เก็บเรื่องสั้นตัวเองรีไร้ท์จนเบื่อแล้ว หันมาเล่นตามโครงการของน้ำกับแอนบ้างดีกว่า ขอยืมประโยคที่ชอบมากที่สุดในเรื่องสั้นของน้องน้ำมาใส่เรื่องนี้หน่อยนะคะ^^
หนึ่งสลึง
ล. วิลิศมาหรา
“ถ้านุ่นรังเกียจเงิน แล้วเงินที่ไหนจะเข้าไปหาคนที่รังเกียจล่ะ เวลานุ่นรังเกียจหรือไม่ชอบใครสักคน นุ่นอยากให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ ไหมละ เชื่อสิแม้แต่เสียงก็ไม่อยากได้ยิน มันตรงกันข้ามกันกับคนรัก ถ้าเรารักใครสักคนก็อยากให้เขามาหาบ่อย ๆ ใช่ไหม เงินก็เหมือนกันเขาจะไปอยู่กันคนที่แสดงความรักกับเขา แต่จะหนีห่างจากคนที่แสดงท่าทีรังเกียจเขา”
ฉันปลดสร้อยห้อยล็อกเก็ตเหรียญหนึ่งสลึงออกจากคอ บรรจงแกะมันออกจากล็อกเก็ต โชคดีที่มันทำจากพลาสติกจึงแกะได้ง่าย...ได้เหรียญออกมาแล้วฉันก็หย่อนเหรียญสลึงนั้นลงไปรวมกับพวกเดียวกันในกระป๋องนม
เงินยังไงก็คือเงิน ใช้ซื้อสินค้าและสิ่งของที่อยากได้ ยกเว้นความรัก...
ฉันเป็นแค่สาวโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดามาก เช้ามาแต่งตัวหาอะไรใส่ท้องให้มีพลังงานทำงาน ออกจากห้องเช่าราคาย่อมเยา ขึ้นรถไปทำงานในโรงงาน เสร็จงานก็กลับเข้าห้อง พอเงินเดือนออกก็เฉลิมฉลองกันหน่อย ให้สมกับที่เหนื่อยยากมาทั้งเดือน กินข้าวฟังเพลงเต้นรำตามผับต่าง ๆ สนุกสนานไปวัน ๆ
จนเมื่อวันหนึ่งฉันเกิดไปเจอกับ ‘เขา’ เข้า หนุ่มสูงวัยท่าทางใจดีคนหนึ่ง เขาอายุแก่กว่าฉันไปหลายปี พูดจาดี มีข้อคิดพร้อมคำแนะนำในการดำรงชีวิตให้แก่ฉันอยู่หลายอย่าง เขาเข้ามาเป็นที่พึ่งทางใจ คอยให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต ยามเมื่อฉันมีเรื่องไม่สบายใจก็มาคอยตามห่วงใย คอยใส่ใจดูแล เป็นใครก็คงใจอ่อนกันบ้างล่ะ ความที่ฉันยังเด็ก ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายวัยดึก และไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาทำท่าปลื้มมาก่อน จึงไม่แปลกอะไรที่ฉันจะเผลอมีใจไปกับเขาคนนี้ และราวกับฟ้าดินเป็นใจ เขาเองก็บอกว่ามีใจให้กับฉันเหมือนกัน....วันนั้นฉันจึงปลาบปลื้มเสียจนน้ำตาไหล เขาทำงานอยู่ในโรงงานอีกโรงหนึ่ง อยู่ถัดจากโรงงานที่ฉันทำไม่ไกลเท่าไหร่ และเช่าห้องพักอยู่ในละแวกเดียวกัน เรามักเจอกันตอนไปซื้ออาหารในตลาดใกล้หอพัก
เราสองคนเป็นแค่พนักงานจน ๆ ของโรงงานเท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมีของขวัญมีค่ามากำนัลวันสำคัญ ๆ อย่างในวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะถึงนี้ก็เหมือนกัน เขายื่นของสิ่งหนึ่งให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ล่วงหน้ากับฉันตั้งหลายวัน
“พี่มีของอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพี่มาก พี่ถือเอามันเป็นของนำโชคลาภ ไม่เคยให้ห่างจากตัวเลย มีอยู่แค่ชิ้นเดียว พี่จะมอบให้คนที่พี่รักที่สุดเท่านั้น”
เขายื่นเหรียญสลึงเหรียญหนึ่งให้แก่ฉัน
“พี่พบมันตกอยู่ข้างทางเมื่อนานมาแล้ว คนเดินผ่านไปมาไม่มีใครสนใจ ไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน แต่พี่คิดว่าเงินก็คือเงิน จะน้อยจะมากก็เป็นเงิน เลยเก็บมันมา ตั้งแต่นั้นพี่รู้สึกว่ามีโชคดีเข้ามาในชีวิตหลายอย่าง รวมทั้งนุ่นด้วย”
เขายิ้มยัดใส่ตาฉันเสียหวานฉ่ำ พลางจำนนรรจา ฉันจำได้ว่าวันนั้นรู้สึกปลาบปลื้มใจกับเจ้าเหรียญสลึงนี้มาก ต่อให้มันมีค่าเพียงน้อยนิด แต่หากมันมาจากคนที่ฉันรัก ฉันกลับเห็นถึงคุณค่าของมันมากกว่าคุณค่าที่แท้จริงเป็นล้านเท่า ฉันจึงรับเอามา และนำมันไปทำเป็นล็อกเก็ตห้อยติดตัวไว้ตลอดเวลา
วันนี้คือวันวาเลนไทน์ ครบปีที่เราคบเป็นแฟนกัน ฉันมานั่งรอเขาในผับที่เขาชอบมานั่ง ฉันไม่ได้มากับเขาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันไม่รอให้เขาชวนก่อน คิดว่าอย่างไรเสียเขาคงชวนฉันมาฉลองความรักที่นี่แน่ พอเขาโทร.มาชวน ฉันก็จะทำเซอร์ไพรส์ บอกเขาว่าฉันมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
มานั่งรอตั้งแต่ผับเพิ่งเริ่มเปิดกับเพื่อน ๆ อีกสามสี่คน จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามทุ่ม ก็มีเพื่อนสาวที่เคยรู้จักกันอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย พวกเราดื่มกินเฮฮากันไป เพื่อรอเวลาวงดนตรีวงโปรดขึ้นมาเล่น
โทรศัพท์ของฉันเงียบสนิทจนผิดสังเกต ไม่ยักมีข้อความหรือเสียงโทรศัพท์ของเขามาชวนฉันแต่อย่างใด ทั้งที่เมื่อเช้าก็ส่งข้อความหวานจ๋อยมาหาตั้งแต่ไก่โห่...วันนี้เขาไปเที่ยวที่ไหนนะ กดดูหน้าไลน์กับเฟซบุ๊กก็เงียบฉี่
พอดีเพื่อน ๆ ลุกไปเต้นกันหมด เหลือฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะกับแนน เพื่อนอีกคนหนึ่งตามลำพัง
“ไม่ค่อยเห็นมาที่นี่เลยอ่ะ แนน”
ฉันทักทายแนนเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง
“วันนี้แนนกะมาเซอร์ไพรส์แฟนน่ะ กำลังมองหาว่าจะมามั้ย”
“เหมือนกันเลย นุ่นก็กะมาเซอร์ไพรส์แฟนนุ่น เขาชอบมาเที่ยวที่นี่”
“ไม่เห็นมาสักที หรือวันนี้จะไปเที่ยวที่อื่น”
แนนชะเง้อคอยาวมองหาแฟนตัวเอง สลับกับมองหน้าโทรศัพท์ ดูท่าทีแนนจะกระวนกระวายใจมาก พอ ๆ กับฉันที่ชะเง้อมองหาเขาอยู่เช่นเดียวกัน
“อุตส่าห์เอาของที่เขาให้มาไปทำล็อกเก็ตห้อยคอ ว่าจะเอามาอวดซะหน่อย กลับไม่ยอมมาซะนี่”
“เหมือนกันเลย นี่นุ่นก็เอาของที่เขาให้มาไปทำล็อกเก็ต บังเอิญจังเนอะแนน”
แล้วเราสองคนก็เอาล็อกเก็ตที่ต่างห้อยคออยู่คนละเส้นมาอวดกัน ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง กับเหรียญสลึงในกรอบล็อกเก็ตสร้อยคอของเพื่อนสาว
“เออ...แฟนแนนชื่อไรเหรอ”
สังหรณ์อย่างหนึ่ง ทำให้ฉันเอ่ยปากถามถึงชื่อแฟนของแนน
“ชื่อพี่โต้งจ้า เขาแก่กว่าแนนแทบจะเป็นพ่อลูกกัน แต่แนนรักเขาจ้า อายุเลยไม่เป็นปัญหา เราเพิ่งคบกันได้สักหกเดือนเอง เขาให้เหรียญนำโชคของเขาเป็นของขวัญวันเกิดแนน น่ารักที่สุดเลย เขาบอกว่าเหรียญนี้เขารักที่สุดในชีวิต เพราะมันนำแต่โชคดีมาให้เขา และเขาจะมอบมันให้กับผู้หญิงคนที่เขารักมากที่สุดเท่านั้น ทีแรกแนนก็คิดว่า แหม...แค่เหรียญสลึงเอง แต่คำที่เขาบอกกับแนนมามันช่างลึกล้ำ ทำเอาแนนซาบซึ้งถึงกับน้ำตาไหลเลยล่ะ”
แนนเล่าต่อด้วยดวงตาเป็นประกาย
“เขาบอกว่า...ถ้าแนนรังเกียจเงิน แล้วเงินที่ไหนจะเข้าไปหาคนที่รังเกียจล่ะ เหมือนเรารักใครสักคนก็อยากให้เขามาหาบ่อย ๆ ใช่ไหม เงินก็เหมือนกันเขาจะไปอยู่กันคนที่แสดงความรักกับเขา แต่จะหนีห่างจากคนที่แสดงท่าทีรังเกียจเขา...”
จบ!
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง.....หนึ่งสลึง.....
ล. วิลิศมาหรา
“ถ้านุ่นรังเกียจเงิน แล้วเงินที่ไหนจะเข้าไปหาคนที่รังเกียจล่ะ เวลานุ่นรังเกียจหรือไม่ชอบใครสักคน นุ่นอยากให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ ไหมละ เชื่อสิแม้แต่เสียงก็ไม่อยากได้ยิน มันตรงกันข้ามกันกับคนรัก ถ้าเรารักใครสักคนก็อยากให้เขามาหาบ่อย ๆ ใช่ไหม เงินก็เหมือนกันเขาจะไปอยู่กันคนที่แสดงความรักกับเขา แต่จะหนีห่างจากคนที่แสดงท่าทีรังเกียจเขา”
ฉันปลดสร้อยห้อยล็อกเก็ตเหรียญหนึ่งสลึงออกจากคอ บรรจงแกะมันออกจากล็อกเก็ต โชคดีที่มันทำจากพลาสติกจึงแกะได้ง่าย...ได้เหรียญออกมาแล้วฉันก็หย่อนเหรียญสลึงนั้นลงไปรวมกับพวกเดียวกันในกระป๋องนม
เงินยังไงก็คือเงิน ใช้ซื้อสินค้าและสิ่งของที่อยากได้ ยกเว้นความรัก...
จนเมื่อวันหนึ่งฉันเกิดไปเจอกับ ‘เขา’ เข้า หนุ่มสูงวัยท่าทางใจดีคนหนึ่ง เขาอายุแก่กว่าฉันไปหลายปี พูดจาดี มีข้อคิดพร้อมคำแนะนำในการดำรงชีวิตให้แก่ฉันอยู่หลายอย่าง เขาเข้ามาเป็นที่พึ่งทางใจ คอยให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต ยามเมื่อฉันมีเรื่องไม่สบายใจก็มาคอยตามห่วงใย คอยใส่ใจดูแล เป็นใครก็คงใจอ่อนกันบ้างล่ะ ความที่ฉันยังเด็ก ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายวัยดึก และไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาทำท่าปลื้มมาก่อน จึงไม่แปลกอะไรที่ฉันจะเผลอมีใจไปกับเขาคนนี้ และราวกับฟ้าดินเป็นใจ เขาเองก็บอกว่ามีใจให้กับฉันเหมือนกัน....วันนั้นฉันจึงปลาบปลื้มเสียจนน้ำตาไหล เขาทำงานอยู่ในโรงงานอีกโรงหนึ่ง อยู่ถัดจากโรงงานที่ฉันทำไม่ไกลเท่าไหร่ และเช่าห้องพักอยู่ในละแวกเดียวกัน เรามักเจอกันตอนไปซื้ออาหารในตลาดใกล้หอพัก
เราสองคนเป็นแค่พนักงานจน ๆ ของโรงงานเท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมีของขวัญมีค่ามากำนัลวันสำคัญ ๆ อย่างในวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะถึงนี้ก็เหมือนกัน เขายื่นของสิ่งหนึ่งให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ล่วงหน้ากับฉันตั้งหลายวัน
“พี่มีของอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพี่มาก พี่ถือเอามันเป็นของนำโชคลาภ ไม่เคยให้ห่างจากตัวเลย มีอยู่แค่ชิ้นเดียว พี่จะมอบให้คนที่พี่รักที่สุดเท่านั้น”
เขายื่นเหรียญสลึงเหรียญหนึ่งให้แก่ฉัน
“พี่พบมันตกอยู่ข้างทางเมื่อนานมาแล้ว คนเดินผ่านไปมาไม่มีใครสนใจ ไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน แต่พี่คิดว่าเงินก็คือเงิน จะน้อยจะมากก็เป็นเงิน เลยเก็บมันมา ตั้งแต่นั้นพี่รู้สึกว่ามีโชคดีเข้ามาในชีวิตหลายอย่าง รวมทั้งนุ่นด้วย”
เขายิ้มยัดใส่ตาฉันเสียหวานฉ่ำ พลางจำนนรรจา ฉันจำได้ว่าวันนั้นรู้สึกปลาบปลื้มใจกับเจ้าเหรียญสลึงนี้มาก ต่อให้มันมีค่าเพียงน้อยนิด แต่หากมันมาจากคนที่ฉันรัก ฉันกลับเห็นถึงคุณค่าของมันมากกว่าคุณค่าที่แท้จริงเป็นล้านเท่า ฉันจึงรับเอามา และนำมันไปทำเป็นล็อกเก็ตห้อยติดตัวไว้ตลอดเวลา
วันนี้คือวันวาเลนไทน์ ครบปีที่เราคบเป็นแฟนกัน ฉันมานั่งรอเขาในผับที่เขาชอบมานั่ง ฉันไม่ได้มากับเขาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันไม่รอให้เขาชวนก่อน คิดว่าอย่างไรเสียเขาคงชวนฉันมาฉลองความรักที่นี่แน่ พอเขาโทร.มาชวน ฉันก็จะทำเซอร์ไพรส์ บอกเขาว่าฉันมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
มานั่งรอตั้งแต่ผับเพิ่งเริ่มเปิดกับเพื่อน ๆ อีกสามสี่คน จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามทุ่ม ก็มีเพื่อนสาวที่เคยรู้จักกันอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย พวกเราดื่มกินเฮฮากันไป เพื่อรอเวลาวงดนตรีวงโปรดขึ้นมาเล่น
โทรศัพท์ของฉันเงียบสนิทจนผิดสังเกต ไม่ยักมีข้อความหรือเสียงโทรศัพท์ของเขามาชวนฉันแต่อย่างใด ทั้งที่เมื่อเช้าก็ส่งข้อความหวานจ๋อยมาหาตั้งแต่ไก่โห่...วันนี้เขาไปเที่ยวที่ไหนนะ กดดูหน้าไลน์กับเฟซบุ๊กก็เงียบฉี่
พอดีเพื่อน ๆ ลุกไปเต้นกันหมด เหลือฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะกับแนน เพื่อนอีกคนหนึ่งตามลำพัง
“ไม่ค่อยเห็นมาที่นี่เลยอ่ะ แนน”
ฉันทักทายแนนเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง
“วันนี้แนนกะมาเซอร์ไพรส์แฟนน่ะ กำลังมองหาว่าจะมามั้ย”
“เหมือนกันเลย นุ่นก็กะมาเซอร์ไพรส์แฟนนุ่น เขาชอบมาเที่ยวที่นี่”
“ไม่เห็นมาสักที หรือวันนี้จะไปเที่ยวที่อื่น”
แนนชะเง้อคอยาวมองหาแฟนตัวเอง สลับกับมองหน้าโทรศัพท์ ดูท่าทีแนนจะกระวนกระวายใจมาก พอ ๆ กับฉันที่ชะเง้อมองหาเขาอยู่เช่นเดียวกัน
“อุตส่าห์เอาของที่เขาให้มาไปทำล็อกเก็ตห้อยคอ ว่าจะเอามาอวดซะหน่อย กลับไม่ยอมมาซะนี่”
“เหมือนกันเลย นี่นุ่นก็เอาของที่เขาให้มาไปทำล็อกเก็ต บังเอิญจังเนอะแนน”
แล้วเราสองคนก็เอาล็อกเก็ตที่ต่างห้อยคออยู่คนละเส้นมาอวดกัน ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง กับเหรียญสลึงในกรอบล็อกเก็ตสร้อยคอของเพื่อนสาว
“เออ...แฟนแนนชื่อไรเหรอ”
สังหรณ์อย่างหนึ่ง ทำให้ฉันเอ่ยปากถามถึงชื่อแฟนของแนน
“ชื่อพี่โต้งจ้า เขาแก่กว่าแนนแทบจะเป็นพ่อลูกกัน แต่แนนรักเขาจ้า อายุเลยไม่เป็นปัญหา เราเพิ่งคบกันได้สักหกเดือนเอง เขาให้เหรียญนำโชคของเขาเป็นของขวัญวันเกิดแนน น่ารักที่สุดเลย เขาบอกว่าเหรียญนี้เขารักที่สุดในชีวิต เพราะมันนำแต่โชคดีมาให้เขา และเขาจะมอบมันให้กับผู้หญิงคนที่เขารักมากที่สุดเท่านั้น ทีแรกแนนก็คิดว่า แหม...แค่เหรียญสลึงเอง แต่คำที่เขาบอกกับแนนมามันช่างลึกล้ำ ทำเอาแนนซาบซึ้งถึงกับน้ำตาไหลเลยล่ะ”
แนนเล่าต่อด้วยดวงตาเป็นประกาย
“เขาบอกว่า...ถ้าแนนรังเกียจเงิน แล้วเงินที่ไหนจะเข้าไปหาคนที่รังเกียจล่ะ เหมือนเรารักใครสักคนก็อยากให้เขามาหาบ่อย ๆ ใช่ไหม เงินก็เหมือนกันเขาจะไปอยู่กันคนที่แสดงความรักกับเขา แต่จะหนีห่างจากคนที่แสดงท่าทีรังเกียจเขา...”