สวัสดีทุกคน เราเคยเป็นคนคนนึงที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีอาการซึมเศร้า แต่แล้วด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องงานและชีวิตประจำวัน สิ่งรอบตัวเหล่านี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรคนี้ ช่วงหลังๆมานี้เห็นเพื่อนใน FB หลายๆคนเริ่มมีการแชร์บทความต่างๆเกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น ในใจเรารู้สึกดีใจที่สังคมไทยสมัยนี้เปิดรับผู้ป่วยโรคนี้กันมากขึ้น ซึ่งการเปิดรับนี้ก็จะส่งผลให้หลายๆคนเข้าใจกับโรคนี้กันมากขึ้น
วันนี้เราเลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆที่เราผ่านมา เพื่อที่จะเป็นความรู้ และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ป่วยโรคเดียวกับเรามีแรงที่จะสู้ต่อไปในชีวิตประจำวัน
อันดับแรกเลย...อาการของโรคซึมเศร้ามันเป็นยังไง...อาการแบบนี้เข้าข่ายเป็นโรคนี้ไหมนะ มาลองเช็คกันดูนะ (ขอบอกก่อนว่าอันนี้เป็นประสบการณ์ อาการส่วนตัว อาจจะแตกต่างจากผู้ป่วยท่านอื่นได้นะ)
--- มีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต ไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร : พอมีความรู้สึกแบบนี้เลยทำให้สภาพจิตใจรู้สึกอึดอัด และก็เกิดอาการที่ 2 ตามมานั่นก็คือ
--- เริ่มมีอาการกินไม่ได้ กินได้น้อย เบื่ออาหาร และนอนไม่หลับ หรือวันไหนนอนได้ แต่ก็นอนแบบหลับๆตื่นๆทั้งคืน
--- พอเกิดอาการต่างๆเหล่านี้ มันทำให้เราไม่มีความสุขกับชีวิตเอาเสียเลย รู้สึกว่าทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำอะไรก็ไม่ได้ดี และพอรู้สึกแบบนี้เข้ามากๆ อาการต่อไปก็คือ
--- เศร้า... ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกเศร้าได้ขนาดนั้น ตื่นเช้ามาก็เศร้า เดินไปทำงานก็เศร้า นั่งทำงานก็เศร้า จากหนังที่เคยดูแล้วสนุกก็ไม่สนุก เศร้าจนบางทีน้ำตามันไหลออกมาเองเลย
ถ้าใครมีอาการแบบนี้ เราแนะนำเลยว่า อาจจะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้นะ
พอเราเริ่มดึลกับสภาพจิตใจตัวเองไม่ไหว คนรอบข้างเรา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือแฟนก็แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์
ตอนแรกก็ยังกล้าๆกัวๆว่าเราเนี่ยนะจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่ด้วยความที่อาการเริ่มแย่มากแล้ว น้ำหนักลดฮวบ สภาพร่างกายโทรมมากเลยตอนนั้น เราเลยยอมไปปรึกษาแพทย์ ใน Part ต่อไปนี้จะเล่าถึงวิธีการรักษาของเรานะ
--- ก่อนเจอคุณหมอ คุณพยาบาลมีให้เราทำแบบทดสอบ พร้อมกับวัดความดันต่างๆ หลังจากนั้นก็เข้าพบแพทย์กันเลย
--- ตอนแรกที่เราเข้าไป ก็ไม่กล้าคุยกับคุณหมอ แต่คุณหมอก็เริ่มจากชวนคุยเรื่องต่างๆสักพัก พอมารู้ตัวอีกที เราเล่าเรื่องที่อึดอัดใจอยู่พร้อมกับน้ำตานองหน้าไปเลย จริงๆแล้วการไปพบคุณหมอ คือการไปเล่าปัญหา เล่าความรู้สึกที่กำลังรู้สึกอยู่ เล่าอาการข้างเคียงต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา พอคุยกันไปสักพักใหญ่ๆ คุณหมอก็สรุปอาการให้เรา ซึ่งผลการวินิจฉัยก็แน่นอนว่า...เราเป็นโรคซึมเศร้า ที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน
--- หลังจากมีการวินิจฉัยโรคแล้ว คุณหมอก็เริ่มอธิบายวิธีการรักษาทั้งการจ่ายยาเพื่อปรับฮอร์โมนให้ต้านเศร้า รวมถึงวิธีการบำบัดในกรณีที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล นอกจากนี้แล้วคุณหมอยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่มากกว่าการรักษาด้วยยา และการบำบัด นั่นคือคนรอบข้างและสังคมรอบข้างที่จะช่วยรักษาอาการนี้ได้อย่างดี
--- หลังจากเราได้รับยามาเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็มีทำนัดมาเป็นระยะเพื่อติดตามอาการและรักษาอย่างต่อเนื่อง
พูดถึงการรักษาด้วยแพทย์และยามาแล้ว สำหรับตัวเราเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมรอบข้าง หลังจากที่เราเข้าใจอาการแล้ว เราพยายามจะเอาตัวเองไปอยู่แต่ในที่ที่เรามีความสุข หากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองอยู่เฉยๆแล้วคิดมาก ซึ่งมันก็ช่วยได้มากทีเดียว
มาจนถึงวันนี้ก็ประมานเกือบปีแล้วที่เราได้รับการรักษา สภาพจิตใจเราดีขึ้น เรามีสติ รู้ว่าเรากำลังเศร้า กำลังเครียดเรื่องอะไร และสามารถพาตัวเองให้ออกจากความเศร้านั้นได้ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆ และเราก็ยังรับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตัวเราเองใช้ชีวิตให้มีความสุขให้ได้
จากสิ่งที่เล่ามานี้ เราอยากเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทุกคน อยากให้มีสติ รู้และตั้งรับกับอาการต่างๆให้ได้ อยากให้กลับมาใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข อยากให้ "ช่าง
" กับปัญหาต่างๆที่เข้ามา เราเข้าใจนะว่าบางปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง แต่เกิดจากสิ่งรอบข้าง และอาจจะปล่อย หรือตัดมันไม่ค่อยได้ แต่ขอให้พยายาม "ปล่อย" บ้าง ปล่อยได้ไม่มาก แต่ปล่อยได้บ้างน้อยๆก็ยังดี
อยากให้ลองเปิดใจกับสิ่งใหม่ๆ ลองหาอะไรใหม่ๆทำ ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ทำอาหารใหม่ๆ หรือถ้าไม่พอใจกับที่ทำงาน ก็ลองเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ดูไหม เพื่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อาจจะทำให้เรากลับมาสดใสเหมือนเดิมได้
หลายคนที่ไม่เป็นโรคนี้ หรือไม่มีคนรอบข้างเป็นโรคนี้อาจจะยังไม่เข้าใจมากนัก แต่เราอยากให้ทุกคนเปิดใจนะ เพราะคนที่ป่วยโรคนี้ เค้าไม่ได้อยากป่วย เค้าก็อยากหาย และมีความสุขอย่างคนปกติทั่วไปแหละ ดังนั้นเราเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าสังคมเราเปิดใจ เข้าใจ และยอมรับคนที่ป่วยโรคซึมเศร้าได้ เราจะได้อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข เข้าอกเข้าใจกัน และที่สำคัญอาจจะเป็นส่วนนึงที่ช่วยกันรักษาผู้ป่วยโรคนี้ให้หายได้นะ...
รู้เท่าทันโรคซึมเศร้า อาการใกล้ตัวที่อาจมาโดยไม่รู้ตัว
วันนี้เราเลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆที่เราผ่านมา เพื่อที่จะเป็นความรู้ และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ป่วยโรคเดียวกับเรามีแรงที่จะสู้ต่อไปในชีวิตประจำวัน
อันดับแรกเลย...อาการของโรคซึมเศร้ามันเป็นยังไง...อาการแบบนี้เข้าข่ายเป็นโรคนี้ไหมนะ มาลองเช็คกันดูนะ (ขอบอกก่อนว่าอันนี้เป็นประสบการณ์ อาการส่วนตัว อาจจะแตกต่างจากผู้ป่วยท่านอื่นได้นะ)
--- มีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต ไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร : พอมีความรู้สึกแบบนี้เลยทำให้สภาพจิตใจรู้สึกอึดอัด และก็เกิดอาการที่ 2 ตามมานั่นก็คือ
--- เริ่มมีอาการกินไม่ได้ กินได้น้อย เบื่ออาหาร และนอนไม่หลับ หรือวันไหนนอนได้ แต่ก็นอนแบบหลับๆตื่นๆทั้งคืน
--- พอเกิดอาการต่างๆเหล่านี้ มันทำให้เราไม่มีความสุขกับชีวิตเอาเสียเลย รู้สึกว่าทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำอะไรก็ไม่ได้ดี และพอรู้สึกแบบนี้เข้ามากๆ อาการต่อไปก็คือ
--- เศร้า... ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกเศร้าได้ขนาดนั้น ตื่นเช้ามาก็เศร้า เดินไปทำงานก็เศร้า นั่งทำงานก็เศร้า จากหนังที่เคยดูแล้วสนุกก็ไม่สนุก เศร้าจนบางทีน้ำตามันไหลออกมาเองเลย
ถ้าใครมีอาการแบบนี้ เราแนะนำเลยว่า อาจจะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้นะ
พอเราเริ่มดึลกับสภาพจิตใจตัวเองไม่ไหว คนรอบข้างเรา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือแฟนก็แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์
ตอนแรกก็ยังกล้าๆกัวๆว่าเราเนี่ยนะจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่ด้วยความที่อาการเริ่มแย่มากแล้ว น้ำหนักลดฮวบ สภาพร่างกายโทรมมากเลยตอนนั้น เราเลยยอมไปปรึกษาแพทย์ ใน Part ต่อไปนี้จะเล่าถึงวิธีการรักษาของเรานะ
--- ก่อนเจอคุณหมอ คุณพยาบาลมีให้เราทำแบบทดสอบ พร้อมกับวัดความดันต่างๆ หลังจากนั้นก็เข้าพบแพทย์กันเลย
--- ตอนแรกที่เราเข้าไป ก็ไม่กล้าคุยกับคุณหมอ แต่คุณหมอก็เริ่มจากชวนคุยเรื่องต่างๆสักพัก พอมารู้ตัวอีกที เราเล่าเรื่องที่อึดอัดใจอยู่พร้อมกับน้ำตานองหน้าไปเลย จริงๆแล้วการไปพบคุณหมอ คือการไปเล่าปัญหา เล่าความรู้สึกที่กำลังรู้สึกอยู่ เล่าอาการข้างเคียงต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา พอคุยกันไปสักพักใหญ่ๆ คุณหมอก็สรุปอาการให้เรา ซึ่งผลการวินิจฉัยก็แน่นอนว่า...เราเป็นโรคซึมเศร้า ที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน
--- หลังจากมีการวินิจฉัยโรคแล้ว คุณหมอก็เริ่มอธิบายวิธีการรักษาทั้งการจ่ายยาเพื่อปรับฮอร์โมนให้ต้านเศร้า รวมถึงวิธีการบำบัดในกรณีที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล นอกจากนี้แล้วคุณหมอยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่มากกว่าการรักษาด้วยยา และการบำบัด นั่นคือคนรอบข้างและสังคมรอบข้างที่จะช่วยรักษาอาการนี้ได้อย่างดี
--- หลังจากเราได้รับยามาเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็มีทำนัดมาเป็นระยะเพื่อติดตามอาการและรักษาอย่างต่อเนื่อง
พูดถึงการรักษาด้วยแพทย์และยามาแล้ว สำหรับตัวเราเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมรอบข้าง หลังจากที่เราเข้าใจอาการแล้ว เราพยายามจะเอาตัวเองไปอยู่แต่ในที่ที่เรามีความสุข หากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองอยู่เฉยๆแล้วคิดมาก ซึ่งมันก็ช่วยได้มากทีเดียว
มาจนถึงวันนี้ก็ประมานเกือบปีแล้วที่เราได้รับการรักษา สภาพจิตใจเราดีขึ้น เรามีสติ รู้ว่าเรากำลังเศร้า กำลังเครียดเรื่องอะไร และสามารถพาตัวเองให้ออกจากความเศร้านั้นได้ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆ และเราก็ยังรับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตัวเราเองใช้ชีวิตให้มีความสุขให้ได้
จากสิ่งที่เล่ามานี้ เราอยากเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทุกคน อยากให้มีสติ รู้และตั้งรับกับอาการต่างๆให้ได้ อยากให้กลับมาใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข อยากให้ "ช่าง" กับปัญหาต่างๆที่เข้ามา เราเข้าใจนะว่าบางปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง แต่เกิดจากสิ่งรอบข้าง และอาจจะปล่อย หรือตัดมันไม่ค่อยได้ แต่ขอให้พยายาม "ปล่อย" บ้าง ปล่อยได้ไม่มาก แต่ปล่อยได้บ้างน้อยๆก็ยังดี
อยากให้ลองเปิดใจกับสิ่งใหม่ๆ ลองหาอะไรใหม่ๆทำ ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ทำอาหารใหม่ๆ หรือถ้าไม่พอใจกับที่ทำงาน ก็ลองเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ดูไหม เพื่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อาจจะทำให้เรากลับมาสดใสเหมือนเดิมได้
หลายคนที่ไม่เป็นโรคนี้ หรือไม่มีคนรอบข้างเป็นโรคนี้อาจจะยังไม่เข้าใจมากนัก แต่เราอยากให้ทุกคนเปิดใจนะ เพราะคนที่ป่วยโรคนี้ เค้าไม่ได้อยากป่วย เค้าก็อยากหาย และมีความสุขอย่างคนปกติทั่วไปแหละ ดังนั้นเราเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าสังคมเราเปิดใจ เข้าใจ และยอมรับคนที่ป่วยโรคซึมเศร้าได้ เราจะได้อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข เข้าอกเข้าใจกัน และที่สำคัญอาจจะเป็นส่วนนึงที่ช่วยกันรักษาผู้ป่วยโรคนี้ให้หายได้นะ...