ขี่รถเครื่อง ๔ วัน ๓ คืน เขา,ป่า,น้ำ ครบทุกรสกับเมืองสะตอ

นับว่าเป็นเวลาหลายเดือน นับตั้งแต่เมษายนปี ๒๕๖๔ ที่มีการระบาดของโควิด(อีกครั้ง) ทำให้ทริปที่ถูกแพลนไว้ตั้งแต่มีนาคม ถูกเลื่อนมาเป็นต้นเดือน ธันวาคม ในช่วงเทศกาลวันพ่อแทน ซึ่งที่พักต่าง ๆ ถูกจองไว้เรียบร้อยหมดแล้วตั้งแต่มีนาคมนู่นเลย แผนต่าง ๆ ยังคงเดิมแค่เปลี่ยนวัน

ก่อนการเดินทาง ก็เหมือนเดิมกับทุก ๆ ทริป คือ เตรียมสภาพรถให้พร้อมสำหรับการไปทริปหลาย ๆ วัน เปลี่ยนชิลด์รถจากชิลด์สั้น เป็น ชิลด์สูง ลดภาระจากลมปะทะลดความล้า

จนถึงกำหนดวันเดินทาง กำหนดการออกคือ ๐๔.๐๐ แวะปั้มแรก ปตท.สวนส้ม สมุทรสาคร เติมน้ำมัน เติมลมยาง เช็คความพร้อมครั้งสุดท้าย และล้อหมุนเริ่มออกเดินทาง มุ่งหน้าพิกัดแรก ตัวเมืองประจวบ แวะกินข้าวเช้า

๐๓.๐๐ ตื่นมาเช็ครถรอบสุดท้าย

เติมน้ำมันเติมลม ก่อนออกเดินทาง

แวะกินข้าวเช้าตัวเมืองประจวบฯ


มาถึงตัวเมืองประจวบ ประมาณ ๐๗.๐๐ ตัวเมืองคึกคัก เต็มไปด้วย เด็กนักเรียนแวะกินข้าวเช้า และไปโรงเรียนเต็มไปหมด สารภาพว่ามันเป็นภาพที่ผมไม่ได้เห็นมานานมาก ๆ 
ผมแวะร้านโจ๊กหน้าโรงเรียนเทคนิคประจำตัวเมืองประจวบ แวะกินโจ๊ก นั่งพักเหนื่อยสักพัก ก็แวะไปถ่ายรูปจุดเช็คอิน เมืองสามอ่าว คนน้อยมาก มีคนพื้นที่มาวิ่งออกกำลังกายนิดหน่อย

ใช้เวลาถ่ายรูปกันสักพัก เห็นวัดอะไรไม่รู้ อยู่บนเขาสูง เลยกะจะแวะไป แต่วนหาทางขึ้นไม่เจอ เลยล้มเลิก ออกเดินทางลงใต้ต่อ เป้าหมายต่อไป คือ พักกินข้าวชุมพร

ก็ขี่มาเรื่อย ๆ ชิว ๆ แวะปั้มเป็นระยะ เพื่อนในเฟซบุ๊คก็บอกว่า ชุมพรฝนตกหนักมาก ให้ขี่ระวัง ๆ ซึ่งผมก็ได้เตรียมชุดกันฝน กับ กระเป๋ากันน้ำมาสำหรับเผื่อลุยฝนโดยเฉพาะอยู่แล้ว เพราะก่อนออกเดินทาง มีข่าวออกว่าฝนตกหนักจนน้ำท่วมและต้องปิดเส้นทางกันเลยทีเดียว เลยเตรียมพร้อมสำหรับต้องขี่ฝ่าฝน

ปรากฏว่าพอเข้าชุมพร โดนฝนปรอย ๆ นิดหน่อยเท่านั้น และระยะทางจากร้านที่เราจะแวะพักก็อยู่อีกไม่ไกล เลยลุยฝนปรอย ๆ จนมาถึงร้านคาเฟ่ท่ามกลางสวนยาง บรรยากาศฝนพร่ำบ่อย ๆ ชื่อร้าน กฤติ

ก็จัดแจงสั่งน้ำสั่งอาหารพักกันให้หายเหนื่อย และผมก็ออกมุ่งหน้าลงใต้ต่อ โดยกะจะแวะบ้านเพื่อเยี่ยมญาติด้วย เลยทำเวลาหน่อย แอบขี่เร็วนิดนึง เจอทำถนน ยาวพอสมควร แดดก็ร้อนมาก ทั้ง ๆ ที่ก่อนมา หลายคนบอกว่าฝนตกหนักทุกวันจนน้ำท่วม

พอถึงบ้านเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ ก็พักให้หายเหนื่อย พอ ๑๕.๐๐ ก็ออกเดินทางไปที่พักคืนแรก นั้นก็คือ เขาสก ที่ต้องขี่ไปต่ออีก ๖๐ กิโลเมตร 

ก็ขี่มาเรื่อย ๆ พอเริ่มขึ้นเขา ก็อากาศเริ่มเย็น อุณหภูมิที่รถขึ้นอยู่ ๒๑ องศา วิวก็สวยมาก แต่ไม่ได้จอดถ่ายรูปเลย เพราะกลัวถึงที่พักมืด พอถึงทางเข้าที่พัก เขาสกบูทิค เป็นทางชัน ๆ ดินแดง ๆ เลย ก็คิดว่าถ้ามาหน้าฝนนี้คงไม่รอดแน่ ๆ ซึ่งพอลองถามพนักงานดู พนักงานก็บอกว่า เพิ่งจะมีวันนี้ที่ฝนไม่ตก
โดยเราจอดรถไว้ข้างล่าง และนั่งรถจากที่พักขึ้นไปข้างบนต่อ เช็คอินให้เรียบร้อย แล้วก็เก็บข้าวของพักผ่อน หลังจากขี่รถมากว่า ๖๐๐ กิโลเมตร

บรรยากาศหน้าห้องพัก เขาสก บูทิค

หลังจากนั้นก็ออกมากินข้าว กินที่โรงแรมนั้นแหละ อาหารค่อนข้างจะแพง หลังจากนั้นก็คิดว่าจะไปเดินเล่นข้างบนแถวอุทยานเขาสกเสียหน่อย เพราะเมื่อ ๓ ปีก่อน เคยมาครั้งนึง หน้าอุทยานจะมีร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ ค่อนข้างจะคึกคัก อารมณ์ใกล้เคียง ปิล็อค หรือ แม่กำปอง กินเสร็จ เลยขี่รถมุ่งหน้าไปอุทยานเขาสกต่อ

พอมาถึง ฟ้าก็มืดแล้ว และที่น่าตกใจคือ ร้านต่าง ๆ ปิดกันเกือบหมด เหลือร้านที่เปิดน้อยมาก ๆ บรรยากาศเงียบเหงาสุด ๆ เลยวนรถกลับ แวะร้านของชำซื้อของกินกลับที่พัก และพักผ่อนเป็นอันจบการเดินทางวันแรก

ขี่รถเล่นยามเย็น
วันที่สองของการเดินทาง ตื่นมาตอนเช้ากับบรรยากาศหนาว ๆ กลางขุนเขา เสียดายที่ไม่มีทะเลหมอก เพราะฝนไม่ตก (ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย) ก็นั่งชมวิวสักพัก แล้วก็อาบน้ำ ไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร จากนั้นก็กลับห้อง แล้วก็เก็บของเตรียมออกเดินทางต่อ ไปสถานที่ยอดฮิตที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้นคือ เขื่อนรัชชประภา หรือ กุ้ยหลินเมืองไทย

บรรยากาศยามเช้า เขาสก
พอเก็บข้าวของเสร็จ ก็เช็คเอ้าท์ กลับมาที่รถ และค่อย ๆ ขี่เก็บบรรยากาศสวย ๆ ใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงก็ถึงเขื่อนแล้ว ก็แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และเตรียมลงเรือไปที่พักสำหรับคืนที่สอง วันนี้จะพักการขี่รถ ๑ วัน เปลี่ยนมาเป็นนั่งเรือแทน

ก่อนจะขึ้นเรือ ก็มีการคัดกรองโควิดก่อน โดยคนที่จะเข้าไปได้ต้องมีการฉีดวัคซีนมาแล้วสองเข็ม โดยต้องยืนยันผ่านแอพหมอพร้อม และกรอกรายละเอียดการเข้าให้เรียบร้อย ผมที่ฉีดมาแล้วสามเข็มและมีแอพหมอพร้อมอยู่แล้วในเครื่องก็ไม่ต้องทำอะไรมาก กรอกฟอร์มก่อนเข้า และเปิดแอพโชว์เจ้าหน้าที่ แล้วก็เข้าไปที่ท่าเรือรอลงเรือได้เลย

ฝากจอด ๑ คืน ๔๐ บาท
เตรียมลงเรือ
บรรยากาศที่นี้สมคำร่ำลือจริง ๆ ขนาดเพิ่งจะออกได้ไม่ถึงสิบนาที บรรยากาศก็สวยงามสุด ๆ นั่งเพลิน ๆ แปปเดียว ๔๐ นาที ถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว

พอถึงที่พัก ลากูน่า เชี่ยวหลาน ก็จัดการเช็คอิน เอาของไปเก็บที่ห้องให้เรียบร้อย แล้วออกมากินข้าวเที่ยง กินเสร็จก็ไปนั่งพักอยู่ที่ห้อง บรรยากาศเย็น ๆ ชิว ๆ และก็โดดเล่นน้ำ พายเรือ ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ จนตอนเย็น ก็อาบน้ำ แล้วไปนั่งเรือชมกุ้ยหลินเมืองไทยกันอีกรอบ ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็กลับมากินข้าวมื้อค่ำกันต่อ แล้วก็เข้านอน อากาศค่อนไปทางหนาวเลยทีเดียว

ที่พัก ลากูน่า เชี่ยวหลาน
บรรยากาศยามเย็น นั่งเรือชมกุ้ยหลินเมืองไทย
บรรยากาศยามเช้า
พอตื่นเช้า ก็อาบน้ำเก็บของ และมากินอาหารเช้า เตรียมนั่งเรือกลับฝั่ง เรืออกจากที่พักตอนเก้าโมง ถึงฝั่งตอนประมาณสิบโมงพอดี ก็จัดการยึดข้าวของกับรถ แล้วออกเดินทางต่อ โดยเป้าหมายสำหรับวันนี้คือจะไปนอนพักที่หัวหิน โดยระยะทางประมาณ ๕๐๐ กิโลเมตร

โดยก่อนไปหัวหิน ก็แวะป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด กินอาหารเที่ยง และแวะพายเรือกันไปชั่วโมงกว่า จากนั้นก็เตรียมตัวขี่ยิงยาวไปที่พักหัวหินเลย ออกจากป่าต้นน้ำประมาณบ่ายโมง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

กว่าจะถึงหัวหินก็หกโมงกว่าเลยทีเดียว ฟ้ามืดไวมาก แถมรถก็ค่อนข้างติดเพราะมีการทำถนนเป็นระยะ ๆ ถึงที่พักก็ทุ่มพอดี เนื่องจากเป็นการขี่รถที่ยิงยาว ๕๐๐ กิโลเมตร พักนิดหน่อยตามปั้ม ค่อนข้างจะเพลียพอสมควร พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะตื่นเช้า ๆ กลับบ้าน เลี่ยงรถติด เลยนอนไวหน่อย

พอตอนเช้า ก็กินข้าว อาบน้ำ ละออกมาตอนแปดโมง โดยขี่เส้นในเลียบชายหาด แวะหาดเจ้าสำราญ กะจะพักถ่ายรูปซะหน่อย แต่คนเยอะมาก เลยต้องไปต่อยาว ๆ ช่วงเช้ารถไม่ติดอย่างที่คิด ถึงบ้านตอนสิบโมงพอดี เป็นอันปิดทริป ๔ วัน ๓ คืน ที่แทบจะไม่โดนฝนเลย เสียดาย อยากให้ฝนตก จะได้มีหมอกสวย ๆ บ้าง เม่าฝนตก

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่