี้"

๑. สืบพระศาสนา

    สืบทอดพระศาสนา คือ เราตั้งใจที่จะทำให้พระศาสนามีอายุยืนยาวขึ้น

    ๑.๑ เอื้อ-เกื้อ-กันผู้ปฏิบัติธรรม ส่งเสริมผู้ประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม เช่น ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน เลี้ยงน้ำปานะ หรือเห็นใครทำดีเราก็สาธุ หรือช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้เขาทำดีต่อไป เป็นต้น

    ๑.๒ ทนุบำรุง ปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้าง เสนาสนะต่างๆ

    ๑.๓ สร้างสิ่งแวดล้อม เอื้ออำนวยการปฏิบัติธรรม เพื่อเจริญธรรม

๒. เจริญบุญกุศลในธรรม คือ เราจะให้บุญกุศลของเราดีขึ้น พัฒนาขึ้น เจริญก้าวหน้าขึ้น เราต้องหมั่นปฏิบัติธรรมะบ่อยๆ หมั่นทำดีบ่อยๆ หมั่นสร้างบุญกุศลบ่อยๆ หมั่นเจริญภาวนาบ่อยๆ หมั่นระลึกถึงบุญกุศลที่เราทำมาแล้ว แล้วนำมาวิเคราะห์พิจารณาบ่อยๆ ว่า สิ่งที่ไม่ดีให้ละ สิ่งที่ดีให้ทำเพิ่ม ยังประโยชน์ตนและผู้อื่น


๓. จรรโลงคุณงามความดี คือ เราทำดีแล้ว เราต้องรู้จักแบ่งปัน รู้จักเผยแผ่ เผยแพร่ให้คนอื่นด้วย

    ๑) จรรโลงคุณงามความดี แผ่ให้กับคนอื่น คือ เมื่อเราห่มผ้าพระธาตุ ใครๆ มาเห็น ก็อยากที่จะมาห่มผ้าพระธาตุด้วย หรือเราไปบอกกล่าวชักชวนให้เขามาห่มผ้าพระธาตุเป็นการเผยแผ่ธรรมะ

    ๒) จรรโลงคุณงามความดี แผ่ให้ตนเอง คือ เราสาธุ มีความปิติยินดีที่เราได้มาห่มผ้าพระธาตุ มีความปิติยินดีกับเหตุดีที่เราได้กระทำ และเราจะหมั่นทำบุญกุศลอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ


















แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่