เจอท่านนึงมักแสดงความดูถูกว่าการมาถกเถียงเรื่องปรัชญา ในที่นี้ไม่มีประโยชน์ ต้องปฏิบัติให้เห็นจริงด้วยตนเองสิ (การนั่งสมาธิ) ก็เลยไปเอามาฝาก จะได้หยุดความคิดทิฏฐิอันโง่เขลาเบาปัญญาของเขาเสีย
[๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติได้ความสงบใจใน ภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑
(รู้ปฏิบัติ แต่ไม่รู้ทฤษฎี)
บุคคลบางคนในโลกนี้ มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แต่ไม่ได้ความสงบใจในภายในจำพวก ๑
(รู้ทฤษฎี แต่ไม่รู้ปฏิบัติ)
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่มีปรกติได้ความสงบใจในภายในทั้งไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑
(่ไม่รู้ทั้งปฏิบัติ และไม่รู้ทฤษฎี)
บุคคลบางคนในโลกนี้มีปรกติได้ความสงบใจในภายในทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑
(รู้ทั้งปฏิบัติ และรู้ทั้งทฤษฎี)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในบุคคลเหล่านั้น
บุคคลผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายในแต่ไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม พึงตั้งอยู่ในความสงบใจในภายใน กระทำความเพียรในอธิปัญญา และความเห็นแจ้งในธรรม สมัยต่อมา เขาย่อมเป็นผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม
บุคคลผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แต่ไม่ได้ความสงบ ใจในภายใน พึงตั้งอยู่ในอธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แล้วกระทำความเพียรในความสงบแห่งใจในภายใน สมัยต่อมา เขาย่อมเป็นผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม ทั้งได้ความสงบใจในภายใน
บุคคลไม่มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน ทั้งไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม พึงกระทำฉันทะ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ย่อท้อ สติและ สัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลมีผ้านุ่งห่มถูกไฟไหม้ หรือมีศีรษะถูกไฟไหม้ พึงกระทำฉันทะ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ย่อท้อ สติและ
สัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อดับไฟที่ผ้าหรือที่ศีรษะ ฉันใด บุคคลนั้นก็พึงทำฉันทะ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ย่อท้อ สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ ฉันนั้นเหมือนกัน
สมัยต่อมา เขาย่อมเป็นผู้มีปรกติ ได้ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีปรกติได้ ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม พึงตั้งอยู่ใน กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ แล้วกระทำความเพียรให้ยิ่ง เพื่อความสิ้นไปแห่ง อาสวะทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ใน โลก ฯ
เล่ม 21 ข้อ 93
สรุปคือ ต้องรู้ทั้งทฤษฎีพุทธศาสนา และวิธีการปฏิบัติ
บุคคล 4 จำพวก สมถะ-วิปัสสนา
[๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติได้ความสงบใจใน ภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑
(รู้ปฏิบัติ แต่ไม่รู้ทฤษฎี)
บุคคลบางคนในโลกนี้ มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แต่ไม่ได้ความสงบใจในภายในจำพวก ๑
(รู้ทฤษฎี แต่ไม่รู้ปฏิบัติ)
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่มีปรกติได้ความสงบใจในภายในทั้งไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑
(่ไม่รู้ทั้งปฏิบัติ และไม่รู้ทฤษฎี)
บุคคลบางคนในโลกนี้มีปรกติได้ความสงบใจในภายในทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑
(รู้ทั้งปฏิบัติ และรู้ทั้งทฤษฎี)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในบุคคลเหล่านั้น
บุคคลผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายในแต่ไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม พึงตั้งอยู่ในความสงบใจในภายใน กระทำความเพียรในอธิปัญญา และความเห็นแจ้งในธรรม สมัยต่อมา เขาย่อมเป็นผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม
บุคคลผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แต่ไม่ได้ความสงบ ใจในภายใน พึงตั้งอยู่ในอธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แล้วกระทำความเพียรในความสงบแห่งใจในภายใน สมัยต่อมา เขาย่อมเป็นผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม ทั้งได้ความสงบใจในภายใน
บุคคลไม่มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน ทั้งไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม พึงกระทำฉันทะ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ย่อท้อ สติและ สัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลมีผ้านุ่งห่มถูกไฟไหม้ หรือมีศีรษะถูกไฟไหม้ พึงกระทำฉันทะ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ย่อท้อ สติและ
สัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อดับไฟที่ผ้าหรือที่ศีรษะ ฉันใด บุคคลนั้นก็พึงทำฉันทะ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ย่อท้อ สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อได้กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ ฉันนั้นเหมือนกัน
สมัยต่อมา เขาย่อมเป็นผู้มีปรกติ ได้ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีปรกติได้ ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม พึงตั้งอยู่ใน กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ แล้วกระทำความเพียรให้ยิ่ง เพื่อความสิ้นไปแห่ง อาสวะทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ใน โลก ฯ
เล่ม 21 ข้อ 93
สรุปคือ ต้องรู้ทั้งทฤษฎีพุทธศาสนา และวิธีการปฏิบัติ