คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ทำไมถึงมาเรียนครู ทำไมถึงจะเ)็นครูครับ อยากทราบเรื่องนี้ก่อนเลย
แล่วทำไมถึงอยากเป็นครูสอนวัยนี้ ทำไมไม่เลือกไปสอนมัธยม ไปเรียนวัยอื่น
ตั้งแต่แรกที่เลือกเรียนวิชาชีพนี้ ก็น่าจะรู้ตัวแล้วนะครับว่า เส้นทางชีวิตจะต้องมาประกอบอาชีพกับเด็กๆ
นอกเสียจากว่า เรียนครู สอบเข้าครู เพราะ ไม่มีทางเลือกอื่นที่อยากเรียนมากกว่า แปลง่ายๆคือ ไม่ชอบวิชาชีพนี้น้อยที่สุด ส่วนวิชาชีพที่ชอบจริงๆก็ไม่สามารถเลือกเรียนได้ หรือเปล่า??
จากความเห็นต่างๆด้านบนๆ จะพบว่า หลายๆท่านก็มองเรื่องวิชาชีพแตกต่างกันออกไป มองว่า คุณสามารถทำอาชีพนี้ได้เพียงแต่รับผิดชอบให้ผ่านพ้นไปตามมาตรฐานหน้าที่ก็เียงพอแล้ว
แต่ผมมองกลับกันครับ ว่าถ้าทำโดยไม่ได้มีความสุข ทำโดยเห็นทุกวันเป็นทุกข์ อย่าทำมันเลยครับ ไปหาอย่างอื่นทำมาหากินดีกว่า เพราะหนึ่งในหน้าที่และการเีรียนมาเ)็นครู คือการรู้จักปรับพลิกแพลงวิธีการสอน การสร้างระบบ เลือกใช้การสอนที่เหมาะสมกับเ็ดก การประเมินผล จิตวิทยาต่างๆ ที่เป็นเหมือนเครื่องมือให้คุณหยิบยกมาใช้ช่วยให้เด็กต่างๆ เข้าใจบทเรียนได้
ถ้าเป็นเด็กพิเศษจริงๆ ก็ต้องมีหลักสูตรพิเศษนะครับ ไม่งั้น คุณก็จะมีเครื่องมือ มีความชำนาญและทักษะไม่เพียงพอ ไม่เหมาะสมที่จะไปช่วยให้เค้าเรียรู้ได้ได้ตามเกณฑ์อันควร
ถ้ามองเห็นเด็กเรียนแล้วไม่ได้เลย ไม่ไหวเลย แล้วคุณเกิดจิตใจมานะพยายามที่จะค้นหาวิธี ขุดความรู้ที่เรยนมา ที่ฝึกสอนมา มอหาแหล่งวิชาความรู้ต่างๆ แม้แต่หาคำปรึกษาว่า มีเทคนิกอะไรอีกบ้าง ที่ช่วยให้เค้าเรียนรู้ได้ดีขึ้น
ผมว่าอันนี้แหละครับ เนื้อแท้ของความเป็นครู
ถ้าแพทย์ เป็นแพทย์ที่ไม่ได้มีจิตใจมุ่งไปที่การช่วยให้คนหายเจ็บ หายป่วย เห็นคนปว่ย คนเจ็บมาเป็นภาระน่ารำคาญ แบบนี้คุณจะโอเคหรือเปล่า
ถ้าตำรวจ ทำหน้าที่โดยไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากลงแรง ต้องอดหลับอดนอนเข้าเวร ตรวจตราสอดส่องคอยสังเกตุเหตุร้าย แบบนี้จะดีมั้ย
ถ้าคนกวาดถนน กวาดๆไปเพื่อรับเงินเดือนวันๆ เห็นขยะหลุดรอดตกหล่นก็ช่างมันเดี๋ยวก็มีเวรมากวาดใหม่ แบบนี้จะดีมั้ย
เคยหรือไม่ครับ ที่ได้พบกับหลากหลายวิชา หลากหลายอาชีพ ที่ดูรักและเอาจริงเอาจังกับงานของเค้า ทั้งที่หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ
โชเฟอร์แท็กซี่ ที่ขับรถให้นิ่มที่สุด มีเครื่องอำนวยความสะดวกและบันเทิงในรถ พร้อมขมักเขม้นช่วยหยิบยกของด้วยใจบริการ
พยาบาล ที่เสียเวลาช่วยคุณป้าหาเอกสารที่วางผิดกอง เพื่อให้แกได้รักษาตามเวลาหมอลงเวร ไม่ต้องเสียเวลามาใหม่ อย่างไม่รู้สึกเป็นภาระ
ฮันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
เรียนกันมาตั้งแต่เด็กครับ
ข้อนึงที่ยอากฝากไว้คือ อาชีพที่คุณทำอยู่นั้น มีความสำคัญมากกว่าแค่ทำๆไปก่อน ยังไม่รู้จะไปทำอะไรดี รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ชอบ และไม่ใช่ แต่ยังไม่มีทางไป ก็สอนๆไปก่อน เพราะ สิ่งที่คุณทำงานด้วย คือ "มนุษย์" ที่เค้าจะต้องมีชีวิตต่อไป มีอนาคต และ เพียงหนึ่งคำ หรือหนึ่งสิ่งที่คุณตัดสินใจลงไป สามารถเปลี่ยนเค้าได้เลยนะครับ
ถ้าไม่พร้อม ก็เลิกทำครับ สงสารเด็ก ถ้าไม่อยากเลิก ก็ต้องหาทางมองในมุมที่เรารักและชอบให้ได้ หาความสุขในงานมากกว่าแค่หน้าที่ และวิชาชีพที่ใช้เลี้ยงตัวเอง
ผมกล้าบอกแบบนี้ เพราะ ผมเคยทำงานเป็นครูอาสา ไปสอนหนังสือในชุมชน ไปลงชุมชนตามต่างจังหวะ ตามหมู่บ้านด้อยโอกาส จนมีเด็กคนนึงที่ตอนนี้ เค้าเรียนในกรุงเทพได้สำเร็จ เพียงเพราะวันนั้น ผมบอกเค้าว่า ให้ตั้งใจเรียนและอย่าเลิกเล่นดนตรีนะ ดนตรีอาจเปลี่ยนชีวิตเค้าได้ ตอนนี้อยู่โรงเรียนดุริยางค์ครับ มีอนาคตรับราชการ โอกาสต่างๆที่อาจไม่มีหากวันนั้นนเราไม่ได้เจอกัน
อีกอย่าง
ลูกสาวผมเรียนออนไลน์ วิชาภาษาจีน โดยเหล่าซือ เป็นคนจากมหาวิทยาลัย กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ เค้าสอนเด็กไปพลาง เรียนออนไลน์ตัวเองไปพลาง เปิดลำโพง เสียงรบกวนเด็กๆอ่านตามหน้าที่เค้าบอก แต่ละสัปดาห์ ให้จดศัพท์ 4-5 คำเท่านั้น ไมม่สอนตามตำรา เรียกเด็กๆอ่านวนๆไป ใครไม่อ่านก็ข้าม จำไม่ได้ว่าใครอ่านไปแล้วบ้าง
เมื่อถูกร้องเรียน ก็ลาออก โดยจะมีผลเมื่อสิ้นเทอม ระหว่างรอเวลานั้น ก็สอนขอไปที ถึงขั้น เด็กมาเรียน เช็คชื่อแล้วบอกให้อ่านเตรียมสอบกันไปเงียบๆ ในขณะที่ตัวเองเรียนออนไลน์ของตัวเองไปด้วย
ผมลุกไปกดไมค์คุยกับครูเลยครับว่า แบบนี้ ผู้ปกครองเห็นแล้วไม่โอเค ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะสอนหนังสือเด็ก ให้ไปทำตัวเองให้พร้อมก่อน เวลา 4 เดือนที่เสียไปกับคุณครูแบบนี้ จะไปทวงคืนได้จากที่ไหน และยื่นเรื่องถึงฝ่ายบริหารโรงเรียนจริงจังครับ ต้องการให้"ไล่ออก" สถานเดียว
ดังนั้นผมจึงซีเรียสเรื่อง"จิตวิญญาณ" ในอาชีพต่างๆครับ
ถ้าไม่มีก็อย่ามาเสียเวลาเลย ยิ่งอาชีพที่เกี่ยวกับคนอื่นมากๆ อย่าเห็นแก่ตัวครับ
พวกเด็กขยายโอกาสนี่แหละครับ ที่ต้องการครูที่รักเค้ามากกว่าแค่อ่านออกเขียนได้ มากกว่าแค่สอบได้ เรียนได้ตามตำรา เพราะ อนาคตของพวกเค้า ละเอียดอ่อน การช่วยค้นหา ผลักดัน สนับสนุน ใช้กลยุทธ วิะีการ ให้เค้าประสบความสำเร็จ และมีโอกาสที่ดีขึ้นจากการศึกษา สำคัญเป็นอย่างมากมายครับ
แล่วทำไมถึงอยากเป็นครูสอนวัยนี้ ทำไมไม่เลือกไปสอนมัธยม ไปเรียนวัยอื่น
ตั้งแต่แรกที่เลือกเรียนวิชาชีพนี้ ก็น่าจะรู้ตัวแล้วนะครับว่า เส้นทางชีวิตจะต้องมาประกอบอาชีพกับเด็กๆ
นอกเสียจากว่า เรียนครู สอบเข้าครู เพราะ ไม่มีทางเลือกอื่นที่อยากเรียนมากกว่า แปลง่ายๆคือ ไม่ชอบวิชาชีพนี้น้อยที่สุด ส่วนวิชาชีพที่ชอบจริงๆก็ไม่สามารถเลือกเรียนได้ หรือเปล่า??
จากความเห็นต่างๆด้านบนๆ จะพบว่า หลายๆท่านก็มองเรื่องวิชาชีพแตกต่างกันออกไป มองว่า คุณสามารถทำอาชีพนี้ได้เพียงแต่รับผิดชอบให้ผ่านพ้นไปตามมาตรฐานหน้าที่ก็เียงพอแล้ว
แต่ผมมองกลับกันครับ ว่าถ้าทำโดยไม่ได้มีความสุข ทำโดยเห็นทุกวันเป็นทุกข์ อย่าทำมันเลยครับ ไปหาอย่างอื่นทำมาหากินดีกว่า เพราะหนึ่งในหน้าที่และการเีรียนมาเ)็นครู คือการรู้จักปรับพลิกแพลงวิธีการสอน การสร้างระบบ เลือกใช้การสอนที่เหมาะสมกับเ็ดก การประเมินผล จิตวิทยาต่างๆ ที่เป็นเหมือนเครื่องมือให้คุณหยิบยกมาใช้ช่วยให้เด็กต่างๆ เข้าใจบทเรียนได้
ถ้าเป็นเด็กพิเศษจริงๆ ก็ต้องมีหลักสูตรพิเศษนะครับ ไม่งั้น คุณก็จะมีเครื่องมือ มีความชำนาญและทักษะไม่เพียงพอ ไม่เหมาะสมที่จะไปช่วยให้เค้าเรียรู้ได้ได้ตามเกณฑ์อันควร
ถ้ามองเห็นเด็กเรียนแล้วไม่ได้เลย ไม่ไหวเลย แล้วคุณเกิดจิตใจมานะพยายามที่จะค้นหาวิธี ขุดความรู้ที่เรยนมา ที่ฝึกสอนมา มอหาแหล่งวิชาความรู้ต่างๆ แม้แต่หาคำปรึกษาว่า มีเทคนิกอะไรอีกบ้าง ที่ช่วยให้เค้าเรียนรู้ได้ดีขึ้น
ผมว่าอันนี้แหละครับ เนื้อแท้ของความเป็นครู
ถ้าแพทย์ เป็นแพทย์ที่ไม่ได้มีจิตใจมุ่งไปที่การช่วยให้คนหายเจ็บ หายป่วย เห็นคนปว่ย คนเจ็บมาเป็นภาระน่ารำคาญ แบบนี้คุณจะโอเคหรือเปล่า
ถ้าตำรวจ ทำหน้าที่โดยไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากลงแรง ต้องอดหลับอดนอนเข้าเวร ตรวจตราสอดส่องคอยสังเกตุเหตุร้าย แบบนี้จะดีมั้ย
ถ้าคนกวาดถนน กวาดๆไปเพื่อรับเงินเดือนวันๆ เห็นขยะหลุดรอดตกหล่นก็ช่างมันเดี๋ยวก็มีเวรมากวาดใหม่ แบบนี้จะดีมั้ย
เคยหรือไม่ครับ ที่ได้พบกับหลากหลายวิชา หลากหลายอาชีพ ที่ดูรักและเอาจริงเอาจังกับงานของเค้า ทั้งที่หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ
โชเฟอร์แท็กซี่ ที่ขับรถให้นิ่มที่สุด มีเครื่องอำนวยความสะดวกและบันเทิงในรถ พร้อมขมักเขม้นช่วยหยิบยกของด้วยใจบริการ
พยาบาล ที่เสียเวลาช่วยคุณป้าหาเอกสารที่วางผิดกอง เพื่อให้แกได้รักษาตามเวลาหมอลงเวร ไม่ต้องเสียเวลามาใหม่ อย่างไม่รู้สึกเป็นภาระ
ฮันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
เรียนกันมาตั้งแต่เด็กครับ
ข้อนึงที่ยอากฝากไว้คือ อาชีพที่คุณทำอยู่นั้น มีความสำคัญมากกว่าแค่ทำๆไปก่อน ยังไม่รู้จะไปทำอะไรดี รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ชอบ และไม่ใช่ แต่ยังไม่มีทางไป ก็สอนๆไปก่อน เพราะ สิ่งที่คุณทำงานด้วย คือ "มนุษย์" ที่เค้าจะต้องมีชีวิตต่อไป มีอนาคต และ เพียงหนึ่งคำ หรือหนึ่งสิ่งที่คุณตัดสินใจลงไป สามารถเปลี่ยนเค้าได้เลยนะครับ
ถ้าไม่พร้อม ก็เลิกทำครับ สงสารเด็ก ถ้าไม่อยากเลิก ก็ต้องหาทางมองในมุมที่เรารักและชอบให้ได้ หาความสุขในงานมากกว่าแค่หน้าที่ และวิชาชีพที่ใช้เลี้ยงตัวเอง
ผมกล้าบอกแบบนี้ เพราะ ผมเคยทำงานเป็นครูอาสา ไปสอนหนังสือในชุมชน ไปลงชุมชนตามต่างจังหวะ ตามหมู่บ้านด้อยโอกาส จนมีเด็กคนนึงที่ตอนนี้ เค้าเรียนในกรุงเทพได้สำเร็จ เพียงเพราะวันนั้น ผมบอกเค้าว่า ให้ตั้งใจเรียนและอย่าเลิกเล่นดนตรีนะ ดนตรีอาจเปลี่ยนชีวิตเค้าได้ ตอนนี้อยู่โรงเรียนดุริยางค์ครับ มีอนาคตรับราชการ โอกาสต่างๆที่อาจไม่มีหากวันนั้นนเราไม่ได้เจอกัน
อีกอย่าง
ลูกสาวผมเรียนออนไลน์ วิชาภาษาจีน โดยเหล่าซือ เป็นคนจากมหาวิทยาลัย กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ เค้าสอนเด็กไปพลาง เรียนออนไลน์ตัวเองไปพลาง เปิดลำโพง เสียงรบกวนเด็กๆอ่านตามหน้าที่เค้าบอก แต่ละสัปดาห์ ให้จดศัพท์ 4-5 คำเท่านั้น ไมม่สอนตามตำรา เรียกเด็กๆอ่านวนๆไป ใครไม่อ่านก็ข้าม จำไม่ได้ว่าใครอ่านไปแล้วบ้าง
เมื่อถูกร้องเรียน ก็ลาออก โดยจะมีผลเมื่อสิ้นเทอม ระหว่างรอเวลานั้น ก็สอนขอไปที ถึงขั้น เด็กมาเรียน เช็คชื่อแล้วบอกให้อ่านเตรียมสอบกันไปเงียบๆ ในขณะที่ตัวเองเรียนออนไลน์ของตัวเองไปด้วย
ผมลุกไปกดไมค์คุยกับครูเลยครับว่า แบบนี้ ผู้ปกครองเห็นแล้วไม่โอเค ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะสอนหนังสือเด็ก ให้ไปทำตัวเองให้พร้อมก่อน เวลา 4 เดือนที่เสียไปกับคุณครูแบบนี้ จะไปทวงคืนได้จากที่ไหน และยื่นเรื่องถึงฝ่ายบริหารโรงเรียนจริงจังครับ ต้องการให้"ไล่ออก" สถานเดียว
ดังนั้นผมจึงซีเรียสเรื่อง"จิตวิญญาณ" ในอาชีพต่างๆครับ
ถ้าไม่มีก็อย่ามาเสียเวลาเลย ยิ่งอาชีพที่เกี่ยวกับคนอื่นมากๆ อย่าเห็นแก่ตัวครับ
พวกเด็กขยายโอกาสนี่แหละครับ ที่ต้องการครูที่รักเค้ามากกว่าแค่อ่านออกเขียนได้ มากกว่าแค่สอบได้ เรียนได้ตามตำรา เพราะ อนาคตของพวกเค้า ละเอียดอ่อน การช่วยค้นหา ผลักดัน สนับสนุน ใช้กลยุทธ วิะีการ ให้เค้าประสบความสำเร็จ และมีโอกาสที่ดีขึ้นจากการศึกษา สำคัญเป็นอย่างมากมายครับ
แสดงความคิดเห็น
เราเป็นครู แต่เราไม่ชอบเด็ก