ซีรี่ย์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ชื่อผลักใสคนดูมาก could have gone all the way committee โอเค ขุดความรู้เก่าคือ could have +Vช่อง3 = น่าจะสามารถทำได้(แต่ ทำไม่ได้ไปแล้ว) ชื่อไทยว่าคณะกรรมการฟันธงรัก
(มีสปอย ระดับกลาง)
เป็นเรื่องของคนที่มีเรื่องคาใจส่งเรื่องเข้าไป แล้วคณะกรรมการก็เรียกมาให้ปากคำต่อหน้า บอกเลยตอนแรกที่เห็นฉากห้องประชุม อย่างงง คล้ายกับหลงเข้ามาในห้องประชุมศาลากลางอำเภอ มีตุงล้านนาด้วย นี่มันซีรี่ย์อีหยังวะอย่างแท้จริง ชายหนุ่มเล่าเรื่องตอนมอปลายมีสาวใหญ่ชวนไปห้องดูวิดีโอเซ็กซี่แต่ด้วยบริบทมากมายสุดท้ายไม่ได้มีอะไรกัน เลยมาให้ช่วยตัดสินว่าสาวใหญ่อยากด้วยหรือหรือไม่ (ก็ได้เหรอ) อย่างไรก็ดีสิ่งที่สิ่งที่คาดไม่ถึงมันอยู่ตอนที่ คณะกรรมการตัดสินว่าการซั่มครั้งนั้นเกือบจะเกิดขึ้นได้จริงเพราะจากพยาน หลักฐาน ฟันธงว่าสาวใหญ่มีความตั้งใจซั่มเหมือนกันนะจ๊ะ ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็น้ำตารื้น คณะกรรมการก็น้ำตาคลอ บอกว่ายินดีด้วยพวกเราตัดสินแบบนี้แล้วขอให้คุณใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความยินดีปรีดา เพลงออเครสตาบรรเลง ภาพชายหนุ่มกับน้ำตาแห่งความปิติค่อยๆเดินออกจากห่องไป เรานิโคตรงง
แต่ก็ดูนะ วันละตอน จบตอนที่สี่ตื่นมาบอกสามีว่า เธอวันนี้ประหลาดมาก อยากกินอาหารร้านนี้ ดูหนังเรื่องนี้ ขอเท้าความว่าเราเป็นคนที่ถูกส่งไปทำงานระยะสั้นและยาว ประมาณสี่ประเทศ แต่มีความทรงจำแค่สอง เพราะอีกสองเป็นประเทศทรมานเจอเหตุการณ์เลวร้าย เช่น โดนโกงซ้ำซ้อน ป่วยหนักอ้วกกลางรถไฟฟ้าต่างเมือง โดนไล่ที่ ดังนั้นในสองประเทศความทรงจำเลยถูกกดไว้ ทำให้หยุดพูดภาษานั้นไปเลย ที่เรียนมาคือสูญเปล่า กระทบการงาน ดูละครประเทศนั้นไม่ได้ กินร้านอาหารประเทศนั้นในไทยก็ไม่ได้อยู่ 2-3 ปี ไม่สามารถเล่าถึงให้ใครฟังได้เลย อยู่ดีๆเช้าวันนั้น ก็หยิบอัลบั้มมานั่งจัดรูป คุยกับสามีถึงเจ้านายเก่า และดูละครประเทศทรมานนั้น ทั้งหมดเกิดขึ้นใน 5 นาที
นั่นเป็นเพราะเราอยู่ดีๆก็คิดว่า เออ ตอนนั้นมันน่าจะประสบความสำเร็จแล้วเนอะ อีกนิดเดียว (จริงๆก็ไม่นิดหรอก แต่พยายามเลียนแบบซีรี่ย์เรื่องนี้ดู ว่ามันจะรู้สึกยังไง) ผลคือ จากที่เราเคยจำประเทศเหล่านั้นด้วยภาพอ้วก โกงเงิน เราจำภาพที่เพื่อนดีๆหนึ่งคนที่เคยช่วยเหลือ เสี้ยวความใจดีของเจ้านายที่เคยมีให้ความพยายามของตัวเองที่เคยลงแรงไป เพราะทั้งหมดนี้มันเป็นเหตุของคำว่า เกือบจะทำได้ ไง
ตอนนี้เราเข้าใจชายหนุ่มหื่นกามแล้วล่ะ ว่าเค้าไม่ได้จะอยากกลับไปซั่ม การมีความทรงจำไม่ดีก็แย่อยู่แล้ว แต่สิ่งที่แย่กว่าคือ ความทรงจำไม่ดีและติดค้าง ติดอะไร สำหรับเรา เราติดที่ stage1: denial stage ใน การรับมือกับความเศร้าซึ่งมีทั้งหมด 6 stages เรายังปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น ผลักไส ไม่เห็นไม่ดู ชายหนุ่มในเรื่อง บางคนอยู่แถวๆเดียวกับเราส่วนใหญ่อยู่ stage3: bargaining stage (ถ้าชั้นมีโอกาสอีกครั้ง ชั้นจะไม่ปล่อยเธอไป พระเจ้าขอย้อนเวลาได้ไหม) บางคนอยู่ที่ stage4: depression stage (ไม่กินไม่นอน คอยหันหลังทุกครั้งที่เจอผู้หญิงผมยาวคล้ายเธอ) ทุกคนเหมือนกันอย่างนึง คือ แม้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ก็เริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้
สิ่งที่คณะกรรมการทำ คือ การฟันธงว่า การซั่มครั้งนั้น อีกนิดเดียวเกือบเป็นไปได้แล้ว นั่นคือทั้งคณะกรรมการทั้งสามคนมาลากเราไปที่ขั้นสุดท้าย stage 6: finding meaning นั่นคือการหาความหมายให้กับเหตุการณ์เศร้าที่เข้ามาปะทะโดยความหมายนั้น ต้องเป็นความหมายที่ทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้
เล่ามายาว แค่อยากจะแชร์หนังอีกเรื่องที่เปลี่ยนชีวิต เราไปดูการ์ตูนต้นฉบับมาละ ลายเส้นเรียลมาก เห็นว่าได้รับความนิยมมาพอสมควรเลยมาทำซีรี่ย์ คณะกรรมการคนแรกอ้วนปุ๊ก หน้าใจดีมาก อีกคนเป็นสาวแว่น เห็นว่าแสดงโดยไอดอล คนสุดท้ายนี่surprise ไม่นึกว่าพระเอก naked director ก็มาเล่นเรื่องนี่กับเค้าด้วย คนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้คือ Takashi Yoshida เห็นว่าเขียนอีกเรื่องชื่อ Finland saona เราว่าฮีไม่ธรรมดา คนญี่ปุ่นรู้ได้ไงว่าคนฟินแลนด์คลั่งซาวน่า เห็นว่าเป็นแนวความหมายชีวิตในซาวน่า ถือว่าฮีแนวจริงๆ
ลองดูกันนะ เนตฟลิกซ์ค่ะ
ปล stages of grief มีหลายตำรา อาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆจ้า
เมื่อมีคนมาช่วยตัดสินความทรงจำ : Could have gone all the way comittee (Yareta Kamo Linkai)
(มีสปอย ระดับกลาง)
เป็นเรื่องของคนที่มีเรื่องคาใจส่งเรื่องเข้าไป แล้วคณะกรรมการก็เรียกมาให้ปากคำต่อหน้า บอกเลยตอนแรกที่เห็นฉากห้องประชุม อย่างงง คล้ายกับหลงเข้ามาในห้องประชุมศาลากลางอำเภอ มีตุงล้านนาด้วย นี่มันซีรี่ย์อีหยังวะอย่างแท้จริง ชายหนุ่มเล่าเรื่องตอนมอปลายมีสาวใหญ่ชวนไปห้องดูวิดีโอเซ็กซี่แต่ด้วยบริบทมากมายสุดท้ายไม่ได้มีอะไรกัน เลยมาให้ช่วยตัดสินว่าสาวใหญ่อยากด้วยหรือหรือไม่ (ก็ได้เหรอ) อย่างไรก็ดีสิ่งที่สิ่งที่คาดไม่ถึงมันอยู่ตอนที่ คณะกรรมการตัดสินว่าการซั่มครั้งนั้นเกือบจะเกิดขึ้นได้จริงเพราะจากพยาน หลักฐาน ฟันธงว่าสาวใหญ่มีความตั้งใจซั่มเหมือนกันนะจ๊ะ ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็น้ำตารื้น คณะกรรมการก็น้ำตาคลอ บอกว่ายินดีด้วยพวกเราตัดสินแบบนี้แล้วขอให้คุณใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความยินดีปรีดา เพลงออเครสตาบรรเลง ภาพชายหนุ่มกับน้ำตาแห่งความปิติค่อยๆเดินออกจากห่องไป เรานิโคตรงง
แต่ก็ดูนะ วันละตอน จบตอนที่สี่ตื่นมาบอกสามีว่า เธอวันนี้ประหลาดมาก อยากกินอาหารร้านนี้ ดูหนังเรื่องนี้ ขอเท้าความว่าเราเป็นคนที่ถูกส่งไปทำงานระยะสั้นและยาว ประมาณสี่ประเทศ แต่มีความทรงจำแค่สอง เพราะอีกสองเป็นประเทศทรมานเจอเหตุการณ์เลวร้าย เช่น โดนโกงซ้ำซ้อน ป่วยหนักอ้วกกลางรถไฟฟ้าต่างเมือง โดนไล่ที่ ดังนั้นในสองประเทศความทรงจำเลยถูกกดไว้ ทำให้หยุดพูดภาษานั้นไปเลย ที่เรียนมาคือสูญเปล่า กระทบการงาน ดูละครประเทศนั้นไม่ได้ กินร้านอาหารประเทศนั้นในไทยก็ไม่ได้อยู่ 2-3 ปี ไม่สามารถเล่าถึงให้ใครฟังได้เลย อยู่ดีๆเช้าวันนั้น ก็หยิบอัลบั้มมานั่งจัดรูป คุยกับสามีถึงเจ้านายเก่า และดูละครประเทศทรมานนั้น ทั้งหมดเกิดขึ้นใน 5 นาที
นั่นเป็นเพราะเราอยู่ดีๆก็คิดว่า เออ ตอนนั้นมันน่าจะประสบความสำเร็จแล้วเนอะ อีกนิดเดียว (จริงๆก็ไม่นิดหรอก แต่พยายามเลียนแบบซีรี่ย์เรื่องนี้ดู ว่ามันจะรู้สึกยังไง) ผลคือ จากที่เราเคยจำประเทศเหล่านั้นด้วยภาพอ้วก โกงเงิน เราจำภาพที่เพื่อนดีๆหนึ่งคนที่เคยช่วยเหลือ เสี้ยวความใจดีของเจ้านายที่เคยมีให้ความพยายามของตัวเองที่เคยลงแรงไป เพราะทั้งหมดนี้มันเป็นเหตุของคำว่า เกือบจะทำได้ ไง
ตอนนี้เราเข้าใจชายหนุ่มหื่นกามแล้วล่ะ ว่าเค้าไม่ได้จะอยากกลับไปซั่ม การมีความทรงจำไม่ดีก็แย่อยู่แล้ว แต่สิ่งที่แย่กว่าคือ ความทรงจำไม่ดีและติดค้าง ติดอะไร สำหรับเรา เราติดที่ stage1: denial stage ใน การรับมือกับความเศร้าซึ่งมีทั้งหมด 6 stages เรายังปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น ผลักไส ไม่เห็นไม่ดู ชายหนุ่มในเรื่อง บางคนอยู่แถวๆเดียวกับเราส่วนใหญ่อยู่ stage3: bargaining stage (ถ้าชั้นมีโอกาสอีกครั้ง ชั้นจะไม่ปล่อยเธอไป พระเจ้าขอย้อนเวลาได้ไหม) บางคนอยู่ที่ stage4: depression stage (ไม่กินไม่นอน คอยหันหลังทุกครั้งที่เจอผู้หญิงผมยาวคล้ายเธอ) ทุกคนเหมือนกันอย่างนึง คือ แม้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ก็เริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้
สิ่งที่คณะกรรมการทำ คือ การฟันธงว่า การซั่มครั้งนั้น อีกนิดเดียวเกือบเป็นไปได้แล้ว นั่นคือทั้งคณะกรรมการทั้งสามคนมาลากเราไปที่ขั้นสุดท้าย stage 6: finding meaning นั่นคือการหาความหมายให้กับเหตุการณ์เศร้าที่เข้ามาปะทะโดยความหมายนั้น ต้องเป็นความหมายที่ทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้
เล่ามายาว แค่อยากจะแชร์หนังอีกเรื่องที่เปลี่ยนชีวิต เราไปดูการ์ตูนต้นฉบับมาละ ลายเส้นเรียลมาก เห็นว่าได้รับความนิยมมาพอสมควรเลยมาทำซีรี่ย์ คณะกรรมการคนแรกอ้วนปุ๊ก หน้าใจดีมาก อีกคนเป็นสาวแว่น เห็นว่าแสดงโดยไอดอล คนสุดท้ายนี่surprise ไม่นึกว่าพระเอก naked director ก็มาเล่นเรื่องนี่กับเค้าด้วย คนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้คือ Takashi Yoshida เห็นว่าเขียนอีกเรื่องชื่อ Finland saona เราว่าฮีไม่ธรรมดา คนญี่ปุ่นรู้ได้ไงว่าคนฟินแลนด์คลั่งซาวน่า เห็นว่าเป็นแนวความหมายชีวิตในซาวน่า ถือว่าฮีแนวจริงๆ
ลองดูกันนะ เนตฟลิกซ์ค่ะ
ปล stages of grief มีหลายตำรา อาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆจ้า