ครูมาแล้ว 8 ปี.. คบกับแฟนมาแล้ว 3 ปี.. ในปี 2565 เรามีแพลนจะแต่งงานและจะลาออกจากราชการ ซึ่งเราคุยกันกับแฟนแล้ว.. แต่ว่ายังไม่ได้ปรึกษากับครอบครัว เราทะเลาะกันเรื่องนี้มานานมากเพราะต่างคนต่างไม่ยอมย้าย.. ความกลัวในใจของเรามันมีมากมายถาโถมเข้ามา เราไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย จนกระทั่งเขาขอเราแต่งงาน และเราคิดว่าถ้าต่างคนต่างไม่ยอมกันแบบนี้ยังไงก็ต้องเลิกกัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถเลิกกันได้555 จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกอดเข่าคุยกันวัดใจไปเลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตคู่ของเรา บทสรุปคือเราคือคนที่ยอม เพราะก่อนหน้านี้คือยืนยันนอนยันว่าไม่ไปแน่นอน ประเด็นแรกคือในใจคิดเอาไว้ว่าสุภาษิตสอนใจ เมื่อแรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน เขาจะรักเราได้มั่นคงยืนนานเท่าไหร่เราไม่สามารถรู้ได้ ถ้าเกิดพาเราไปแล้วเขาลอยแพเราละจะทำยังไงในต่างแดน พ่อแม่เราใครจะดูแล น้องเราอีก จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมรับผิดชอบครอบครัวผู้หญิงไปตลอด เราก็คิดว่ามันก็หนักไปสำหรับเขาถ้าหากว่าเรายังไม่มีงานทำ เราต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ เรื่องภาษาต้องแตกฉาน เรื่องการดำรงชีวิตในวัฒนธรรมใหม่ที่แตกต่างนั่นคือประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่ต้องตั้งใจเรียนรู้ อุดมการณ์ด้านครู/การรับราชการหายไปหมดแล้ว คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น มีคนว่าเราอิครูเมียฝรั่ง.. ในใจเราก็คิดแค่ว่าผัวใครเมียใครใครก็รัก ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรอก เพราะความรักมันสวยงามเสมอ ไม่มีรักของใครยิ่งใหญ่กว่าใคร.. เราแค่เป็นห่วงครอบครัว แน่นอนว่าเวลานี้ก็ย่อมกลัว วิตกไปหมด ชีวิตที่ต้องเริ่มต้นก้าวเดินใหม่ในวัย 33 ปี มันจะหรรษาร่าเริงบันเทิงหรือโศกเศร้าเราก็พร้อมจะก้าวเดินไปในเส้นทางที่เลือก... ปรึกษาใครไม่ได้เลย.. แค่มาเพ้อหาเพท่อนใรพันทิปค่ะ😬
ลาออกราชการไปต่างแดน