ชะตากรรม
ล. วิลิศมาหรา
เรานั่งคุยกันในร้านไอศกรีมร้านเดิม บนโต๊ะตัวเดิม เธอสั่งไอศกรีมรสวานิลลา ผมก็สั่งรสช็อคโกแล็ต ไอศกรีมรสเดิม ๆ ที่เรามักสั่งมากินเสมอ เมื่อนัดเจอกันที่นี่
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือใบหน้านวลใสของเธอที่เศร้าสลดลง ตาหลุบมองต่ำ เห็นเพียงขนตางอนยาว กะพริบถี่ ๆ....เธอคงเสียใจมาก และกำลังกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ให้มันไหลออกมา ส่วนตัวผมเองในสายตาของเธอก็คงเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ผมไม่โทษใครหรือสิ่งใดทั้งสิ้น มันไม่ใช่ความผิดของฟ้าดิน ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผม เธอหรือใคร
สิ่งเดียวที่สามารถโยนโทษไปให้ได้ ก็เห็นจะเป็นชะตากรรมของเราสองคนเท่านั้นเอง
วางมือตัวเองลงบนมือเธออย่างอยากจะให้กำลังใจ
"นุชเป็นไงบ้าง...โอเคมั้ย"
ถามอย่างห่วงใย อดีตคนรักของผมเธอบอบบางทั้งร่างกายและจิตใจ หลายปีที่เราคบกันมา ผมต้องคอยพยายามประคับประคองสภาพจิตใจของเธอตลอดมา คุณแม่ของนุชแต่งงานใหม่ และเธอมีปัญหากับพ่อเลี้ยง เขากับเธอเข้ากันไม่ได้
ผมคอยตามรับตามส่งเธอ เวลาเธอต้องการไปไหนมาไหน คอยรับฟังเรื่องราวของเธอทุกครั้งที่อยากระบาย ทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ ทางเฟซบุ๊ก หรือทางไหนก็ได้ แล้วแต่เธอจะเล่าให้ฟัง คอยเช็ดน้ำตาให้ยามเธอร้องไห้ คอยปลอบใจปลอบขวัญให้กำลังใจเมื่อเธอพลั้งพลาด เป็นตัวประหลาด ทำหน้าตลกให้เธอขำขันเวลาเธอเหงา ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อเธอ ขออย่างเดียวเพียงเธอมีความสุขและปลอดภัย ยิ้มได้หัวเราะได้ในทุก ๆ วัน เท่านี้ผมก็สุขใจมากพอแล้ว
แม้วันนี้เราสองคนจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีกต่อไป แต่ความรักความห่วงใยที่ผมมีให้กับเธอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
"ไม่เป็นไรค่ะพี่...."
เธอตอบผมเสียงแหบแห้ง สั่นเครือ คำพูดกับท่าทางไม่สัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิง แต่ผมไม่ได้เซ้าซี้ถามไถ่อะไรให้มากจนเกินไป มีแต่ผงกศีรษะรับ
"แล้ว...พี่นัสล่ะคะ" หน้าหมองเงยขึ้นถาม แววตาเจ็บช้ำมองสบตาผผม หยาดน้ำใสยังเอ่อคลอเต็มนัยน์ตา
"พี่ทนได้"
ตอบเธอไปแล้วก็พยายามฝืนยิ้ม...ยิ้มให้เธอคลายกังวล แม้ตนเองกำลังน้ำตาตกใน แบกความทุกข์ไว้เต็มหัวใจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนุชก็คงรู้ดี
"ต่อไป...เราจะพบกันอีกไหมคะ"
คำถามของเธอแผ่วลง...เบาแทบไม่ได้ยิน น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ไหลร่วงพรูลงมา มันไหลรินลงอาบใบหน้าเธอ จนเธอต้องคว้ากระดาษทิชชูบนโต๊ะขึ้นมาซับ ก่อนใช้มันประกบปิดบนริมฝีปากตัวเอง กดกลั้นเสียงสะอื้นที่จะเล็ดลอดออกมา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับผมที่ต้องฝืนกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ น้ำตาลูกผู้ชายอาจไม่ไหลให้ใครเห็นง่าย ๆ แต่มันกำลังไหลย้อนเข้าไปท่วมอยู่ในใจของผมต่างหาก
"เราคง...ต้องห่าง ๆ กันบ้าง"
ได้ยินเสียงพูดของตัวเองเบาบางไม่ต่างกับเธอ กลืนก้อนแข็งลงลำคอก้อนแล้วก้อนเล่า มองนุชที่ข่มกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น กระดาษทิชชูถูกดึงมาซับน้ำตาหลายต่อหลายแผ่น
"พี่จะทิ้งนุช..." เสียงเล็ก ๆ ไม่วายตัดพ้อผมออกมา
"พี่..."
พูดได้แค่นี้แล้วก็ต้องอึ้งไป มันยากเหลือเกินที่จะอธิบาย และผมก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงมันเอาเสียเลย
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในวันที่ผมตัดสินใจไปพบคุณแม่ของนุช เพื่อขอคบกับนุชอย่างเปิดเผยเป็นกิจจะลักษณะ อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ แล้วทุกสิ่งที่เคยพูดเคยแสดงออกกับนุช ก็กลายเป็นเรื่องยากเย็นไปเสียทั้งหมด นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ผมนิ่ง พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
"พี่ต้องห่างนุชไปสักพัก เพื่อขอเวลาทำใจ"
ในที่สุดผมก็บอกนุชไปตามตรง แล้วมองหน้านุชอย่างขอความเห็นใจ สบตาแดงเรื่อที่มีแต่น้ำตาเต็มตาอย่างสุดแสนจะเวทนา ก่อนเลื่อนลงมองไอศกรีมซึ่งเริ่มเหลวละลายไปในถ้วยตรงหน้า ไม่มีใครคิดแตะต้องของหวานรสเยี่ยมซึ่งเคยโปรดปรานแม้แต่คำเดียว เราสองคนต่างนั่งนิ่ง เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ความเงียบเข้าปกคลุมรอบตัวเราทั้งคู่
"ปัญหาเรื่องพ่อเลี้ยงของนุช...จะย้ายมาอยู่ที่บ้านพี่เลยก็ได้นะ พ่อกับแม่พี่ไม่ว่าอะไรหรอก พ่อรู้เรื่องทั้งหมดและเข้าใจเราดี แต่พี่คงต้องขอออกไปอยู่ข้างนอกก่อน พี่...ต้องขอเวลาทำใจสักพัก นุชคงเข้าใจที่พี่บอกนะครับ"
"พี่นัสคะ..."
ในที่สุดเธอก็เรียกชื่อผม หลังเงียบอยู่นาน นุชคงกำลังพยายามทำใจ เธอเองก็ต้องยอมรับกับความจริงในข้อนี้ให้ได้ ยิ่งเราพบกันมันก็จะยิ่งปวดใจ และยากจะตัดความสัมพันธ์ฉันคนรักลงได้ง่าย และเมื่อเราหมดหนทางจะสานความรักของเราต่อ เราจึงต้องช่วยกันหันเหมันไปอีกทาง
"ถ้างั้น...เรากลับกันเถอะค่ะ"
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับพี่ชายกับน้องสาวร่วมสายโลหิต ที่ถูกจับแยกจากกันมานานถึงสิบเก้าปี และเพิ่งรู้ความจริงจากปากคนเป็นพ่อกับแม่ ที่เลิกกันไปตั้งแต่น้องสาวผมอายุเพียงสองขวบ ส่วนผมอายุได้สามขวบเท่านั้นเอง พวกเขาผิดใจกันรุนแรง ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวใหม่ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล และไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
ชะตากรรมทำให้ผมได้มาเจอและรักกันกับนุช ครั้นตกลงปลงใจจะเข้าตามตรอกออกตามประตู ผมกลับได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เหมือนโลกจะถล่มทลายลงมาตรงหน้า แล้วหลังจากนั้นโลกทั้งใบก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เราสองคนลุกขึ้นจากโต๊ะโดยไม่ใยดีไอศกรีมในถ้วย เมื่อตอนออกไปจ่ายเงิน บริกรมองหน้าผมกับนุชด้วยสายตาสงสัย
"ไม่มีอะไร" ผมตอบเขาเสียเลย
"ก็แค่พี่ชายพาน้องสาวมากินไอศครีม"
จบบริบูรณ์
ชะตากรรม
ล. วิลิศมาหรา
เรานั่งคุยกันในร้านไอศกรีมร้านเดิม บนโต๊ะตัวเดิม เธอสั่งไอศกรีมรสวานิลลา ผมก็สั่งรสช็อคโกแล็ต ไอศกรีมรสเดิม ๆ ที่เรามักสั่งมากินเสมอ เมื่อนัดเจอกันที่นี่
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือใบหน้านวลใสของเธอที่เศร้าสลดลง ตาหลุบมองต่ำ เห็นเพียงขนตางอนยาว กะพริบถี่ ๆ....เธอคงเสียใจมาก และกำลังกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ให้มันไหลออกมา ส่วนตัวผมเองในสายตาของเธอก็คงเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ผมไม่โทษใครหรือสิ่งใดทั้งสิ้น มันไม่ใช่ความผิดของฟ้าดิน ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผม เธอหรือใคร
สิ่งเดียวที่สามารถโยนโทษไปให้ได้ ก็เห็นจะเป็นชะตากรรมของเราสองคนเท่านั้นเอง
วางมือตัวเองลงบนมือเธออย่างอยากจะให้กำลังใจ
"นุชเป็นไงบ้าง...โอเคมั้ย"
ถามอย่างห่วงใย อดีตคนรักของผมเธอบอบบางทั้งร่างกายและจิตใจ หลายปีที่เราคบกันมา ผมต้องคอยพยายามประคับประคองสภาพจิตใจของเธอตลอดมา คุณแม่ของนุชแต่งงานใหม่ และเธอมีปัญหากับพ่อเลี้ยง เขากับเธอเข้ากันไม่ได้
ผมคอยตามรับตามส่งเธอ เวลาเธอต้องการไปไหนมาไหน คอยรับฟังเรื่องราวของเธอทุกครั้งที่อยากระบาย ทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ ทางเฟซบุ๊ก หรือทางไหนก็ได้ แล้วแต่เธอจะเล่าให้ฟัง คอยเช็ดน้ำตาให้ยามเธอร้องไห้ คอยปลอบใจปลอบขวัญให้กำลังใจเมื่อเธอพลั้งพลาด เป็นตัวประหลาด ทำหน้าตลกให้เธอขำขันเวลาเธอเหงา ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อเธอ ขออย่างเดียวเพียงเธอมีความสุขและปลอดภัย ยิ้มได้หัวเราะได้ในทุก ๆ วัน เท่านี้ผมก็สุขใจมากพอแล้ว
แม้วันนี้เราสองคนจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีกต่อไป แต่ความรักความห่วงใยที่ผมมีให้กับเธอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
"ไม่เป็นไรค่ะพี่...."
เธอตอบผมเสียงแหบแห้ง สั่นเครือ คำพูดกับท่าทางไม่สัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิง แต่ผมไม่ได้เซ้าซี้ถามไถ่อะไรให้มากจนเกินไป มีแต่ผงกศีรษะรับ
"แล้ว...พี่นัสล่ะคะ" หน้าหมองเงยขึ้นถาม แววตาเจ็บช้ำมองสบตาผผม หยาดน้ำใสยังเอ่อคลอเต็มนัยน์ตา
"พี่ทนได้"
ตอบเธอไปแล้วก็พยายามฝืนยิ้ม...ยิ้มให้เธอคลายกังวล แม้ตนเองกำลังน้ำตาตกใน แบกความทุกข์ไว้เต็มหัวใจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนุชก็คงรู้ดี
"ต่อไป...เราจะพบกันอีกไหมคะ"
คำถามของเธอแผ่วลง...เบาแทบไม่ได้ยิน น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ไหลร่วงพรูลงมา มันไหลรินลงอาบใบหน้าเธอ จนเธอต้องคว้ากระดาษทิชชูบนโต๊ะขึ้นมาซับ ก่อนใช้มันประกบปิดบนริมฝีปากตัวเอง กดกลั้นเสียงสะอื้นที่จะเล็ดลอดออกมา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับผมที่ต้องฝืนกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ น้ำตาลูกผู้ชายอาจไม่ไหลให้ใครเห็นง่าย ๆ แต่มันกำลังไหลย้อนเข้าไปท่วมอยู่ในใจของผมต่างหาก
"เราคง...ต้องห่าง ๆ กันบ้าง"
ได้ยินเสียงพูดของตัวเองเบาบางไม่ต่างกับเธอ กลืนก้อนแข็งลงลำคอก้อนแล้วก้อนเล่า มองนุชที่ข่มกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น กระดาษทิชชูถูกดึงมาซับน้ำตาหลายต่อหลายแผ่น
"พี่จะทิ้งนุช..." เสียงเล็ก ๆ ไม่วายตัดพ้อผมออกมา
"พี่..."
พูดได้แค่นี้แล้วก็ต้องอึ้งไป มันยากเหลือเกินที่จะอธิบาย และผมก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงมันเอาเสียเลย
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในวันที่ผมตัดสินใจไปพบคุณแม่ของนุช เพื่อขอคบกับนุชอย่างเปิดเผยเป็นกิจจะลักษณะ อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ แล้วทุกสิ่งที่เคยพูดเคยแสดงออกกับนุช ก็กลายเป็นเรื่องยากเย็นไปเสียทั้งหมด นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ผมนิ่ง พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
"พี่ต้องห่างนุชไปสักพัก เพื่อขอเวลาทำใจ"
ในที่สุดผมก็บอกนุชไปตามตรง แล้วมองหน้านุชอย่างขอความเห็นใจ สบตาแดงเรื่อที่มีแต่น้ำตาเต็มตาอย่างสุดแสนจะเวทนา ก่อนเลื่อนลงมองไอศกรีมซึ่งเริ่มเหลวละลายไปในถ้วยตรงหน้า ไม่มีใครคิดแตะต้องของหวานรสเยี่ยมซึ่งเคยโปรดปรานแม้แต่คำเดียว เราสองคนต่างนั่งนิ่ง เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ความเงียบเข้าปกคลุมรอบตัวเราทั้งคู่
"ปัญหาเรื่องพ่อเลี้ยงของนุช...จะย้ายมาอยู่ที่บ้านพี่เลยก็ได้นะ พ่อกับแม่พี่ไม่ว่าอะไรหรอก พ่อรู้เรื่องทั้งหมดและเข้าใจเราดี แต่พี่คงต้องขอออกไปอยู่ข้างนอกก่อน พี่...ต้องขอเวลาทำใจสักพัก นุชคงเข้าใจที่พี่บอกนะครับ"
"พี่นัสคะ..."
ในที่สุดเธอก็เรียกชื่อผม หลังเงียบอยู่นาน นุชคงกำลังพยายามทำใจ เธอเองก็ต้องยอมรับกับความจริงในข้อนี้ให้ได้ ยิ่งเราพบกันมันก็จะยิ่งปวดใจ และยากจะตัดความสัมพันธ์ฉันคนรักลงได้ง่าย และเมื่อเราหมดหนทางจะสานความรักของเราต่อ เราจึงต้องช่วยกันหันเหมันไปอีกทาง
"ถ้างั้น...เรากลับกันเถอะค่ะ"
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับพี่ชายกับน้องสาวร่วมสายโลหิต ที่ถูกจับแยกจากกันมานานถึงสิบเก้าปี และเพิ่งรู้ความจริงจากปากคนเป็นพ่อกับแม่ ที่เลิกกันไปตั้งแต่น้องสาวผมอายุเพียงสองขวบ ส่วนผมอายุได้สามขวบเท่านั้นเอง พวกเขาผิดใจกันรุนแรง ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวใหม่ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล และไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
ชะตากรรมทำให้ผมได้มาเจอและรักกันกับนุช ครั้นตกลงปลงใจจะเข้าตามตรอกออกตามประตู ผมกลับได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เหมือนโลกจะถล่มทลายลงมาตรงหน้า แล้วหลังจากนั้นโลกทั้งใบก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เราสองคนลุกขึ้นจากโต๊ะโดยไม่ใยดีไอศกรีมในถ้วย เมื่อตอนออกไปจ่ายเงิน บริกรมองหน้าผมกับนุชด้วยสายตาสงสัย
"ไม่มีอะไร" ผมตอบเขาเสียเลย
"ก็แค่พี่ชายพาน้องสาวมากินไอศครีม"