
ถ้าพูดถึงเขื่อนเชี่ยวหลานแล้ว เชื่อว่าใครหลายๆคนคงได้ยิน แต่ยังไม่เคยสัมผัส
เพราะไม่มีเวลาบ้าง เดี๋ยวไปๆ แต่ก็ไม่ได้ไปสักที
วันนี้ จขกท เลยอยากเอารูปมาฝาก เผื่อว่าจะกระตุ้นให้เพื่อนๆ ไปพักผ่อนหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง...

วันออกเดินทาง 01ตุลาคม2559
จขกท เดินทางด้วยเที่ยวบินนกแอร์ DD7208 ออกจากสนามบินดอนเมือง 06.10 น. และ ถึง สนามบินสุราษฎร์ธานี 07.20 น.
เมื่อถึงที่หมาย จขกท ได้ใช้บริการรถตู้เหมาของที่พักให้มารับที่สนามบินเลยค่ะ
ตารางการเดินรถคือ จขกท แวะกินข้าวตรงโซนปั๊มน้ํามัน เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันสำคัญของภาคใต้
ตลาดในเมืองปิดหมด คนรถจึงพาแวะที่นี่ กินข้าวรองท้องไปก่อน
อาหารอร่อยราคาไม่แพง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ต้องขอโทษจริงๆค่ะ
หลังจากทานข้าวเช้าแล้ว
ก็แวะถ่ายรูปที่ เขื่อนรัชประภา มุมถ่ายรูปอีกหนึ่งที่
เดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึงค่ะ : ))

ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง
คนขับรถก็พาไปที่สำนักงานของที่พัก เพื่อไปจ่ายค่ายใช้จ่ายต่างๆ
ก่อนไปท่าเรือ

หลังจากนั้นไม่ห่างกัน ก็เป็นท่าเรือ เตรียมตัวเดินทาง
พักผ่อนให้เต็มที่แบบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และ facebook แล้ววว
ปล. AIS มีสัญญาณเต็มเปี่ยมอยู่คลื่นเดียว ณ วันที่ จขกท ไป
ออกเดินทางจากท่าเรือประมาณ 10.00 โมงเช้า คนเรือแจ้งว่าใช้เวลา 1 ชั่วโมง
จากท่าเรือถึงที่พัก ระหว่างแวะให้ถ่ายรูปเขาสามเกลอ มุม CHECK IN ยอดนิยม
อันนี้ไม่รู้กล้องไหน เป็นกล้องไหน ใครถ่ายใคร ตอบบบ 555

หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรือก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะถึงที่พัก
มีฝนโปรปรายลงมา นิดเดียว เย็นชุ่มฉ่ำ กันเลยทีเดียว
และแล้วก็ถึงที่พัก ที่รอคอยยยย แถ่น แทน แท้นนน "แพภูผาวารี"
น่าจะถึงประมาณช่วง 11.00 โมงได้คะ

ถึงที่พักก็เก็บกระเป๋าในห้อง และ ออกมาทานอาหารกลางวันกันก่อนนน
ท้องร้องแล้ววว แต่เนื่องจากหิวข้าวมาก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
อาหารกลางวัน จัดมาให้ 4 อย่าง สำหรับ 4 ท่าน
ใบเหลียงผัดไข่
ต้มยำปลา
แกงไตปลา
ไข่เจียวหนา ใหญ่ และ อร่อยมาก
ข้าว 1 โถ พร้อมน้ำและน้ำแข็ง เติมไม่อั้นเลยจ้าาา : ))
หลังจากทานข้าวเสร็จก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมา
พอประมาณ 14.00 น. พี่คนขับเรือก็มาเรียก พาไปดูน้ำตกแปดเซียน
หลังจากแวะถ่ายรูปเสร็จ
พี่คนขับเรือพาขับผ่าน แพ 500 ไร่ และ แพคีรีธารา ด้วยคะ
วิวสวยทีเดียว โดยเฉพาะวิวของแพ 500 ไร่
หลังจากนั้นเราก็ตรงกลับที่พัก พักผ่อนตามสบายมีทั้ง
เล่นน้ำ (มีชูชีพให้มาตั้งแต่ชึ้นเรือและเอาติดตัวตลอดจนส่งถึงท่าเรือวันกลับ)
พายเรือคายัค (ไม้พายต้องไปเอาที่เคาเตอร์และมัดจำ 500 บาท)
เรือถีบ (ไม่แน่ใจราคาเพราะไม่ได้เช่า)
ห่วงยาง (ไม่แน่ใจราคาเพราะไม่ได้เช่า)

ตามโปรแกรมต้องมีไปดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่เนื่องจากพี่คนขับเรือแจ้งว่า
คงมองไม่เห็น ก็เลยอดไปตามระเบียบคะ
วันนี้ที่ไป ฝนหยุดๆตกๆตลอดคะ
แต่ได้บรรยากาศไปอีกแบบ อากาศร้อนช่วงบ่ายๆ
และไฟจะเปิดให้ใช้เวลา 18.00 - 08.00 น เท่านั้น
หลังจากทำกิจกรรมต่างๆเสร็จ ประมาณ 18.00 เย็นก็ออกไปทานข้าว
อาหารเย็นจัดมาให้ 4 อย่าง สำหรับ 4 ท่าน เหมือนเดิม
แกงเหลือง
ปลาทอด
ผัดผัก
ไข่เจียวหนา ใหญ่ และ อร่อยมาก
ข้าว 1 โถ พร้อมน้ำและน้ำแข็ง เติมไม่อั้นเหมือนเดิม ยกเว้นปลาทอด
แต่ไม่เคยได้เติมเลย เพราะแค่นั้นก็อิ่มมากแล้ว พี่พนักงานใจดีมาก
เดินมาถามตลอด รับอะไรเพิ่มไหม ๆ

วันแรกก็หมดไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ฝนปรอยๆทั้งคืน
6.00 โมงเช้า ลืมตาตื่นมา พร้อมสูดอากาศยามเช้า

พร้อมเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่า : ))
ดูจากชุดและสภาพ เป็นการยืนยันว่าเพิ่งตื่นกันจริงจัง

อากาศบริสุทธิ์มาก จขกท. สูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
เพราะไม่รู้จะมีโอกาสได้สัมผัสธรรมชาติ แบบนี้อีกครั้งเมื่อไร
หลังจากสูดอากาศจนอิ่มอก และ ถ่ายรุปจนอิ่มใจแล้ว
ได้เวลากลับที่พัก ทานข้าวเช้า และเดินทางกลับ

น่าตาอาหารเช้า แบบง่ายๆ ตักได้ไม่อั้นจ้าาา
อาบน้ำเก็บกระเป๋า และ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย
บ้ายบายยย เชี่ยวหลาน .....




แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่

เดินทางถึงท่าเรือประมาณเกือบ 10.00 โมงเช้า
ให้พี่คนขับรถตู้ของที่พักมารับ และ พาไปทานข้าวกลางวัน ในตัวเมือง
ชื่อร้าน "ร้านมหาสมุทรซีฟู้ด สุราษฎร์ธานี"
สั่งไป 5 อย่าง ราคาประมาณ 1,000 นิดๆไม่แพงมากคะ

หลังจากนั้นแวะสักการะและถ่ายรูปที่ ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี
ตลอดทางมีฝนตกเป็นระยะๆ ทาง จขกท จึงแวะถ่ายรูปที่สะพานศรีสุราษฎร์,ไหว้พระที่วัดที่ตัวเมือง,ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี,ซื้อของฝาก และ รอที่สนามบินสุราษฎร์ธานีเลยคะ โปรแกรมจึงค่อนข้างรวดเร็วแทบไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย
เดินทางโดย DD7217 ออกเดินทาง 18.10 และ ถึงสนามบินดอนเมือง 19.20 น.
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าที่พัก หัวละ 2,850 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ และ ค่าเข้าอุทยาน (ราคานี้ สำหรับ 4 ท่าน)
เหมารถตู้ขาไป 1,500 บาท : สนามบินสุราษฎร์ธานี > ทานข้าวกลางวัน > เขื่อนรัชประภา > ออฟฟิศที่พัก > ท่าเรือ
เหมารถตู้ขากลับ 2,500 บาท : ท่าเรือ > ทานข้าวกลางวันตัวเมือง > แวะสะพานศรีสุราษฎร์,ไหว้พระที่วัดที่ตัวเมืองและศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี > ซื้อของฝาก > สนามบินสุราษฎร์ธานี
ตกต่อหัวที่จ่ายไปคนละ 3,850 บาท
ค่าเครื่องบินตอนที่จองล่วงหน้าไป ประมาณ 2,800 บาท
สำหรับกระทู้นี้ ขอจบไว้เพียงเท่านี้
ถ้ามีโอกาสไปอีก จะมารีวิวใหม่ค่ะ
[CR] หนีมาพักกาย พักใจที่ "เขื่อนเชี่ยวหลาน" สุราษฎร์ธานี กันดีกว่า
ถ้าพูดถึงเขื่อนเชี่ยวหลานแล้ว เชื่อว่าใครหลายๆคนคงได้ยิน แต่ยังไม่เคยสัมผัส
เพราะไม่มีเวลาบ้าง เดี๋ยวไปๆ แต่ก็ไม่ได้ไปสักที
วันนี้ จขกท เลยอยากเอารูปมาฝาก เผื่อว่าจะกระตุ้นให้เพื่อนๆ ไปพักผ่อนหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง...
วันออกเดินทาง 01ตุลาคม2559
จขกท เดินทางด้วยเที่ยวบินนกแอร์ DD7208 ออกจากสนามบินดอนเมือง 06.10 น. และ ถึง สนามบินสุราษฎร์ธานี 07.20 น.
เมื่อถึงที่หมาย จขกท ได้ใช้บริการรถตู้เหมาของที่พักให้มารับที่สนามบินเลยค่ะ
ตารางการเดินรถคือ จขกท แวะกินข้าวตรงโซนปั๊มน้ํามัน เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันสำคัญของภาคใต้
ตลาดในเมืองปิดหมด คนรถจึงพาแวะที่นี่ กินข้าวรองท้องไปก่อน
อาหารอร่อยราคาไม่แพง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ต้องขอโทษจริงๆค่ะ
หลังจากทานข้าวเช้าแล้ว
ก็แวะถ่ายรูปที่ เขื่อนรัชประภา มุมถ่ายรูปอีกหนึ่งที่
เดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึงค่ะ : ))
ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง
คนขับรถก็พาไปที่สำนักงานของที่พัก เพื่อไปจ่ายค่ายใช้จ่ายต่างๆ
ก่อนไปท่าเรือ
หลังจากนั้นไม่ห่างกัน ก็เป็นท่าเรือ เตรียมตัวเดินทาง
พักผ่อนให้เต็มที่แบบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และ facebook แล้ววว
ปล. AIS มีสัญญาณเต็มเปี่ยมอยู่คลื่นเดียว ณ วันที่ จขกท ไป
ออกเดินทางจากท่าเรือประมาณ 10.00 โมงเช้า คนเรือแจ้งว่าใช้เวลา 1 ชั่วโมง
จากท่าเรือถึงที่พัก ระหว่างแวะให้ถ่ายรูปเขาสามเกลอ มุม CHECK IN ยอดนิยม
อันนี้ไม่รู้กล้องไหน เป็นกล้องไหน ใครถ่ายใคร ตอบบบ 555
หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรือก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะถึงที่พัก
มีฝนโปรปรายลงมา นิดเดียว เย็นชุ่มฉ่ำ กันเลยทีเดียว
และแล้วก็ถึงที่พัก ที่รอคอยยยย แถ่น แทน แท้นนน "แพภูผาวารี"
น่าจะถึงประมาณช่วง 11.00 โมงได้คะ
ถึงที่พักก็เก็บกระเป๋าในห้อง และ ออกมาทานอาหารกลางวันกันก่อนนน
ท้องร้องแล้ววว แต่เนื่องจากหิวข้าวมาก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
อาหารกลางวัน จัดมาให้ 4 อย่าง สำหรับ 4 ท่าน
ใบเหลียงผัดไข่
ต้มยำปลา
แกงไตปลา
ไข่เจียวหนา ใหญ่ และ อร่อยมาก
ข้าว 1 โถ พร้อมน้ำและน้ำแข็ง เติมไม่อั้นเลยจ้าาา : ))
หลังจากทานข้าวเสร็จก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมา
พอประมาณ 14.00 น. พี่คนขับเรือก็มาเรียก พาไปดูน้ำตกแปดเซียน
หลังจากแวะถ่ายรูปเสร็จ
พี่คนขับเรือพาขับผ่าน แพ 500 ไร่ และ แพคีรีธารา ด้วยคะ
วิวสวยทีเดียว โดยเฉพาะวิวของแพ 500 ไร่
หลังจากนั้นเราก็ตรงกลับที่พัก พักผ่อนตามสบายมีทั้ง
เล่นน้ำ (มีชูชีพให้มาตั้งแต่ชึ้นเรือและเอาติดตัวตลอดจนส่งถึงท่าเรือวันกลับ)
พายเรือคายัค (ไม้พายต้องไปเอาที่เคาเตอร์และมัดจำ 500 บาท)
เรือถีบ (ไม่แน่ใจราคาเพราะไม่ได้เช่า)
ห่วงยาง (ไม่แน่ใจราคาเพราะไม่ได้เช่า)
ตามโปรแกรมต้องมีไปดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่เนื่องจากพี่คนขับเรือแจ้งว่า
คงมองไม่เห็น ก็เลยอดไปตามระเบียบคะ
วันนี้ที่ไป ฝนหยุดๆตกๆตลอดคะ
แต่ได้บรรยากาศไปอีกแบบ อากาศร้อนช่วงบ่ายๆ
และไฟจะเปิดให้ใช้เวลา 18.00 - 08.00 น เท่านั้น
หลังจากทำกิจกรรมต่างๆเสร็จ ประมาณ 18.00 เย็นก็ออกไปทานข้าว
อาหารเย็นจัดมาให้ 4 อย่าง สำหรับ 4 ท่าน เหมือนเดิม
แกงเหลือง
ปลาทอด
ผัดผัก
ไข่เจียวหนา ใหญ่ และ อร่อยมาก
ข้าว 1 โถ พร้อมน้ำและน้ำแข็ง เติมไม่อั้นเหมือนเดิม ยกเว้นปลาทอด
แต่ไม่เคยได้เติมเลย เพราะแค่นั้นก็อิ่มมากแล้ว พี่พนักงานใจดีมาก
เดินมาถามตลอด รับอะไรเพิ่มไหม ๆ
วันแรกก็หมดไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ฝนปรอยๆทั้งคืน
6.00 โมงเช้า ลืมตาตื่นมา พร้อมสูดอากาศยามเช้า
พร้อมเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่า : ))
ดูจากชุดและสภาพ เป็นการยืนยันว่าเพิ่งตื่นกันจริงจัง
อากาศบริสุทธิ์มาก จขกท. สูดอากาศเข้าไปเต็มปอด
เพราะไม่รู้จะมีโอกาสได้สัมผัสธรรมชาติ แบบนี้อีกครั้งเมื่อไร
หลังจากสูดอากาศจนอิ่มอก และ ถ่ายรุปจนอิ่มใจแล้ว
ได้เวลากลับที่พัก ทานข้าวเช้า และเดินทางกลับ
น่าตาอาหารเช้า แบบง่ายๆ ตักได้ไม่อั้นจ้าาา
อาบน้ำเก็บกระเป๋า และ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย
บ้ายบายยย เชี่ยวหลาน .....
แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่
เดินทางถึงท่าเรือประมาณเกือบ 10.00 โมงเช้า
ให้พี่คนขับรถตู้ของที่พักมารับ และ พาไปทานข้าวกลางวัน ในตัวเมือง
ชื่อร้าน "ร้านมหาสมุทรซีฟู้ด สุราษฎร์ธานี"
สั่งไป 5 อย่าง ราคาประมาณ 1,000 นิดๆไม่แพงมากคะ
หลังจากนั้นแวะสักการะและถ่ายรูปที่ ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี
ตลอดทางมีฝนตกเป็นระยะๆ ทาง จขกท จึงแวะถ่ายรูปที่สะพานศรีสุราษฎร์,ไหว้พระที่วัดที่ตัวเมือง,ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี,ซื้อของฝาก และ รอที่สนามบินสุราษฎร์ธานีเลยคะ โปรแกรมจึงค่อนข้างรวดเร็วแทบไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย
เดินทางโดย DD7217 ออกเดินทาง 18.10 และ ถึงสนามบินดอนเมือง 19.20 น.
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าที่พัก หัวละ 2,850 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ และ ค่าเข้าอุทยาน (ราคานี้ สำหรับ 4 ท่าน)
เหมารถตู้ขาไป 1,500 บาท : สนามบินสุราษฎร์ธานี > ทานข้าวกลางวัน > เขื่อนรัชประภา > ออฟฟิศที่พัก > ท่าเรือ
เหมารถตู้ขากลับ 2,500 บาท : ท่าเรือ > ทานข้าวกลางวันตัวเมือง > แวะสะพานศรีสุราษฎร์,ไหว้พระที่วัดที่ตัวเมืองและศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี > ซื้อของฝาก > สนามบินสุราษฎร์ธานี
ตกต่อหัวที่จ่ายไปคนละ 3,850 บาท
ค่าเครื่องบินตอนที่จองล่วงหน้าไป ประมาณ 2,800 บาท
สำหรับกระทู้นี้ ขอจบไว้เพียงเท่านี้
ถ้ามีโอกาสไปอีก จะมารีวิวใหม่ค่ะ