กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์การฉีดวัคซีนโควิดตามไทม์ไลน์ของผม พร้อมผลตรวจภูมิคุ้มกันตั้งแต่เข็มแรกจนเข็มสุดท้าย เผื่อเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆสมาชิกนะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าผมรับวัคซีนมาแล้วทั้งหมด 4 เข็ม โดยสองเข็มแรกเป็น Sinovac เข็มสามเป็น Astrazeneca และเข็มสี่เป็น Moderna ครับ ช่วงเวลาในการรับวัคซีนก็ตามเอกสารที่ปรากฏในหมอพร้อมตามนี้ครับ
เริ่มต้นจากการตรวจภูมิครั้งแรกหลังรับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มผ่านมาได้ 51 วัน หรือประมาณ 7 สัปดาห์ ตรวจได้ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 65.75 U/ml
จนเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 หลังจากวัคซีนเข็ม 2 ได้ 12 สัปดาห์กับอีก 2 วัน หรือประมาณ 3 เดือน ผมได้ไปรับ booster dose เข็ม 3 เป็น Astrazeneca ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆที่ได้ล็อต K เป็นวัคซีนบริจาคจากญี่ปุ่นพอดี
หลังจากฉีดวัคซีนเข็ม3 ไปแล้ว 14 วัน ผมจึงไปตรวจดูระดับภูมิคุ้มกันอีกรอบ ได้ผลออกมาอยู่ที่ 21,660 U/ml
เนื่องจากมีอยากรู้ว่าระดับภูมิคุ้มกันได้นั้น มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด จากคำแนะนำของคุณหมอและหลายๆท่านบอกว่าจำเป็นต้องตรวจหาอัตราการยับยั้งเชื้อ หรือ Neutralizing Anntibody จะแน่นอนกว่า ว่าภูมิที่สูงนั้นสามารถยับเชื้อโควิดได้ดีแค่ไหน โดยจะแสดงผลเป็นเปอร์เซนต์
ดังนั้นหลังจากตรวจครั้งนี้ผ่านไปได้อีก 2 สัปดาห์ หรือ 28 วันหลังจากรับวัคซีนเข็ม3 ผมจึงไปตรวจภูมิอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจาะจงไปตรวจ Neutralizing Antibody โดยตรง แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มี Package ตรวจ 2 อย่างแล้วลดราคา ผมจึงตรวจไปทั้ง 2 อย่างเลย NT และ IgG ผลที่ได้ถือว่าน่าถึงพอใจครับ ค่า Neutralizing ของผมอยู่ที่ 99.73% Inhibition และ IgG อยู่ที่ 21,943.6 Au/ml (ถึงตรงนี้จะไม่ขอพูดถึง IgG ครั้งนี้ เพราะหน่วยเป็น AU/ml ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่เป็นหน่วย U/ml ครับ)
หลังจากฉีด booster dose เข็ม 3 ไปแล้ว ก็คิดว่าน่าจะโอเคแล้ว แต่เนื่องจากผมมีเดินทางต่างประเทศ ซึ่งบางประเทศเค้าไม่ยอมรับ Sinovac ที่ฉีดไป 2 เข็มแรก ทำให้เหมือนกับว่าผมได้รับแค่ Astrazeneca ไปเพียงเข็มเดียว อีกทั้งผมได้มีการจองวัคซีน Moderna กับทางโรงพยาบาลเอกชนไว้ด้วย และถึงคิวได้รับวัคซีนในล็อตแรกพอดี ผมจึงตัดสินใจจะไปรับวัคซีนอีกเข็มที่จองไว้ ซึ่งก่อนจะไปรับวัคซีนเข็ม4 ผมก็ได้ไปตรวจระดับภูมิคุ้มกันดูอีกครั้ง ว่าลดลงมากน้อยเพียงใด เพราะผ่านมาแล้วมากกว่า 13 สัปดาห์ หรือประมาณเกือบๆ 3 เดือนครึ่งก่อนถึงวันรับโมเดอร์น่า และผลก็คือระดับภูมิที่ตรวจได้อยู่ที่ 5,379 U/ml ซึ่งในครั้งนี้ทางโรงพยาบาลมีการแปลงหน่วยมาให้ด้วย เป็นหน่วยกลางของ WHO คือ 5,534 BAU/ml ครับ ซึ่งภูมิครั้งนี้ถือว่าลดลงกว่าเดิมถึง 70% ภายในระยะเวลา 3 เดือนกว่าๆ ครับ
จนมาถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ผมได้ไปรับวัคซีนโมเดอร์น่าที่ซื้อเอาไว้เป็นเข็มที่ 4 ครับ และหลังจากนั้นอีก 1 เดือน คือวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ผมก็ได้ไปตรวจระดับภูมิคุ้มกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้คุณหมอบอกว่าภูมิน่าจะสูงมาก และเมื่อผลออกมาได้อยู่ที่ 65,600 U/ml หรือ 67,502.4 BAU/ml คุณหมอก็บอกว่าสูงมากจริงๆครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเลขนี้จะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ และเพียงพอต่อสายพันธุ์ Omicron หรือไม่ครับ
หลังจากนี้ไปผมคงพอแล้วกับวัคซีนโควิด Generation แรกนี้ ยกเว้นว่าเดือนมีนาคม 2565 ผมมีธุระต้องเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว และทาง Pfizer หรือ Moderna ออกวัคซีน Generation2 ที่ปรับปรุงมาใหม่เพื่อสายพันธุ์ Omicron ตามข่าว และเปิดให้บุคคลทั่วไปได้ฉีด Gen2 นี้พอดีในช่วงที่ผมอยู่ในสหรัฐ แล้วค่อยพิจารณาว่าจะรับวัคซีน Gen2 เข็มถัดไปอีกหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
แชร์ประสบการณ์ตรวจภูมิโควิด หลังฉีดวัคซีน 4 เข็ม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าผมรับวัคซีนมาแล้วทั้งหมด 4 เข็ม โดยสองเข็มแรกเป็น Sinovac เข็มสามเป็น Astrazeneca และเข็มสี่เป็น Moderna ครับ ช่วงเวลาในการรับวัคซีนก็ตามเอกสารที่ปรากฏในหมอพร้อมตามนี้ครับ
เริ่มต้นจากการตรวจภูมิครั้งแรกหลังรับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มผ่านมาได้ 51 วัน หรือประมาณ 7 สัปดาห์ ตรวจได้ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 65.75 U/ml
จนเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 หลังจากวัคซีนเข็ม 2 ได้ 12 สัปดาห์กับอีก 2 วัน หรือประมาณ 3 เดือน ผมได้ไปรับ booster dose เข็ม 3 เป็น Astrazeneca ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆที่ได้ล็อต K เป็นวัคซีนบริจาคจากญี่ปุ่นพอดี
หลังจากฉีดวัคซีนเข็ม3 ไปแล้ว 14 วัน ผมจึงไปตรวจดูระดับภูมิคุ้มกันอีกรอบ ได้ผลออกมาอยู่ที่ 21,660 U/ml
เนื่องจากมีอยากรู้ว่าระดับภูมิคุ้มกันได้นั้น มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด จากคำแนะนำของคุณหมอและหลายๆท่านบอกว่าจำเป็นต้องตรวจหาอัตราการยับยั้งเชื้อ หรือ Neutralizing Anntibody จะแน่นอนกว่า ว่าภูมิที่สูงนั้นสามารถยับเชื้อโควิดได้ดีแค่ไหน โดยจะแสดงผลเป็นเปอร์เซนต์
ดังนั้นหลังจากตรวจครั้งนี้ผ่านไปได้อีก 2 สัปดาห์ หรือ 28 วันหลังจากรับวัคซีนเข็ม3 ผมจึงไปตรวจภูมิอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจาะจงไปตรวจ Neutralizing Antibody โดยตรง แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มี Package ตรวจ 2 อย่างแล้วลดราคา ผมจึงตรวจไปทั้ง 2 อย่างเลย NT และ IgG ผลที่ได้ถือว่าน่าถึงพอใจครับ ค่า Neutralizing ของผมอยู่ที่ 99.73% Inhibition และ IgG อยู่ที่ 21,943.6 Au/ml (ถึงตรงนี้จะไม่ขอพูดถึง IgG ครั้งนี้ เพราะหน่วยเป็น AU/ml ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่เป็นหน่วย U/ml ครับ)
หลังจากฉีด booster dose เข็ม 3 ไปแล้ว ก็คิดว่าน่าจะโอเคแล้ว แต่เนื่องจากผมมีเดินทางต่างประเทศ ซึ่งบางประเทศเค้าไม่ยอมรับ Sinovac ที่ฉีดไป 2 เข็มแรก ทำให้เหมือนกับว่าผมได้รับแค่ Astrazeneca ไปเพียงเข็มเดียว อีกทั้งผมได้มีการจองวัคซีน Moderna กับทางโรงพยาบาลเอกชนไว้ด้วย และถึงคิวได้รับวัคซีนในล็อตแรกพอดี ผมจึงตัดสินใจจะไปรับวัคซีนอีกเข็มที่จองไว้ ซึ่งก่อนจะไปรับวัคซีนเข็ม4 ผมก็ได้ไปตรวจระดับภูมิคุ้มกันดูอีกครั้ง ว่าลดลงมากน้อยเพียงใด เพราะผ่านมาแล้วมากกว่า 13 สัปดาห์ หรือประมาณเกือบๆ 3 เดือนครึ่งก่อนถึงวันรับโมเดอร์น่า และผลก็คือระดับภูมิที่ตรวจได้อยู่ที่ 5,379 U/ml ซึ่งในครั้งนี้ทางโรงพยาบาลมีการแปลงหน่วยมาให้ด้วย เป็นหน่วยกลางของ WHO คือ 5,534 BAU/ml ครับ ซึ่งภูมิครั้งนี้ถือว่าลดลงกว่าเดิมถึง 70% ภายในระยะเวลา 3 เดือนกว่าๆ ครับ
จนมาถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ผมได้ไปรับวัคซีนโมเดอร์น่าที่ซื้อเอาไว้เป็นเข็มที่ 4 ครับ และหลังจากนั้นอีก 1 เดือน คือวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ผมก็ได้ไปตรวจระดับภูมิคุ้มกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้คุณหมอบอกว่าภูมิน่าจะสูงมาก และเมื่อผลออกมาได้อยู่ที่ 65,600 U/ml หรือ 67,502.4 BAU/ml คุณหมอก็บอกว่าสูงมากจริงๆครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเลขนี้จะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ และเพียงพอต่อสายพันธุ์ Omicron หรือไม่ครับ
หลังจากนี้ไปผมคงพอแล้วกับวัคซีนโควิด Generation แรกนี้ ยกเว้นว่าเดือนมีนาคม 2565 ผมมีธุระต้องเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว และทาง Pfizer หรือ Moderna ออกวัคซีน Generation2 ที่ปรับปรุงมาใหม่เพื่อสายพันธุ์ Omicron ตามข่าว และเปิดให้บุคคลทั่วไปได้ฉีด Gen2 นี้พอดีในช่วงที่ผมอยู่ในสหรัฐ แล้วค่อยพิจารณาว่าจะรับวัคซีน Gen2 เข็มถัดไปอีกหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ