หลังจากที่เราป่วยหนักด้วยโรคร้ายแรงสามโรค มะเร็ง ติดเชื้อในกระแสเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงรักษาติดต่อกันยาวนานสามปีจนมะเร็งหายแล้วติดเชื้อในกระแสเลือดเกือบตายแต่ก็หายแล้ว
เรานึกว่าเราเข้มแข็งมากเราโอเคจนวันหนึ่งมันมีบางอย่างกระทบจิตใจจนเรารู้สึกไร้ค่าเหนื่อยที่จะต่อสู้ไม่อยากอยู่แล้วเราคิดว่าเราผิดปรกติแน่ๆเลยรีบไปหาจิตแพทย์เอกชนทันที จิตแพทย์ทำเรื่องส่งตัวเราเข้าไปพบแพทย์แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลของรัฐทันที ที่แผนกฉุกเฉินเราได้ตรวจกับ Psychologist และ Psychiatrist (ต้องขออภัยเราไม่รู้ว่าจิตแพทย์สองย่างนี้ภาษาไทยเรียกอะไร) Psychologistจะบำบัดทางจิตแต่Psychiatrist จะบำบัดด้วยยา และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Anziety and Depressive disorder มีแแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย คุณหมอแนะนำให้เราเข้าโปรแกรมรับการบำบัดในสถานพยาบาลแต่เราปฏิเสธเพราะสามปีที่ผ่านมาเราเดินเข้าออกโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ถ้าเราต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยายาลอีกครั้งเราเชื่อว่าเราต้องฆ่าตัวตายแน่นอนคุณหมอเลยจ่ายยา Alprazolam 0.5mg. กินครั้งละ1เม็ด3เวลาหลังอาหารและ Zolpidem10mg.1เม็ดก่อนนอน จริงๆต้องใช้ยาแรงกว่านี้แต่เราเป็นโรคหัวใจเลยกินได้แค่นี้จากนั้นก็พบจิตแพทย์เดือนละครั้งเพื่อดูว่ายาได้ผลมั้ย
สิ่งที่เราเลี่ยงคือคนทะเลาะกันด่ากันเถียงกันเสียงดังเพราะถ้าเห็นคนทะเลาะกันอาการเราจะกำเริบปวดหัว ใจสั่นทันทีเราไม่ชอบให้ใครถามว่าสบายดีหรือเปล่าเพราะมันทำให้เราสำนึกว่าเราเป็นโรคร้าย
เราพยายามรักษาสภาพจิตใจตัวเองด้วยการพยายามที่จะลืมความเจ็บป่วยของตัวเองด้วยการไปออกกำลังกาย ไปในที่ๆไม่มีใครรู้จักเรา ไปเที่ยวคนเดียวในที่ต่างๆ ถ่ายรูปสถานที่สวยๆถ่ายวีดิโออัพลงเฟสบางทีเรานั่งรถไฟเป็นชั่วโมงๆเพื่อไปดื่มกาแฟแก้วเดียวแล้วนั่งฟังเพลงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเงียบๆคนเดียวแล้วก็นั่งรถไฟกลับบ้าน มันช่วยได้จริงๆนะนี่ก็เพิ่งไปปราสาทดัวโม่มิลานมา ไปคนเดียวด้วย
เรื่องสวดมนต์ฟังธรรมลืมไปได้เลยเราจะสวดพระชินบัญชรตอนที่อารมณ์สงบๆแต่ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านเราจะไม่สวดมนต์เพราะมันไม่มีสมาธิและทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิมอีกอย่างคือถึงเราไม่ค่อยได้ไปวัดแต่เราก็ไม่เคยคิดร้ายใครส่งเงินเลี้ยงดูแม่ประจำเพราะเราอยู่ไกลวิดิโอคอลกันทุกวัน
จากที่สามปีที่ผ่านมาเรานอนหลับแค่วันละ3-4ชม.กินยานอนหลับก็ไม่ได้เพราะเป็นโรคหัวใจเลยทรมานมาตลอดตอนนี้เราหลับได้สนิทตื่นเช้ามาสดชื่นไม่รู้สึกไร้ค่าหรืออยากตายอีกแล้ว
ที่สำคัญเราบอกคนในครอบครัวให้รู้ว่าเราป่วยวันที่เราไปพบจิตแพทย์พวกเขาก็ไปด้วยและได้รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรและจิตแพทย์ก็แนะนำวิธีปฏิบัติตัวของพวกเขาว่าต้องทำอย่างไรไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจเราพวกเขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งหมดแค่เลี่ยงการกระทำบางอย่างเท่านั้นเช่นอย่าตะคอกใส่กันอย่าตำหนิให้เรารู้สึกด้อยค่าแค่นั้น
สุดท้ายนี้เราอยากบอกทุกๆคนที่เป็นโรคนี้ว่าสู้ๆนะคะในโลกนี้ยังมีอะไรสวยงามรอให้เราไปเสาะแสวงหาอีกเยอะแยะมากมาย
วันนี้เรากะว่าจะนั่งรถไฟไปเที่ยวทะเลสาบ Lecco คนเดียวเราศึกษาเส้นทางแล้วนั่งรถไฟไปน่าจะราวๆ20นาที
อันนี้เพิ่งไปประสาทDuomo di Milano มาเมื่อวันก่อนเขากำลังตกแต่งต้นคริสมาสต์พอดี
เมื่อเรามีภาวะ Anziety and Depressive disorder
เรานึกว่าเราเข้มแข็งมากเราโอเคจนวันหนึ่งมันมีบางอย่างกระทบจิตใจจนเรารู้สึกไร้ค่าเหนื่อยที่จะต่อสู้ไม่อยากอยู่แล้วเราคิดว่าเราผิดปรกติแน่ๆเลยรีบไปหาจิตแพทย์เอกชนทันที จิตแพทย์ทำเรื่องส่งตัวเราเข้าไปพบแพทย์แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลของรัฐทันที ที่แผนกฉุกเฉินเราได้ตรวจกับ Psychologist และ Psychiatrist (ต้องขออภัยเราไม่รู้ว่าจิตแพทย์สองย่างนี้ภาษาไทยเรียกอะไร) Psychologistจะบำบัดทางจิตแต่Psychiatrist จะบำบัดด้วยยา และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Anziety and Depressive disorder มีแแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย คุณหมอแนะนำให้เราเข้าโปรแกรมรับการบำบัดในสถานพยาบาลแต่เราปฏิเสธเพราะสามปีที่ผ่านมาเราเดินเข้าออกโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ถ้าเราต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยายาลอีกครั้งเราเชื่อว่าเราต้องฆ่าตัวตายแน่นอนคุณหมอเลยจ่ายยา Alprazolam 0.5mg. กินครั้งละ1เม็ด3เวลาหลังอาหารและ Zolpidem10mg.1เม็ดก่อนนอน จริงๆต้องใช้ยาแรงกว่านี้แต่เราเป็นโรคหัวใจเลยกินได้แค่นี้จากนั้นก็พบจิตแพทย์เดือนละครั้งเพื่อดูว่ายาได้ผลมั้ย
สิ่งที่เราเลี่ยงคือคนทะเลาะกันด่ากันเถียงกันเสียงดังเพราะถ้าเห็นคนทะเลาะกันอาการเราจะกำเริบปวดหัว ใจสั่นทันทีเราไม่ชอบให้ใครถามว่าสบายดีหรือเปล่าเพราะมันทำให้เราสำนึกว่าเราเป็นโรคร้าย
เราพยายามรักษาสภาพจิตใจตัวเองด้วยการพยายามที่จะลืมความเจ็บป่วยของตัวเองด้วยการไปออกกำลังกาย ไปในที่ๆไม่มีใครรู้จักเรา ไปเที่ยวคนเดียวในที่ต่างๆ ถ่ายรูปสถานที่สวยๆถ่ายวีดิโออัพลงเฟสบางทีเรานั่งรถไฟเป็นชั่วโมงๆเพื่อไปดื่มกาแฟแก้วเดียวแล้วนั่งฟังเพลงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเงียบๆคนเดียวแล้วก็นั่งรถไฟกลับบ้าน มันช่วยได้จริงๆนะนี่ก็เพิ่งไปปราสาทดัวโม่มิลานมา ไปคนเดียวด้วย
เรื่องสวดมนต์ฟังธรรมลืมไปได้เลยเราจะสวดพระชินบัญชรตอนที่อารมณ์สงบๆแต่ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านเราจะไม่สวดมนต์เพราะมันไม่มีสมาธิและทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิมอีกอย่างคือถึงเราไม่ค่อยได้ไปวัดแต่เราก็ไม่เคยคิดร้ายใครส่งเงินเลี้ยงดูแม่ประจำเพราะเราอยู่ไกลวิดิโอคอลกันทุกวัน
จากที่สามปีที่ผ่านมาเรานอนหลับแค่วันละ3-4ชม.กินยานอนหลับก็ไม่ได้เพราะเป็นโรคหัวใจเลยทรมานมาตลอดตอนนี้เราหลับได้สนิทตื่นเช้ามาสดชื่นไม่รู้สึกไร้ค่าหรืออยากตายอีกแล้ว
ที่สำคัญเราบอกคนในครอบครัวให้รู้ว่าเราป่วยวันที่เราไปพบจิตแพทย์พวกเขาก็ไปด้วยและได้รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรและจิตแพทย์ก็แนะนำวิธีปฏิบัติตัวของพวกเขาว่าต้องทำอย่างไรไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจเราพวกเขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งหมดแค่เลี่ยงการกระทำบางอย่างเท่านั้นเช่นอย่าตะคอกใส่กันอย่าตำหนิให้เรารู้สึกด้อยค่าแค่นั้น
สุดท้ายนี้เราอยากบอกทุกๆคนที่เป็นโรคนี้ว่าสู้ๆนะคะในโลกนี้ยังมีอะไรสวยงามรอให้เราไปเสาะแสวงหาอีกเยอะแยะมากมาย
วันนี้เรากะว่าจะนั่งรถไฟไปเที่ยวทะเลสาบ Lecco คนเดียวเราศึกษาเส้นทางแล้วนั่งรถไฟไปน่าจะราวๆ20นาที
อันนี้เพิ่งไปประสาทDuomo di Milano มาเมื่อวันก่อนเขากำลังตกแต่งต้นคริสมาสต์พอดี