สวัสดีชาวพันทิพย์ทุกคน ไม่ได้มานั่งเขียนกระทู้นานมาก ตื่นเต้นดีเหมือนกันค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าบันทึกการเดินทางของเราอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน ที่ที่เราจะมาแชร์ประสบการณ์ในวันนี้คือ
"อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล"
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัด ลำพูน และลำปาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ ผสานกันอย่างลงตัว
อีกทั้งยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในประเทศไทยที่เดินทางไปได้ด้วยรถไฟ คือที่นี่รถไฟจอดปุ๊ป เดินขึ้นดอยได้เลย
ที่มาของทริปนี้เริ่มต้นที่มีน้องในกลุ่มอกหัก5555
เลยต้องพาไปปล่อยป่า หาความสงบ บำบัดจิตใจ
ทริปนี้เราไปเมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคม 2564 มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน การเดินทางมาที่อุทยานแห่งนี้แบบคลาสสิคสุดๆ ก็ต้องเดินทางโดยรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นที่ตั้งอุโมงค์ขุนตาน โดยเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย พวกเราเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีรถไฟศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ ไปถึงสถานีรถไฟขุนตานด้วยขบวนรถไฟขบวน109 สนนราคาที่ 89 บาท รถไฟจอดที่สถานีศิลาอาสน์เวลา 22.37น.
บรรยากาศบนรถไฟให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวโดยสิ้นเชิง เสียงของรถไฟกระทบราง เสียงพัดลมที่ส่ายไปมารับกับเสียงลม เรียกได้ว่ามันคือ“เสียงแห่งท่วงทำนองของการออกเดินทาง” ที่ขับกล่อมเราให้เศร้า สุข คิดถึง และระบายความรู้สึกที่ฝังตรึงในหัวใจให้หลั่งไหลออกมา...
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงจึงถึงสถานีรถไฟขุนตาน ระหว่างการเดินทางที่เราใช้ระยะเวลาอยู่บนรถไฟ อากาศตอนกลางคืนบนรถไฟนั้นค่อนข้างเย็น ยิ่งเวลาผ่านช่องเขาต่างๆด้วยแล้วนั้นหนาวมาก แนะนำเตรียมเสื้อกันหนาวอุ่นๆใส่ไปเลยนะคะ ช่วงหน้าหนาวนี้อากาศบนรถไฟเย็นจริงๆ เย็นจนนอนไม่หลับ แต่บางคนก็สามารถหลับได้
พวกเรามาถึงสถานีรถไฟขุนตานประมาณตีสามกว่าๆ พอลงจากรถไฟปุ๊ป เจ้าถิ่นจะมารอรับเราเลยค่ะ นั่นคือ เจ้าดำและพรรคพวก เจ้าพวกนี้นี่แหละจะคอยมาเป็นไกด์หรือผู้นำทางให้เราตลอดทริปกันเลยทีเดียว....
ที่สถานีจะมีร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการให้เราเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นได้อีกเล็กน้อย
กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมคะ???
พอเริ่มเช้าก็ได้เวลาเดินขึ้นอุทยานแล้วค่ะ
การเดินเท้าศึกษาธรรมชาติของที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จะแบ่งเป็น 5 ช่วง
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดบนอุทยาน
1. จากสถานีรถไฟ - ที่ทำการอุทยานฯ : 1. KM. จุดนี้หากใครไม่อยากเดินสามารถจ้างรถขึ้นไปยังที่ทำการอุทยานได้ค่ะ
ราคาอยู่ที่คนละ 100 บาท
ส่วนพวกเราเลือกเดินค่ะ ไหนๆก็มาถึงแล้ว ลองของซักหน่อย
555555
เส้นทางเป็นขั้นๆขึ้นไปตลอดทางค่อนข้างชัน มีทั้งทางเดินที่เป็นดินและถนนหนทางสำหรับรถค่ะ ถือว่าโหดสุดก็น่าจะทางไปอุทยานนั่นแหละ ถ้าไม่อยากเปลืองแรงก็นั่งรถขึ้นไปแล้วกันนะคะ
สภาพ..........
ยังไม่ทันถึงที่ทำการอุทยาน น้องๆในกลุ่มก็เป็นสภาพนี้แล้วค่ะ นอนไปแล้วเรียบร้อย5555
และแล้วเราก็ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลค่ะ มาถึงก็ต้องชำระค่าเข้าอุทยานค่ะ คนละ 50 บาท สิ่งที่ควรเตรียมมาเลยถ้าไม่อยากเสียเวลาคือ
1. ผลตรวจโควิด19 (ถ้าไม่เตรียมผลตรวจมาเจ้าหน้าที่จะพาไปตรวจก่อน)
2.ใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สามารถปริ้นจากแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมค่ะ
3.บัตรประจำตัวประชาชน
เราสามารถเลือกกางเต็นท์นอนได้ตั้งแต่ที่ทำการอุทยาน ย.1 ย.2 ย.3 บริเวณที่ทำการอุทยานจะมีลานกว้างสามารถกางเต็นท์ได้ มีบ้านพัก มีห้องน้ำ มีร้านค้า ร้านอาหาร ไว้คอยบริการ
ย.1 กางเต็นท์ได้เช่นกัน แต่ไม่ค่อยนิยมกัน มีบ้านพักด้วย
ย.2 แนะนำปักหลักที่ ย.2 เพราะมีลานสน ต้นไม้เยอะ ผูกเปลได้ กางเต๊นท์ได้ มีห้องน้ำ มีน้ำใช้ มีห้องอาบน้ำเช่นกัน
ย.3 ส่วนถ้าใครนอน ย.3 จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม คนละ 100 บาท เพราะเป็นเขตของมหาวิทยาลัย เป็นจุดที่อยู่ในการดูแลของ ม.พายัพ (ติดต่อเจ้าหน้าที่ป้าศรี 086-9175225) บน ย.3 มีบ้านพัก มีลานกางเต็นท์ เปลไม่ค่อยสะดวก แต่ก็พอมีที่ผูกแหระ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ฝักบัว น้ำไหลแรง และเย็นเจี๊ยบ ไม่มีไฟ มีก๊อกน้ำล้างจานอย่างดี
และแน่นอนเราเลือกนอน ย.3 เนื่องจากอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นบน ย.4 โดยจะห่างจาก ย.4 แค่ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินโดยประมาณ 30 นาที เลยตกลงกันว่าถ้าเดินจากย.3 น่าจะดีที่สุดสำหรับกรุ๊ปเรา
จุดที่ 2. จากที่ทำการอุทยานฯ - ย.1 : 1.5 KM. จุดนี้จะสามารถจ้างลูกหาบหาบสัมภาระขึ้นไปได้นะคะ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาทค่ะ ลูกหาบจะนำไปให้ได้แค่ ย.2 นะคะ
ย.1 จะมาจุดชมวิวให้เราได้ถ่ายภาพได้ค่ะ วิวสวยมาก เห็นแล้วสดชื่น
3. จาก ย.1 - ย.2 : 1 KM. ตลอดเส้นทางส่วนใหญ่จะมีทางดินสำหรับรถของลูกหาบขับขึ้นไป และทางเดินเป็นบันไดไม้
4. จาก ย.2 - ย.3 ระยะทางโดยประมาณ 3 KM.
กว่าจะถึงย.3 นี่ก็ถือว่าไม่เบาเลยค่ะ ขาเริ่มก้าวไม่ออก อาจเพราะไม่ได้วอมร่างกายมาก่อนก็คงไม่ผิด บวกกับของที่ตั้งใจแบก5555 เยอะมาก อย่าหาทำกันนะคะ เอาของกินแบบน้ำหนักเบาก็พอค่ะ กรุ๊ปเราคือแบกหมดค่ะกระทะก็เอามา เนื้อหมู 3 Kg อื่นๆมีมากมาย กลัวอยู่ป่าแล้วอด
ทางก็ไม่ได้ชันอะไรมาก ริมทางเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสันสวยงามสลับกันไปตลอดทาง
พอมาถึงย.3 เราก็เริ่มกางเต็นท์ อาบน้ำ และเตรียมอาหาร จุดนี้เองที่เราได้เพื่อนใหม่ๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแบ่งปันของต่างๆที่หอบหิ้วมา
ห้องน้ำบน ย.3ค่อนข้างดีค่ะ จะน่ากลัวสักหน่อยก็ตรงที่ไม่มีไฟ ข้างบนนี้ไม่มีไฟและแน่นอนไม่มีน้ำอุ่นค่ะ
จะอาบน้ำก็ให้รีบอาบเลยค่ะเมื่อมาถึง น้ำเย็บมาก แทบช็อค
บรรยากาศในยามค่ำคืนบน ย.3 ค่อนข้างเงียบสงัด แต่ทว่ากลับมีเสียงความครึกครื้นจากพวกเราและกลุ่มอื่นๆ2-3กลุ่ม
ต่างได้เข้ามาพูดคุยทำความรู้จักกัน แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
นี่ถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินทางทุกคนว่าไหม....
5. จาก ย.3 - ย.4 : 1 KM. จุดนี้เดินทางจาก ย.3 เพียง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินโดยประมาณ 30 นาทีค่ะ
จุดสูงสุดอากาศทั้งหนาวและมีลมพัดตลอดเวลาเลยค่ะ เย็นมากกกกก กอไก่ล้านตัว
เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจ พิชิต ย. 4
รวมระยะทางขาขึ้น 9.3 กิโลเมตร
ตอนกลับ เราเลือกจ้างรถมารับจากจุด ย.1 ขนสัมภาระจาก ย.1ไปยังสถานีรถไฟขุนตาน คนละ 100 บาท
เพราะถ้าเดินน่าจะไม่ทันรถไฟรอบ 11.00น.ค่ะ
ค่ารถไฟขากลับ จ.อุตรดิตถ์ 39 บาท (ขบวน408)
สิ่งที่สอนในการเดินป่าทุกๆครั้งคือ..... อย่าเยอะ......
แต่อย่างว่าสายแบกก็งี้แหละเนอะ ไม่เคยเข็ดเลยสักครั้ง
แม้ว่าจะเหนื่อย จะหนัก รู้สึกอ่อนล้าแค่ไหน พวกเราก็อดทนและค่อยๆก้าวไปเรื่อยๆจนถึงเป้าหมาย และนี่ก็เป็นเหมือนชีวิตคนเรา...
พอถึงจุดหมายเราจะหายเหนื่อยเอง ความรู้สึกภูมิใจที่เราได้ก้าวผ่านอุปสรรคมาจนสำเร็จเป้าหมายเข้ามาแทนที่ กลายเป็นความสุข เป็นประสบการณ์
ที่เราจะจดจำมันไปตลอด....
อ่อ แนะนำอีกนิดถ้าไม่อยากแบกหนัก คลิกที่ลิ้งค์นี้
มีของที่เหมาะกับการเดินป่าเพียบ ราคาถูกก็กว่าร้านอื่นๆที่เห็นมา เหมาะกับสายเยอะ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็อยากเอาไป555
คราวนี้สามารถพกของไปได้เยอะแบบเบาๆไม่สร้างภาระให้ตัวเองและคนอื่นค่ะ
คงเป็นเพราะความทรงจำดีๆเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้พวกเราหลงรักการเดินป่า.....
ฝากคลิปวิดีโอของทริปนี้ มี 4 ep.นะคะ
ทริปหน้าไปเดินป่าที่ไหนดีน้าาาาาาา
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล #ประสบการณ์จะสอนคุณเอง
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัด ลำพูน และลำปาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ ผสานกันอย่างลงตัว
อีกทั้งยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในประเทศไทยที่เดินทางไปได้ด้วยรถไฟ คือที่นี่รถไฟจอดปุ๊ป เดินขึ้นดอยได้เลย
ที่มาของทริปนี้เริ่มต้นที่มีน้องในกลุ่มอกหัก5555 เลยต้องพาไปปล่อยป่า หาความสงบ บำบัดจิตใจ
ทริปนี้เราไปเมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคม 2564 มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน การเดินทางมาที่อุทยานแห่งนี้แบบคลาสสิคสุดๆ ก็ต้องเดินทางโดยรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นที่ตั้งอุโมงค์ขุนตาน โดยเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย พวกเราเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีรถไฟศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ ไปถึงสถานีรถไฟขุนตานด้วยขบวนรถไฟขบวน109 สนนราคาที่ 89 บาท รถไฟจอดที่สถานีศิลาอาสน์เวลา 22.37น.
บรรยากาศบนรถไฟให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวโดยสิ้นเชิง เสียงของรถไฟกระทบราง เสียงพัดลมที่ส่ายไปมารับกับเสียงลม เรียกได้ว่ามันคือ“เสียงแห่งท่วงทำนองของการออกเดินทาง” ที่ขับกล่อมเราให้เศร้า สุข คิดถึง และระบายความรู้สึกที่ฝังตรึงในหัวใจให้หลั่งไหลออกมา...
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงจึงถึงสถานีรถไฟขุนตาน ระหว่างการเดินทางที่เราใช้ระยะเวลาอยู่บนรถไฟ อากาศตอนกลางคืนบนรถไฟนั้นค่อนข้างเย็น ยิ่งเวลาผ่านช่องเขาต่างๆด้วยแล้วนั้นหนาวมาก แนะนำเตรียมเสื้อกันหนาวอุ่นๆใส่ไปเลยนะคะ ช่วงหน้าหนาวนี้อากาศบนรถไฟเย็นจริงๆ เย็นจนนอนไม่หลับ แต่บางคนก็สามารถหลับได้
พวกเรามาถึงสถานีรถไฟขุนตานประมาณตีสามกว่าๆ พอลงจากรถไฟปุ๊ป เจ้าถิ่นจะมารอรับเราเลยค่ะ นั่นคือ เจ้าดำและพรรคพวก เจ้าพวกนี้นี่แหละจะคอยมาเป็นไกด์หรือผู้นำทางให้เราตลอดทริปกันเลยทีเดียว....
ที่สถานีจะมีร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการให้เราเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นได้อีกเล็กน้อย
กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมคะ???
พอเริ่มเช้าก็ได้เวลาเดินขึ้นอุทยานแล้วค่ะ
การเดินเท้าศึกษาธรรมชาติของที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จะแบ่งเป็น 5 ช่วง
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดบนอุทยาน
1. จากสถานีรถไฟ - ที่ทำการอุทยานฯ : 1. KM. จุดนี้หากใครไม่อยากเดินสามารถจ้างรถขึ้นไปยังที่ทำการอุทยานได้ค่ะ
ราคาอยู่ที่คนละ 100 บาท
ส่วนพวกเราเลือกเดินค่ะ ไหนๆก็มาถึงแล้ว ลองของซักหน่อย555555
เส้นทางเป็นขั้นๆขึ้นไปตลอดทางค่อนข้างชัน มีทั้งทางเดินที่เป็นดินและถนนหนทางสำหรับรถค่ะ ถือว่าโหดสุดก็น่าจะทางไปอุทยานนั่นแหละ ถ้าไม่อยากเปลืองแรงก็นั่งรถขึ้นไปแล้วกันนะคะ
สภาพ..........ยังไม่ทันถึงที่ทำการอุทยาน น้องๆในกลุ่มก็เป็นสภาพนี้แล้วค่ะ นอนไปแล้วเรียบร้อย5555
และแล้วเราก็ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลค่ะ มาถึงก็ต้องชำระค่าเข้าอุทยานค่ะ คนละ 50 บาท สิ่งที่ควรเตรียมมาเลยถ้าไม่อยากเสียเวลาคือ
1. ผลตรวจโควิด19 (ถ้าไม่เตรียมผลตรวจมาเจ้าหน้าที่จะพาไปตรวจก่อน)
2.ใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สามารถปริ้นจากแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมค่ะ
3.บัตรประจำตัวประชาชน
เราสามารถเลือกกางเต็นท์นอนได้ตั้งแต่ที่ทำการอุทยาน ย.1 ย.2 ย.3 บริเวณที่ทำการอุทยานจะมีลานกว้างสามารถกางเต็นท์ได้ มีบ้านพัก มีห้องน้ำ มีร้านค้า ร้านอาหาร ไว้คอยบริการ
ย.1 กางเต็นท์ได้เช่นกัน แต่ไม่ค่อยนิยมกัน มีบ้านพักด้วย
ย.2 แนะนำปักหลักที่ ย.2 เพราะมีลานสน ต้นไม้เยอะ ผูกเปลได้ กางเต๊นท์ได้ มีห้องน้ำ มีน้ำใช้ มีห้องอาบน้ำเช่นกัน
ย.3 ส่วนถ้าใครนอน ย.3 จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม คนละ 100 บาท เพราะเป็นเขตของมหาวิทยาลัย เป็นจุดที่อยู่ในการดูแลของ ม.พายัพ (ติดต่อเจ้าหน้าที่ป้าศรี 086-9175225) บน ย.3 มีบ้านพัก มีลานกางเต็นท์ เปลไม่ค่อยสะดวก แต่ก็พอมีที่ผูกแหระ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ฝักบัว น้ำไหลแรง และเย็นเจี๊ยบ ไม่มีไฟ มีก๊อกน้ำล้างจานอย่างดี
และแน่นอนเราเลือกนอน ย.3 เนื่องจากอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นบน ย.4 โดยจะห่างจาก ย.4 แค่ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินโดยประมาณ 30 นาที เลยตกลงกันว่าถ้าเดินจากย.3 น่าจะดีที่สุดสำหรับกรุ๊ปเรา
จุดที่ 2. จากที่ทำการอุทยานฯ - ย.1 : 1.5 KM. จุดนี้จะสามารถจ้างลูกหาบหาบสัมภาระขึ้นไปได้นะคะ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาทค่ะ ลูกหาบจะนำไปให้ได้แค่ ย.2 นะคะ
ย.1 จะมาจุดชมวิวให้เราได้ถ่ายภาพได้ค่ะ วิวสวยมาก เห็นแล้วสดชื่น
3. จาก ย.1 - ย.2 : 1 KM. ตลอดเส้นทางส่วนใหญ่จะมีทางดินสำหรับรถของลูกหาบขับขึ้นไป และทางเดินเป็นบันไดไม้
4. จาก ย.2 - ย.3 ระยะทางโดยประมาณ 3 KM.
กว่าจะถึงย.3 นี่ก็ถือว่าไม่เบาเลยค่ะ ขาเริ่มก้าวไม่ออก อาจเพราะไม่ได้วอมร่างกายมาก่อนก็คงไม่ผิด บวกกับของที่ตั้งใจแบก5555 เยอะมาก อย่าหาทำกันนะคะ เอาของกินแบบน้ำหนักเบาก็พอค่ะ กรุ๊ปเราคือแบกหมดค่ะกระทะก็เอามา เนื้อหมู 3 Kg อื่นๆมีมากมาย กลัวอยู่ป่าแล้วอด
ทางก็ไม่ได้ชันอะไรมาก ริมทางเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสันสวยงามสลับกันไปตลอดทาง
พอมาถึงย.3 เราก็เริ่มกางเต็นท์ อาบน้ำ และเตรียมอาหาร จุดนี้เองที่เราได้เพื่อนใหม่ๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแบ่งปันของต่างๆที่หอบหิ้วมาห้องน้ำบน ย.3ค่อนข้างดีค่ะ จะน่ากลัวสักหน่อยก็ตรงที่ไม่มีไฟ ข้างบนนี้ไม่มีไฟและแน่นอนไม่มีน้ำอุ่นค่ะ
จะอาบน้ำก็ให้รีบอาบเลยค่ะเมื่อมาถึง น้ำเย็บมาก แทบช็อค
บรรยากาศในยามค่ำคืนบน ย.3 ค่อนข้างเงียบสงัด แต่ทว่ากลับมีเสียงความครึกครื้นจากพวกเราและกลุ่มอื่นๆ2-3กลุ่ม
ต่างได้เข้ามาพูดคุยทำความรู้จักกัน แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จุดสูงสุดอากาศทั้งหนาวและมีลมพัดตลอดเวลาเลยค่ะ เย็นมากกกกก กอไก่ล้านตัว
เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจ พิชิต ย. 4
รวมระยะทางขาขึ้น 9.3 กิโลเมตร
ตอนกลับ เราเลือกจ้างรถมารับจากจุด ย.1 ขนสัมภาระจาก ย.1ไปยังสถานีรถไฟขุนตาน คนละ 100 บาท
เพราะถ้าเดินน่าจะไม่ทันรถไฟรอบ 11.00น.ค่ะ
ค่ารถไฟขากลับ จ.อุตรดิตถ์ 39 บาท (ขบวน408)
สิ่งที่สอนในการเดินป่าทุกๆครั้งคือ..... อย่าเยอะ......แต่อย่างว่าสายแบกก็งี้แหละเนอะ ไม่เคยเข็ดเลยสักครั้ง
แม้ว่าจะเหนื่อย จะหนัก รู้สึกอ่อนล้าแค่ไหน พวกเราก็อดทนและค่อยๆก้าวไปเรื่อยๆจนถึงเป้าหมาย และนี่ก็เป็นเหมือนชีวิตคนเรา...
พอถึงจุดหมายเราจะหายเหนื่อยเอง ความรู้สึกภูมิใจที่เราได้ก้าวผ่านอุปสรรคมาจนสำเร็จเป้าหมายเข้ามาแทนที่ กลายเป็นความสุข เป็นประสบการณ์
ที่เราจะจดจำมันไปตลอด....