ก็ไม่อยากโลกสวยเหมือนกัน​ แต่ก็เห็นด้วยกับ​ #7

มันถึงต้องพูดคำว่า....นี่แหละ​ คือเพื่อนที่แท้จริง

ใครที่คิดว่า...ไม่ต้องช่วย​ ไม่ต้องไปสน​ รถตัวเอง​ ขับเอง​ ก็รับเคราะห์​ไปคนเดียวซิ​ พูดแบบนี้มันก็ไม่ได้ผิดหรอก

แต่....ความรู้สึกที่ดีต่อกันกับเพื่อนฝูง​ ทำไมถึงมองข้ามในจุดนี้ไปละ

มันเกิดมาจาก​ การที่คนเราส่วนใหญ่มักเห็นแก่ตัว...ไงครับ

ต่อให้ทุกๆ​ คน​ ช่วยแชร์ค่าน้ำมันก็ตามเถอะ​ แต่เจ้าของรถอุตสาห์นำพาไปโดยที่นั่งนอน​ กันอย่างสบายๆ​ แชร์คนละนิดหน่อย​ มันก็คงไม่ถึงกับว่า....กลับมาจะต้องกินแต่มาม่า..รึไง

ความหมายของคนส่วนใหญ่​ จะต้องรู้สึกว่า...มันจะต้องน่าเกลียด​ กับตรงที่​ จข.รถมาบอก

แต่ถ้าผมเป็นเพื่อนที่นั่งเฉยๆ​ กลับคิดว่า...มันน่าเกลียดเหมือนกัน​ ถ้าเราไม่คิดช่วย

ก็เหมือนกับกินวันเกิดนั่นแหละ​ และผมเชื่อว่า...คนที่ถูกชวน​ ก็จะรู้ตัวเอง​ ว่า...ถ้าไปกิน​ ข้าไม่ต้องควักซักแดงแน่

แต่กลุ่มผม​ มันเป็นอะไรๆ​ ที่เข้าใจซึ่งกันและกัน

จข.วันเกิดหิ้วเหล้ามา​ แต่ค่าอาหาร​ อีก​ 4 คน​ ช่วยกันแชร์​  รอบหน้าวันเกิดใคร​ ก็จะทำกันแบบนี้ตลอด

นี่...ละครับ​ ความหมายของคำว่า...เพื่อน​ !

ถ้าผมนั่งอยู่ในรถ จะไม้ให้คนขับออกเลยจะหารกันทุกคนยกเว้นคนขับ
ค่าไช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างไปเที่ยวด้วยกัน เจ้าของรถหรือคนขับควรจะออกน้อยที่สุด
ไม่ได้โลกสวยนะ แต่เป็นคนแบบนี้ไม่ชอบเอาเปรียบใคร
รถตัวเอง ขับเอง ค่าสึกหรอจ่ายเอง ผ่อนรถเอง เผลอๆบางทริปน้ำมันยังเติมไปเกินครึ่งถังก่อนออกตังกันเติมน้ำมัน
ผมเป็นคนไม่มีรถนะ ถ้าไป ตจว.เหมารถตู้พร้อมคนขับ แล้วมาหารค่าน้ำมันกันแฟร์ๆดีกว่า
เพื่อนแทนที่จะขับรถ ก็จะได้สนุกไปด้วยกัน ไม่ใช่ต้องไปขับรถ เมื่อย เหนื่อย ถึงที่เที่ยวก็ต้องนอนพัก

ถ้าผมเป็นคนขับ ผมจ่ายเอง ถ้าผมอาศัยรถเพื่อน ผมช่วยจ่าย ผมเป็นคนแบบนี้

เคสนี้ ความเห็นส่วนตัว ไม่ควรเอ่ยปาก น่าเกลียดแน่นอน คิดว่าควรจะจ่ายเอง เพราะเป็นรถตัวเอง ทำผิดเอง แล้วเอาจริงๆ เงินไม่ได้เยอะ แต่คนที่ไปด้วยก็ควรแสดงน้ำใจ อย่างที่หลายๆความเห็นบอก ถึงจะไม่ได้แชร์ค่าปรับเป็นเงิน เช่น เลี้ยงข้าวกลับ จ่ายค่าน้ำมัน ค่าโรงแรมให้คืนนึง แทนอะไรแบบนี้

ประสบการณ์เรา เคยไปออสเตรเลีย แล้วเช่ารถกันขับ  กับเพื่อน 4 คน ก่อนไปก็หาข้อมูลอย่างดี ในอินเตอร์เนตมีคนเตือนเรื่องโดนจับความเร็วเยอะมาก ซึ่งเราเป็นคนขับคนเดียวในทริป เพราะที่เหลือขับรถไม่เป็น แล้วก็ระวังอย่างดี เพราะเป็นการขับรถต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต

วันแรกที่ไปถึง ทางมันเป็นถนนเลียบทะเล ขึ้นๆลงๆเขาตลอด แล้วทางโค้งเยอะมาก
ระหว่างทางมันก็มีป้ายจำกัดความเร็วสลับกัน ไม่เกิน 40 บ้าง 60 บ้าง 80 บ้าง แล้วแต่ช่วง ด้วยความที่ขับมา 3 ชั่วโมง มันก็ล้าด้วย แล้วขับเพลิน เพราะต้องทั้งโฟกัสทาง โฟกัสแผนที่ บางช่วงเลยลืมดู ขับไปสักพักโดนรถตำรวจขับจี้ตามจ้า แล้วเปิดไฟสูงใส่ ตอนนั้นก็ไม่รู้ คิดว่าเราขับช้าไป แล้วเค้าจะรีบไป แต่ถนนมันเป็น 2 เลน หลบซ้ายไม่ได้ เลยยิ่งเหยียบคันเร่งหนี แต่ทางนั้นก็ขับตามไม่หยุด จี้ท้ายตลอดเวลา จนสักพักเอะใจ ว่าทำไมไม่แซงไป เปิดไฟสูงใส่อยู่ได้ เลยหลบจอดข้างทาง โดนตำรวจประกบเลยจ้า แต่ตำรวจที่นั่นมารยาทดีมาก ไม่บีบแตรใส่ แล้วลงมาขอโทษ บอกว่า ที่ต้องขับตามเพราะเราขับเกินลิมิต แล้วเค้าเป็นห่วงความปลอดภัย เลยตามมาเตือน โดนจับความเร็วไป 80 นิดๆ (ช่วงนั้นให้ขับไม่เกิน 60) โดนใบสั่งตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง ตีเป็นเงินไทย 7,000 กว่าบาท หน้าซีด หมดสนุกเลย

พอกลับมาถึงที่ไทย มีเพื่อนคนนึงไลน์มา จะช่วยหารค่าปรับให้ ส่วนอีก 2 คนทำเงียบ แต่เราบอกไปว่าไม่เป็นไร เด่วจ่ายเอง เพราะเป็นคนทำผิดเอง
แต่เพื่อนคนนั้นไม่ยอม ยังไงขอช่วยหารด้วย เพราะรู้ว่าก็ไม่ได้ตั้งใจ แล้วเราก็เสียสละขับรถให้ตลอดทาง 3 วันเต็ม ค่าเช่ารถ (รูดบัตร) ก็ออกให้ก่อนเป็นเดือน  แบบส่วนตัวคือประทับใจเพื่อนคนนี้มาก ส่วนอีกสองคนก็แค่รู้สึกไม่ดีด้วยแค่นั้น