‘นิด้าโพล’ เปิดผลสำรวจ อยากได้ใครเป็น ‘ผู้ว่าฯกทม.’ ครั้งที่ 8 ‘ชัชชาติ’ นำโด่ง ชี้อยากได้ ส.ก.จากทีมชัชชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3073503
‘นิด้าโพล’ เปิดผลสำรวจ อยากได้ใครเป็น ‘ผู้ว่าฯกทม.’ ครั้งที่ 8 ‘ชัชชาติ’ นำโด่ง ชี้อยากได้ ส.ก.จากทีมชัชชาติด้วย
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 8 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับประชาชนอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 8 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจ
เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม. พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.37 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 17.07 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 11.68 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 4 ร้อยละ 6.37 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 6.15 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 5.54 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อันดับ 7 ร้อยละ 4.86 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อันดับ 8 ร้อยละ 3.03 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 9 ร้อยละ 2.88 ระบุว่า ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 10 ร้อยละ 2.66 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 11 ร้อยละ 2.20 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับที่ 12 ร้อยละ 1.37 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคกล้า อันดับ 13 ร้อยละ 1.21 ระบุว่าเป็น นายสกลธี ภัททิยกุล และร้อยละ 0.61 ระบุว่า อื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี และผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 7 เดือนพฤศจิกายน 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครจากพรรคกล้า และนายสกลธี ภัททิยกุล มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ และจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม. จำแนกตามกลุ่มเขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร พบว่า
1. กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง อันดับ 1 ร้อยละ 88 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 21.21 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 8.33 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล ในสัดส่วนที่เท่ากัน และอันดับ 4 ร้อยละ 6.06 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
2. กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 82 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.00 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และยังไม่ตัดสินใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 3 ร้อยละ 6.36 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล และอันดับ 4 ร้อยละ 5.91 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล
3. กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 20 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.20 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 13.20 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 6.00 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล และ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
4. กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก อันดับ 1 ร้อยละ 10 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 19.06 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 10.70 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 7.02 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือ พรรคก้าวไกล
5. กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 33 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 17.74 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 12.37 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 7.53 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
6. กลุ่มเขตกรุงธนใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 80 ระบุว่าเป็น ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.58 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 9.52 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 7.79 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ด้านบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 24.05 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม ดร.
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 11.38 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครอิสระที่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครผู้ว่าฯ อันดับ 4 ร้อยละ 10.93 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 5 ร้อยละ 8.95 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล อันดับ 6 ร้อยละ 6.98 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 7 ร้อยละ 4.63 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 8 ร้อยละ 4.40 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม น.ส.รสนา โตสิตระกูล อันดับ 9 ร้อยละ 4.02 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 10 ร้อยละ 3.57 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อันดับ 11 ร้อยละ 2.88 ระบุว่า ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 12 ร้อยละ 2.20 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับ 13 ร้อยละ 1.37 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคกล้า และร้อยละ 1.89 ระบุว่า อื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครในทีม นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี และผู้สมัครจากพรรค เสรีรวมไทย
'ชัชชาติ' โพสต์ยินดี ลาว-จีน เปิดรถไฟ ระยะทาง 1,035 ก.ม.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6768003
‘ชัชชาติ’ โพสต์ยินดี ลาว-จีน เปิดรถไฟ ระยะทางรวมพันกิโลเมตร หวังรถไฟสายนี้ ได้เชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ของไทยในเร็ววันนี้
วันที่ 5 ธ.ค.64 นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ความว่า
ขอแสดงความยินดีกับ สปป.ลาว และประเทศจีน ในการเปิดเดินรถไฟลาว-จีน ระยะทางรวม 1,035 กิโลเมตร วิ่งระหว่างนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ผ่านเมืองผู่เอ๋อร์ และด่านม่อหานทางตอนใต้ของจีน เข้าสู่ลาวบริเวณด่านบ่อเต็น ผ่านอุดมไซ หลวงพระบาง วังเวียง จนถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้นะครับ ซึ่งจะมีการให้บริการทั้งรถไฟโดยสาร (160 กม./ชม.) และรถไฟขนส่งสินค้า (120 กม./ชม.)
หวังว่ารถไฟสายนี้ คงจะได้เชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ของไทยในเร็ววันนี้ เพื่อเชื่อมมณฑลยูนนานของจีนที่มีประชากรเกือบ 50 ล้านคน มี GDP ประมาณ 12 ล้านล้านบาท (70% ของ GDP ประเทศไทย) ผ่าน สปป.ลาว สู่ประเทศไทย และจะเป็นระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญของ ASEAN+ จีนในอนาคตครับ
(ขอบคุณภาพจาก China Xinhua News ครับ)
https://www.facebook.com/chadchartofficial/posts/4777861462274668
ร้านสตรีทฟู้ดเผยโอไมครอนทำคนผวาไม่กล้าจับจ่าย
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_247649/
ร้านสตรีทฟู้ด เผย โอไมครอนทำคนกลัว ไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย ขณะราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง 3 เท่า วอน รัฐบาลต่อมาตรการเพิ่มวงเงินช่วยปชช. หลังจบคนละครึ่ง
นางสาว
ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หลังเปิดประเทศมากว่า 1 เดือน สถานการณ์ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารดีขึ้นเนื่องจากยังคงมีมาตรการคนละครึ่งทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ แต่กำลังมีความเป็นห่วงว่าหลังจากสิ้นสุดมาตรการแล้วสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเนื่องจากการฟื้นตัวไม่ได้หวือหวา ประกอบกับที่มีการพบการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างที่กำลังค่อยๆปรับฟื้นตัวดีขึ้นหลายอย่างต้องหยุดชะงัก ในขณะที่การจัดงานเทศกาลปีใหม่หากไม่สามารถทำได้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอาจสะดุดลง
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า การจัดงานต่างๆจะต้องดูในเรื่องของความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลักก่อน เพราะเวลานี้ทั่วโลกมีความกังวลกับโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วไปในหลายประเทศ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นประเทศไทยอาจได้ไม่คุ้มเสีย โดยสถานการณ์ในประเทศเวลานี้ยอมรับว่าผู้ประกอบการกลัว เพราะทุกอย่างยังคงไม่ชัดเจน สิ่งเดียวที่ภาคธุรกิจทำได้คือการป้องกันตัวเองระมัดระวังไม่ให้มีการแพร่เชื้อตัวใหม่ในประเทศ
และหาทางบริหารจัดการลดต้นทุนของร้านอาหารลงเนื่องจากวัตถุดิบในการประกอบอาหารยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ราคาวัตถุดิบพุ่งสูงขึ้นถึง 3 เท่า และไม่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงจึงต้องหาทางบริหารจัดการด้วยการทำเมนูใหม่เพื่อลดต้นทุนและขายในราคาเดิมเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ โดยในช่วงนี้ประชาชนยังคงกลัวไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายของภาคประชาชนให้มากขึ้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการคนละครึ่งแล้ว
JJNY : 4in1 ‘นิด้าโพล’เปิดผล‘ชัชชาติ’นำ│'ชัชชาติ'ยินดีลาว-จีน│สตรีทฟู้ดเผยโอไมครอนทำคนผวา│ทหารพม่าขับรถพุ่งชนผู้ประท้วง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3073503
‘นิด้าโพล’ เปิดผลสำรวจ อยากได้ใครเป็น ‘ผู้ว่าฯกทม.’ ครั้งที่ 8 ‘ชัชชาติ’ นำโด่ง ชี้อยากได้ ส.ก.จากทีมชัชชาติด้วย
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 8 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับประชาชนอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 8 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจ
เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม. พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.37 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 17.07 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 11.68 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 4 ร้อยละ 6.37 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 6.15 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 5.54 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อันดับ 7 ร้อยละ 4.86 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อันดับ 8 ร้อยละ 3.03 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 9 ร้อยละ 2.88 ระบุว่า ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 10 ร้อยละ 2.66 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 11 ร้อยละ 2.20 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับที่ 12 ร้อยละ 1.37 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคกล้า อันดับ 13 ร้อยละ 1.21 ระบุว่าเป็น นายสกลธี ภัททิยกุล และร้อยละ 0.61 ระบุว่า อื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี และผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ครั้งที่ 7 เดือนพฤศจิกายน 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครจากพรรคกล้า และนายสกลธี ภัททิยกุล มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ และจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม. จำแนกตามกลุ่มเขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร พบว่า
1. กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง อันดับ 1 ร้อยละ 88 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 21.21 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 8.33 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล ในสัดส่วนที่เท่ากัน และอันดับ 4 ร้อยละ 6.06 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
2. กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 82 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.00 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และยังไม่ตัดสินใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 3 ร้อยละ 6.36 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล และอันดับ 4 ร้อยละ 5.91 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล
3. กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 20 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.20 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 13.20 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 6.00 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล และ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
4. กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก อันดับ 1 ร้อยละ 10 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 19.06 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 10.70 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 7.02 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือ พรรคก้าวไกล
5. กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 33 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 17.74 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 12.37 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 7.53 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
6. กลุ่มเขตกรุงธนใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 80 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 15.58 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 9.52 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 7.79 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ด้านบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 24.05 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 11.38 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครอิสระที่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครผู้ว่าฯ อันดับ 4 ร้อยละ 10.93 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 5 ร้อยละ 8.95 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล อันดับ 6 ร้อยละ 6.98 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 7 ร้อยละ 4.63 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 8 ร้อยละ 4.40 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม น.ส.รสนา โตสิตระกูล อันดับ 9 ร้อยละ 4.02 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 10 ร้อยละ 3.57 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อันดับ 11 ร้อยละ 2.88 ระบุว่า ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 12 ร้อยละ 2.20 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับ 13 ร้อยละ 1.37 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครจากพรรคกล้า และร้อยละ 1.89 ระบุว่า อื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครในทีม นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี และผู้สมัครจากพรรค เสรีรวมไทย
'ชัชชาติ' โพสต์ยินดี ลาว-จีน เปิดรถไฟ ระยะทาง 1,035 ก.ม.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6768003
‘ชัชชาติ’ โพสต์ยินดี ลาว-จีน เปิดรถไฟ ระยะทางรวมพันกิโลเมตร หวังรถไฟสายนี้ ได้เชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ของไทยในเร็ววันนี้
วันที่ 5 ธ.ค.64 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ความว่า
ขอแสดงความยินดีกับ สปป.ลาว และประเทศจีน ในการเปิดเดินรถไฟลาว-จีน ระยะทางรวม 1,035 กิโลเมตร วิ่งระหว่างนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ผ่านเมืองผู่เอ๋อร์ และด่านม่อหานทางตอนใต้ของจีน เข้าสู่ลาวบริเวณด่านบ่อเต็น ผ่านอุดมไซ หลวงพระบาง วังเวียง จนถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้นะครับ ซึ่งจะมีการให้บริการทั้งรถไฟโดยสาร (160 กม./ชม.) และรถไฟขนส่งสินค้า (120 กม./ชม.)
หวังว่ารถไฟสายนี้ คงจะได้เชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ของไทยในเร็ววันนี้ เพื่อเชื่อมมณฑลยูนนานของจีนที่มีประชากรเกือบ 50 ล้านคน มี GDP ประมาณ 12 ล้านล้านบาท (70% ของ GDP ประเทศไทย) ผ่าน สปป.ลาว สู่ประเทศไทย และจะเป็นระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญของ ASEAN+ จีนในอนาคตครับ
(ขอบคุณภาพจาก China Xinhua News ครับ)
https://www.facebook.com/chadchartofficial/posts/4777861462274668
ร้านสตรีทฟู้ดเผยโอไมครอนทำคนผวาไม่กล้าจับจ่าย
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_247649/
ร้านสตรีทฟู้ด เผย โอไมครอนทำคนกลัว ไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย ขณะราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง 3 เท่า วอน รัฐบาลต่อมาตรการเพิ่มวงเงินช่วยปชช. หลังจบคนละครึ่ง
นางสาวประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หลังเปิดประเทศมากว่า 1 เดือน สถานการณ์ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารดีขึ้นเนื่องจากยังคงมีมาตรการคนละครึ่งทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ แต่กำลังมีความเป็นห่วงว่าหลังจากสิ้นสุดมาตรการแล้วสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเนื่องจากการฟื้นตัวไม่ได้หวือหวา ประกอบกับที่มีการพบการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างที่กำลังค่อยๆปรับฟื้นตัวดีขึ้นหลายอย่างต้องหยุดชะงัก ในขณะที่การจัดงานเทศกาลปีใหม่หากไม่สามารถทำได้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอาจสะดุดลง
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า การจัดงานต่างๆจะต้องดูในเรื่องของความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลักก่อน เพราะเวลานี้ทั่วโลกมีความกังวลกับโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วไปในหลายประเทศ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นประเทศไทยอาจได้ไม่คุ้มเสีย โดยสถานการณ์ในประเทศเวลานี้ยอมรับว่าผู้ประกอบการกลัว เพราะทุกอย่างยังคงไม่ชัดเจน สิ่งเดียวที่ภาคธุรกิจทำได้คือการป้องกันตัวเองระมัดระวังไม่ให้มีการแพร่เชื้อตัวใหม่ในประเทศ
และหาทางบริหารจัดการลดต้นทุนของร้านอาหารลงเนื่องจากวัตถุดิบในการประกอบอาหารยังคงอยู่ในระดับสูง โดย ราคาวัตถุดิบพุ่งสูงขึ้นถึง 3 เท่า และไม่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงจึงต้องหาทางบริหารจัดการด้วยการทำเมนูใหม่เพื่อลดต้นทุนและขายในราคาเดิมเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ โดยในช่วงนี้ประชาชนยังคงกลัวไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายของภาคประชาชนให้มากขึ้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการคนละครึ่งแล้ว